คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

สุเชษฐ แรกรุ่น เรื่อง/ภาพ

ผู้ชายชอบใช้ความรุนแรงในการยุติความขัดแย้ง จะมีความเชื่อว่าความรุนแรงเป็นวิธีควบคุมผู้อื่นอย่างมีประสิทธิภาพ คนพวกนี้จึงไม่รู้สึกผิดที่จะใช้ความรุนแรงกับผู้อื่นที่อ่อนแอกว่า โดยเฉพาะเมื่อเป็นเรื่องในครอบครัว

บางครั้งกฎหมายก็ช่วยจัดการกับคนแบบนี้ได้ แต่สำหรับบางคนกลับกลายเป็นการเอาน้ำมันไปราดใส่กองไฟ จุดความโกรธแค้นเกรี้ยวกราดรุนแรงจนถึงกับจะฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่ง เช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช

วันที่ 5 มิ.ย.2560 ร.ต.อ.อรุณ กำลังเกื้อ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุยิงกันตาย ภายในร้านขายของชำ เลขที่ 149 หมู่ 1 ต.ชะมาย อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อม พ.ต.อ.คมสัน พฤศวานิช ผกก.สภ.ทุ่งสง, พ.ต.ท.สมศักดิ์ แก้วแสน รอง ผกก.สส. ตำรวจชุดสอบสวน แพทย์เวร ร.พ.ทุ่งสง และเจ้าหน้าที่มูลนิธิสยามรวมใจปู่อินทร์

ที่เกิดเหตุเป็นบ้าน 2 ชั้น ที่ชั้นล่างพบศพนายสุพล มณีฉาย อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 หมู่ 6 ต.ถ้ำใหญ่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช นอนหงายจมกองเลือดอยู่ในสภาพสวม เสื้อแจ๊กเกตแขนยาวสีดำทับเสื้อยืดสีดำ นุ่งกางเกงยีนส์ขายาวสีเทา ใส่หน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า และใส่ถุงมือยางสีขาว มีบาดแผล ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 เข้าที่ไหล่ซ้าย 3 นัด และพบอาวุธปืนลูกซองยาว 5 นัด 1 กระบอก กระสุน 8 นัด และระเบิดเอ็ม 67 อีก 1 ลูก ตกอยู่ใกล้ๆ กับศพ

ในที่เกิดเหตุยังพบผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย ประกอบด้วย นางละมัย มณีฉาย อายุ 49 ปี อดีตภรรยาของ นายสุพล, นางยุพา ติ้วทอง อายุ 51 ปี และนางพรทิพย์ ทองทิพย์ อายุ 53 ปี เป็นพี่สาวของนางละมัย โดยทั้ง 3 ถูกใส่กุญแจมือติดกันล่ามอยู่กับเสาบ้าน มีร่องรอยถูกทำร้ายจนร่างกายฟกช้ำ

ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 1 คน คือ นายกิตติพันธ์ ติ้วทอง ลูกของนางยุพา ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองเฉี่ยวศีรษะ ถูกนำส่ง ร.พ.ทุ่งสง ไปก่อนหน้าที่ตำรวจจะไปถึง

ขณะที่มือปืนที่ยิงนายสุพลจนเสียชีวิต คือ นายเกียรติศักดิ์ ติ้วทอง อายุ 52 ปี เจ้าของบ้านหลังดังกล่าว และเป็นสามีของนางยุพา รวมถึงเป็นคู่เขยของนายสุพลด้วย โดยหลังเกิดเหตุไม่ได้หลบหนีไปไหน ยืนถืออาวุธปืนขนาด .38 รอมอบตัวกับตำรวจอยู่ในที่เกิดเหตุนั่นเอง

จากการสอบสวนนายเกียรติศักดิ์ ให้การว่า ไม่ได้ตั้งใจจะยิงใส่นายสุพล แต่เป็นการป้องกันตัวและปืนลั่น โดยให้ข้อมูลว่า นายสุพลมีอาชีพทำสวนยางพารา ซึ่งได้หย่าร้างกับนางละมัยแล้ว เนื่องจากชอบทำร้ายภรรยา จนถูกแจ้งความเอาผิดในข้อหาทำร้ายร่างกาย ก่อนนางละมัย จะพาลูก 2 คน มาขออาศัยอยู่กับพี่สาวบ้านที่เกิดเหตุ หลังจากนั้นนายสุพล ก็ถูกดำเนินคดีศาลตัดสินจำคุก 1 ปี 6 เดือน แต่ก็ได้รับการประกันตัวออกมา จากนั้นก็เกิดความแค้นภรรยารวมถึงญาติๆ เป็นอย่างมาก ที่ทำให้ตนเองติดคุก

ก่อนเกิดเหตุนายสุพลงัดหน้าต่างบ้านบุกเข้าไปด้านในบ้าน พร้อมด้วยอาวุธปืนลูกซองยาว 5 นัด ระเบิดลูกเกลี้ยงเอ็ม 67 จำนวน 1 ลูก พร้อมน้ำมันเชื้อเพลิงอีก 1 ขวด มีการปิดหน้าปิดตาและใส่ถุงมือ เพื่อจะฆ่าล้างครัวแล้วเผาบ้านทิ้งเพื่อระบายแค้น

ขณะที่นางยุพา พร้อม นางพรทิพย์ และ นางละมัย กำลังทำอาหารอยู่ในครัวหลังบ้าน นายสุพลใช้อาวุธปืนขู่แล้วจับทั้ง 3 คนใส่กุญแจมือ ลงมือทำร้ายร่างกาย

ขณะเดียวกันนายกิตติศักดิ์ ได้ยินเสียงหวีดร้องขอความช่วยเหลือเสียงดัง จึงวิ่งลงมาจากชั้นบนมาเจอเหตุการณ์ นายสุพลจึงใช้อาวุธปืนยิงใส่แต่เฉี่ยวศีรษะ จนบาดเจ็บ และเป็นช่วงเดียวกับที่นายเกียรติศักดิ์ถืออาวุธปืนขนาด .38 ตามลงไปช่วย และเกิดการต่อสู้กันขึ้นกับนายสุพล ปรากฏว่า เกิดปืนลั่น 3 นัดซ้อนโดนร่างนายสุพล จนล้มฟุบสิ้นใจตายคาที่ ก่อนจะแจ้งให้ตำรวจมาตรวจสอบดังกล่าว โดยเหตุการณ์ดังกล่าวยังเกิดต่อหน้าลูกสาวและลูกชายของนายสุพลและนางละมัยด้วย

ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.คมสัน กล่าวว่า จากการสอบปากคำผู้บาดเจ็บรวมทั้งนายเกียรติพันธ์ซึ่งเป็นอดีตคู่เขยของนายสุพล พบว่า นายสุพล ตั้งใจจะมาฆ่าล้างครัวคนในบ้านดังกล่าว และเตรียมอุปกรณ์อาวุธปืน ลูกระเบิด และน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อจะเผาบ้าน ก่อนเกิดการต่อสู้จนมีเหตุยิงกันตายในที่สุด เบื้องต้นได้ควบคุมตัวนายเกียรติศักดิ์ไปดำเนินคดีในข้อหาฆ่าคนตาย

คดีนี้จะเข้าข่ายเป็นการป้องกันตัวหรือไม่ ต้องยกให้เป็นดุลพินิจของศาลที่จะพิจารณา แต่สิ่งที่ควรรีบเร่งเยียวยาคือสภาพจิตใจของลูกๆ ทั้งสองคน ที่บอบช้ำจากภาพสะเทือนใจที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน