แฟ้มคดี
นับเป็นความคืบหน้าอย่างน่าทึ่ง
สำหรับกรณีที่เจ้าหน้าที่ทหารสามารถบุกจับกุมผู้ต้องสงสัยลอบวางระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าได้สำเร็จ
โดยแกะรอยได้จากกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล
ที่จับภาพนาทีชายต้องสงสัยเดินถือถุงที่บรรจุของคล้ายแจกันเข้าไป ก่อนจะเดินออกมาโดยไม่มีสิ่งของในมือ
ก่อนจะรู้ตัวว่าเป็นลุงวิศวกร วัย 62
อีกทั้งเมื่อตรวจสอบภายในบ้านของผู้ต้องสงสัย ก็พบวัตถุประกอบระเบิดประเภทไปป์บอมบ์ถึง 4 ลูก พร้อมวงจรไอซีไทเมอร์ที่พร้อมทำงาน
นอกจากระเบิดไปป์บอมบ์ ยังพบบัตรพนักงานที่ป้ายห้อยบัตร และนาฬิกาแขวนผนัง ที่เป็นรูปหน้าอดีตนายกฯทักษิณ
จึงควบคุมตัวสอบเครียดที่ค่ายทหารทันที
แม้เจ้าตัวจะยังให้การปฏิเสธ แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังมั่นใจในหลักฐาน
พร้อมประกาศขยายผลไปหาผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด
- จับแล้วต้องสงสัยบึ้มร.พ.
หลังเกิดเหตุระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ เมื่อสายวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บถึง 25 ราย
ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นระเบิดไปป์บอมบ์ แบบเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นที่หน้ากองสลากกินแบ่งรัฐบาล แห่งเก่า ถนนราชดำเนิน และที่หน้าโรงละครแห่งชาติ
แต่ผิดแผกกันก็ตรงที่ระเบิดลูกนี้ใส่ตะปูเข็มและสะเก็ดระเบิด คาดว่าต้องการหวังผลถึงชีวิต
ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องระดมสรรพกำลังออกติดตามล่าคนร้าย และในที่สุดก็สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยจนได้
เช้าวันที่ 15 มิ.ย. มีรายงาน เมื่อคืนวันที่ 14 มิ.ย. เจ้าหน้าที่บุกเข้าไปค้นบ้านผู้ต้องสงสัยในหมู่บ้านอัมรินทร์นิเวศ ซอยรามอินทรา 3 เขตบางเขน กทม. โดยพบ นายวัฒนา ภุมเรศ อายุ 62 ปี อดีตวิศวกรไฟฟ้า กฟผ. อยู่พร้อมกับครอบครัว
ตรวจสอบพบระเบิดแสวงเครื่อง ประกอบแล้ว 1 ชุด ซุกในกระถางต้นไม้ พร้อมใช้งาน แผนที่วงจรระเบิดที่ประกอบแล้วติดตั้งไอซีไทเมอร์สมบูรณ์ 4 ชุด ดินเทาเชื้อปะทุ 2 กระป๋อง
จึงควบคุมตัวไปสอบสวนที่กองพันทหารราบ มทบ.11 โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความเคร่งเครียด ขณะที่นายวัฒนายังคงยืนกรานปฏิเสธ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ และคาดว่ามีผู้ร่วมขบวนการอีก
ก่อนที่เช้าวันที่ 15 มิ.ย. จะบุกเข้าไปตรวจค้นคอนโดมิเนียม 2 จุดที่ด้านหลังการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เพื่อรวบรวมหลักฐานต่างๆ ไปตรวจสอบว่าเป็นชนิดเดียวกับที่บึ้ม โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ หน้ากองสลากเก่า และหน้าโรงละครแห่งชาติหรือไม่
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวยอมรับว่าเจ้าหน้าที่จับผู้ต้องสงสัยวางระเบิดร.พ.พระมงกุฎเกล้าได้แล้ว เป็นชายอายุ 62 ปี อยู่ในขั้นตอนสอบสวน ถือเป็นเรื่องดีที่จับกุมได้
แต่ยังไม่เชื่อมโยงทหารแตงโม เพราะอยู่ระหว่างขยายผลว่าจะมีใครร่วมวางแผนและก่อเหตุด้วยหรือไม่ ส่วนตัวเขาเองก็ยอมรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง
