คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

สมภพ สนเวส

เรื่อง/ภาพ

หลายคนเมื่อทำผิดแล้วก็กล้าที่จะยอมรับผิด ยอมรับโทษตามความผิด แต่หลายคนเลือกที่จะหลบหนีเพราะกลัวความผิด หลายครั้งทำให้เรื่องราวบานปลาย จากคดีเล็กๆ กลายเป็นคดีอุกฉกรรจ์ถึงกับมีคนตาย

เมื่อ 01.30 น. วันที่ 3 มิ.ย. ร.ต.อ.กันตพัฒน์ ชาวดอน รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมือง จ.สมุทรปราการ ได้รับวิทยุแจ้งเหตุจากตำรวจสายตรวจในพื้นที่ว่า เกิดเหตุตำรวจอาสา สภ.เมืองสมุทรปราการ ถูกถีบรถจักรยานยนต์จนรถเสียหลักพุ่งชนท้ายรถบรรทุกซึ่งจอดอยู่ข้างทางจนเสียชีวิต ขณะขี่รถจักรยานยนต์ไล่ติดตามรถจักรยานยนต์ต้องสงสัย จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 201/99 หมู่ 8 ซอยจัดสรรเสนาะซอยย่อย 7 ถนนพุทธรักษา ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ

หลังรับแจ้งผู้กองกันตพัฒน์ ไม่รอช้ารีบรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนจะรีบ รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.ท. สุนทราพร จาตูม สว.สส.สภ.เมืองสมุทร ปราการ ตรวจสายตรวจ ฝ่ายสืบสวน อาสากู้ภัยสมาคมกู้ภัยสมุทรปราการ และมูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการ

ที่เกิดเหตุบนถนนในซอย พบศพ นายนพอนนต์ ออมอด อายุ 42 ปี อยู่บ้านหมู่ 1 ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ สภาพศพนอนหงายสวมเสื้อยืดสีดำทับด้วยแจ๊กเกตสีดำอีกชั้น กางเกงยีนส์ขายาว รองเท้าคัตชูสีดำ มีบาดแผลแตกที่ศีรษะเลือดนองพื้น

ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นเอ็นแม็กซ์ 125 สีขาว ทะเบียน ตราโล่ 29957 สภาพด้านหน้าพังยับ ล้มอยู่ท้ายรถบรรทุก 6 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่ ทะเบียน 83-3503 สมุทรปราการ ที่จอดชิดอยู่ขอบทาง โดยบริเวณไฟท้ายด้านขวาของรถบรรทุก มีรอยถูกเฉี่ยวชน เจ้าหน้าที่จึงได้บันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน

ส่วนรถต้องสงสัยที่หนีการตรวจค้น เป็นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เอ็มเอสเอ็กซ์ สีดำ ทะเบียน 5 กน 418 กทม. หลังก่อเหตุได้ขี่หลบหนีออกไปทางปากซอย จัดสรรเสนาะ 7 อย่างรวดเร็ว

สอบถาม ส.ต.ต.สุขวีร์ ดีวัน อายุ 25 ปี ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.เมืองสมุทรปราการ เผยว่า ก่อนเกิดเหตุตนพร้อมด้วย ส.ต.ต.สันติภาพ ลือเรือง นายกวี ชัยแสง และ นายนพอนนต์ ผู้ตายซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจอาสา ร่วมกันขี่รถจักรยานยนต์ออกตรวจพื้นที่เพื่อเฝ้าระวังเหตุตามปกติ กระทั่งมาถึงปากซอยจัดสรรเสนาะ 4 พบชาววัยรุ่น 4 คน ขี่และซ้อนรถจักรยานยนต์ตามกันมา 2 คัน ตนจึงเรียกเพื่อขออนุญาตตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมาย

คนขี่จักรยานยนต์คันแรกจอดรถให้ตรวจค้นแต่โดยดี แต่คนขี่รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เอ็มเอสเอ็กซ์ กลับไม่ยอมหยุดบิดเร่งเครื่องหลบหนีเข้าไปในซอยจัดสรรเสนาะ 4 นายนพอนนต์จึงขี่รถจักรยานยนต์ ไล่ตามไป ขณะเดียวกันตนก็รีบซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของนายกวี ติดตามไปติดๆ ส่วน ส.ต.ต.สันติภาพ ยืนเฝ้าอีก 2 คนที่มาด้วยกันไว้