รอดูผลสอบสวนว่าเป็นคนร้ายตัวจริงหรือไม่
- ที่แท้ลุงวัย62-สืบจากวงจรปิด
ขณะที่จากการสอบสวนเพื่อนสาวคนสนิท ที่อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ให้ข้อมูลว่า นายวัฒนามีความคิดฝักใฝ่เสื้อแดง และไม่ชอบทหาร แต่ภรรยาของนายวัฒนา ระบุว่าไม่พบว่าสามีมีความคิดรังเกียจทหาร หรือคิดก่อความรุนแรง
อย่างไรก็ตามในการตรวจค้น ก็พบหลักฐานเป็นบัตรพนักงาน กฟผ. โดยที่สายห้อยบัตรมีรูปอดีตนายกฯทักษิณ
หนำซ้ำยังพบนาฬิกาติดผนังสีแดง มีรูปอดีตนายกฯทักษิณ ใส่กล่องกระดาษไว้อีกด้วย
จึงรวบรวมทั้งหมดเป็นหลักฐานเพื่อดำเนินคดีต่อไป
สำหรับเบาะแสที่นำไปสู่การจับกุมครั้งนี้นั้น เป็นการขยายผลมาจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในวันเกิดเหตุ ซึ่งพบบุคคลต้องสงสัยเดินผ่านประตูทางเข้าโรงพยาบาล มุ่งหน้ามาที่ห้องวงษ์สุวรรณ
เป็นชายร่างผอม ความสูงประมาณ 160-165 เซนติเมตร ผมสั้น สวมหน้ากากอนามัย ใส่เสื้อเชิ้ตสีน้ำตาล กางเกงสีน้ำตาล รองเท้าคัตชู มือขวาถือถุงหิ้วคล้ายถุงผ้าสีขาว มีสิ่งของโผล่ออกมาลักษณะคล้ายดอกไม้ใส่แจกัน
เดินตรงเข้ามาแล้วก็เลี้ยวเข้าไปในห้องวงษ์สุวรรณ ผ่านไป 10 นาที ก็เดินออกมาโดยไม่ถือสิ่งของออกมาด้วย
เมื่อเจ้าหน้าที่ไล่เรียงวงจรปิดก็ยังพบว่าหลังจากที่ชายต้องสงสัยออกจากโรงพยาบาล ก็ขึ้นรถโดยสารประจำทางไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แล้วนั่งรถประจำทางไปย่านบางกรวย จ.นนทบุรี เพื่อหาเพื่อนสาว คนสนิท และยังพบว่ามีเพื่อนสาวอีกคนที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
ทั้งนี้จากการสอบสวนตลอดคืน มีรายงานว่านายวัฒนาให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุวางระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯจริง รวมทั้งที่กองสลาก และโรงละครแห่งชาติ รวมทั้งก่อเหตุช่วงปี’50 อีก 3 ครั้ง ที่หน้าบก.ทบ. ซอยราชวิถี 24 และห้างเมเจอร์ รัชโยธิน
โดยมีมูลเหตุจากความโกรธแค้นทหาร ที่ทำร้ายประชาชนเมื่อปี 2553
ส่วนข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรคงต้องรอผลอย่างละเอียดอีกครั้ง
- ย้อนระเบิดพระมงกุฎฯ-เจ็บอื้อ
สำหรับเหตุการณ์ระเบิด ที่ร.พ.พระมงกุฎฯ เมื่อวันที่ 22 พ.ค. โดยขณะที่แพทย์และพยาบาลกำลังปฏิบัติงานภายในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เพื่อดูแลรักษาคนไข้จำนวนมาก ที่รอคิวเข้ารับการรักษาที่บริเวณชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 ปี หน้าห้องวงษ์สุวรรณ ที่เป็นห้องรับรองข้าราชการบำนาญ ก็เกิดเสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหว
ฝ้าเพดาน กระจก แตกกระจาย ผู้คนที่อยู่บริเวณดังกล่าวอย่างแน่นหนาวิ่งหนีเอาชีวิตรอดกันวุ่นวายโกลาหล
ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บถึง 25 ราย ส่วนใหญ่เป็นนายทหารเกษียณ ที่มาหาหมอรักษาอาการเจ็บป่วย รุนแรงสุดถึงขั้นแก้วหูทะลุ บางคนถูกสะเก็ดระเบิดทะลุขา
จากการเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบหลุมและสารโพแทสเซียมคลอเรต ซึ่งเป็นหนึ่งในสารประกอบการทำวัตถุระเบิด อีกทั้งพบไอซีไทเมอร์ สายไฟฟ้า ซึ่งมีลักษณะเดียวกับที่โรงละครแห่งชาติ นอกจากนี้ พบเศษตะปูกระจัดกระจายเต็มพื้นที่
สรุปเบื้องต้นว่า เป็นระเบิดแสวงเครื่องทำด้วยพีวีซี เป็นไปป์บอมบ์แรงดันต่ำ ใช้ตะปูเข็มและเศษเหล็กเป็นส่วนประกอบระเบิด โดยคนร้ายที่น่าจะแทรกซึมทำทีเป็นผู้ป่วยหรือคนที่มาเยี่ยมไข้ เอามาซุกในแจกันดอกไม้
ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นฝีมือของคนกลุ่มเดียวกันกับที่ระเบิดหน้ากองสลากเก่า และที่โรงละครแห่งชาติ
แต่ครั้งนี้แตกต่างจากระเบิด 2 ครั้งแรก ที่คนร้ายไม่ได้มุ่งหวังเอาชีวิต แต่ครั้งนี้ใช้สะเก็ดระเบิดจำนวนมาก หากโดนเต็มๆ ก็จะอันตรายได้
โดยการสืบสวนครั้งแรกพุ่งเป้าไปที่ จดหมายเตือนระเบิด จากบุคคลที่ใช้ชื่อ “อาแว ยูโซฟ” ที่ส่งถึงผอ.สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ถนนพระราม 6 ก่อนเกิดระเบิดเพียง 3 วัน
รวมทั้งไม่ตัดกลุ่มนายพลเกษียณอายุราชการ ที่อาจมีลูกน้องมาร่วมลงมือได้
แต่การสืบสวนก็ไม่มีความคืบหน้า
- สอบโยงไปป์บอมบ์กรุง 2 จุด
ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ ชาวกรุงต้องขวัญผวามาแล้วถึง 2 ครั้ง ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เริ่มต้นด้วยช่วงค่ำวันที่ 5 เม.ย. ที่เกิดเหตุระเบิดหน้ากองสลากเก่า ถนนราชดำเนินกลาง ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย คือ น.ส.สุริญาพร พูลสมบัติ และ นางพิมพ์วรา รวีนพสิทธิ์ เจ้าหน้าที่รักษาความสะอาดของกทม. บาดเจ็บหูอื้อ ส่งรักษาตัวที่ร.พ. วชิรพยาบาล และพบถังขยะแตกเสียหาย 1 ใบ
การตรวจสอบของชุดอีโอดี ระบุว่า ระเบิดดังกล่าวเป็นระเบิดแสวงเครื่อง เป็นไปป์บอมบ์ ใช้ท่อพีวีซีบรรจุดินระเบิด 300 กรัม จุดระเบิดด้วยการตั้งเวลาโดยใช้ไอซีไทเมอร์ ซึ่งเป็นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งเวลาได้สูงสุดไม่เกิน 24 ชั่วโมง แต่อานุภาพไม่ร้ายแรง เนื่องจากใช้ดินระเบิดน้อย มีระยะทำลายประมาณ 1-2 เมตร แต่ไม่ทำให้ตาย
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำเจ้าหน้าที่เทศกิจ 9 นาย เพื่อตรวจสอบว่าจุดระเบิดดังกล่าวอยู่ที่ไหนกันแน่ พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิด เช็กตลอดเส้นทางถนนราชดำเนินกลาง ไปจนถึงแยกผ่านฟ้า และสอบปากคำเจ้าหน้าที่กทม. ที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันเกิดเหตุ ที่ปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่เวลา 19.30-24.00 น. ทั้งหมด 14 คน
ทั้งนี้จากกล้องวงจรปิด พบผู้ต้องสงสัยป้วนเปี้ยนอยู่ที่ถังขยะกว่า 200 คน แต่ได้ตรวจคัดกรองเหลือผู้ต้องสงสัย 9 คน ซึ่งได้เรียกตรวจสอบแล้ว 7 คน เหลืออีก 1-2 คน
ต่อมาเมื่อวันที่ 15 พ.ค. เวลา 20.30 น. เกิดเหตุระเบิดที่หน้าโรงละครแห่งชาติ ใกล้สนามหลวง ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย คือ น.ส.กัญชนา บุญชีพ และ น.ส.จันทร์เพ็ญ วุฒิเอกไพบูลย์ ได้รับบาดเจ็บที่แขนซ้าย
การตรวจสอบพบไอซีไทเมอร์ และสายไฟ เป็นการวางระเบิดชัดเจน
แต่จากการตรวจสอบไม่พบว่ามีกล้องวงจรปิดบริเวณดังกล่าว
เป็นระเบิดที่เกิดขึ้นกลางกรุง 2 ครั้ง ที่ไม่สามารถจับกุมได้แม้ผู้ต้องสงสัย
ส่วนที่จับได้ในคดีบึ้มโรงพยาบาลพระมงกุฎฯ ก็ต้องรอผลสอบสวน
ว่าอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดกรุงทั้งหมดหรือไม่ อย่างไร