จนกระทั่งมาถึงที่เกิดเหตุ จังหวะที่นายนพอนนต์เร่งเครื่องประกบรถจักรยานยนต์ที่หลบหนี ตนเห็นเท้ายื่นออกมาถีบรถจักรยานยนต์ของนายนพอนนต์ แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นเท้าคนขี่หรือคนซ้อน

นายนพอนนต์ถูกถีบจนรถเสียหลักคุมไม่อยู่ พุ่งเข้าใส่ท้ายรถบรรทุกที่จอดอยู่ และแฉลบชนอัดกำแพงปูนอย่างแรงเป็นเหตุให้ เจ้าตัวเสียชีวิต ส่วนรถจักรยานยนต์คันต้นเหตุได้หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ตนจึงได้หยุดรถและวิทยุแจ้งเหตุและสกัดจับ

ต่อมาส.ต.ต.สันติภาพ นำตัว นายสมพงษ์ สุวรรณเวียง อายุ 28 ปี และ นายรังสรรค์ สุรพล อายุ 23 ปี ที่ขี่รถมาพร้อมกับคนร้ายทั้งสองมาสอบถาม จนทราบว่าคนที่ขี่หลบหนีไปชื่อนายอรรถพล นาคนวล อายุ 25 ปี ส่วนคนซ้อนชื่อนายอาทิตย์ วีระพันธ์ อายุ 19 ปี

นายสมพงษ์ให้การว่าทั้ง 4 คน ทำงานอยู่ฝ่ายผลิต ที่บริษัทเอกชน แห่งหนึ่ง ย่านแพรกษา เมื่อช่วงหัวค่ำหลังเลิกงานทั้ง 4 คน จึงไปกินเหล้าที่บ้านหัวหน้า ย่านซอยตากบ เนื่องจากหัวหน้าเลี้ยงฉลองถูกหวยเลขท้าย 2 ตัว

กระทั่งตกดึกทั้งหมดจึงขอตัวกลับบ้านพัก ระหว่างขี่และซ้อนรถจักรยานยนต์มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงถูกเรียกให้หยุดรถเพื่อขอตรวจค้น แต่นายอรรถพลกลับเร่งเครื่องพานายอาทิตย์ หลบหนีไปจนเกิดเหตุร้าย ซึ่งตนก็ไม่ทราบสาเหตุว่านายอรรถพลจะหลบหนีการตรวจค้นทำไม

หลังได้ข้อมูล 7 โมงเช้าวันนั้นเอง พ.ต.ท. สุนทราพร นำกำลังชุดสืบสวน เดินทางไปควบคุมตัวนายอรรถพลและนายอาทิตย์ ที่บริษัท หลังทราบว่าทั้งสองคนเดินทางไปทำงานตามปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะนำมาสอบสวน ที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ

เบื้องต้นทั้งสองให้การตรงกันว่า ก่อนเกิดเหตุไปกินเลี้ยงสังสรรค์ที่บ้านหัวหน้า และได้พากันดื่มจนเมา ก่อนที่จะเดินทางกลับ กระทั่งพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงกลัวถูกจับเมาขับ นายอรรถพลจึงขี่รถจักรยานยนต์พากันหลบหนี

ระหว่างที่ขี่ไล่ตามกันมา ผู้ตายเร่งเครื่องแซงทางซ้าย โดยไม่ทันสังเกตว่ามีรถบรรทุกจอดอยู่ข้างหน้า ก่อนที่รถจักรยานยนต์ของผู้ตายจะเกี่ยวกับรถจักรยานยนต์ของนายอรรถพล และเสียหลักชนรถบรรทุก โดยทั้งคู่ปฏิเสธว่าไม่มีใครใช้เท้าถีบรถจักรยานยนต์ของผู้ตายแต่อย่างใด

ทั้งคู่ให้การอีกว่า จากนั้นจึงพากันกลับไปนอนพักผ่อนที่ห้องเช่าย่านซอยทรัพย์บุญชัย และตื่นขึ้นมาอาบน้ำไปทำงานตามปกติ ไม่คิดว่าอุบัติเหตุเมื่อคืนจะมีคนเสียชีวิต ส่วนสาเหตุที่ไม่หยุดรถดูนั้น เนื่องจากเกรงว่าจะถูกจับเมาแล้วขับ

นายอรรถพลถูกแจ้งดำเนินคดีในข้อหาเมาแล้วขับ และพ่วงด้วยขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ชนรถผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย และข้อหาสุดท้ายคือขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงาน ก่อนจะถูกควบคุมตัวส่งดำเนินคดี

หมดอิสรภาพ เสียอนาคต เสียประวัติ เพราะสุราเป็นเหตุแท้ๆ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน