คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

สมศักดิ์ ชฎารัตน์

อดิษัยต์ พรวนพิมพ์

เรื่อง/ภาพ

แม้นจะล่วงเลยวัยเกษียณมาถึง 11 ปีแล้ว แต่สำหรับ นายสงคราม รัตนาคม อายุ 71 ปี หรือ “ตาลุง” ที่ชาวบ้านในซอยประดิพัทธ์ 21 ถนนประดิพัทธ์ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. คุ้นหน้าคุ้นตากันดี ด้วยเจ้าตัวชอบนั่งกินเหล้าอยู่บริเวณที่จอดรถตู้ในซอยดังกล่าว ความเจ้าชู้กรุ้มกริ่มหาได้ลดลงตามวัยที่เพิ่มขึ้นไม่ ความที่ทำตัวเป็นเฒ่าสายเปย์ สุดท้ายจึงกลายมาเป็นต้นเหตุของคดีสยอง

เมื่อเวลา 22.00 น. คืนวันที่ 13 มิ.ย. ร.ต.อ.พิเชฏฐ์ ชาตะโชติ รองสว.(สอบสวน) สน.บางซื่อ รับแจ้งเหตุผู้ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเสียชีวิต บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 23 ซอยประดิพัทธ์ 21 ถนนประดิพัทธ์ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบก.น.2 พ.ต.อ.เศกสิทธิ์ สุภาอ้วน ผกก.สน.บางซื่อ พ.ต.ท.คณบดี เลิศอมรศักดิ์ รรท.ผกก.สส.บก.น.2 พ.ต.ท.พิชิต กอปรกิจงาม รองผกก.สส.สน.บางซื่อ พ.ต.ท.ปริญญา กลิ่นเกษร รองผกก.ป.สน.บางซื่อ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) แพทย์นิติเวช ร.พ.ตำรวจ และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุเข้าไปในซอยประดิพัทธ์ 100 เมตร พบรถตู้ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นคอมมิวเตอร์ สีเทา ทะเบียน ฮท 1902 กรุงเทพมหานคร ภายในรถบริเวณเบาะด้านหลังคนขับฝั่งซ้ายข้างประตู พบ นายสุพจน์ แม้นรำ อายุ 30 ปี อาชีพขับรถตู้รับจ้างทั่วไป สภาพสวมเสื้อยืดคอกลมสีดำ สวมกางเกงขาสั้นสีดำ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด.40 เข้าบริเวณศีรษะ 2 นัด ชายโครงซ้าย 1 นัด ได้รับบาดเจ็บสาหัส เลือดไหลนองเต็ม พื้นรถ อาสาสมัครมูลนิธิเร่งกู้ชีพแต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา

สอบสวนเบื้องต้นมีพยานเห็นว่า คนร้ายเป็นชายสูงอายุ เข้ามาพูดคุยและทะเลาะกับผู้ตาย ก่อนใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้ตาย 3 นัดแล้วหลบหนีไป พยานยังให้การว่าผู้ที่ก่อเหตุนั้น ชาวบ้านบริเวณดังกล่าวเรียกชื่อว่า “ตาลุง” และมักบอกชาวบ้านว่าเป็นอดีตทหารที่เกษียณแล้ว ซึ่งจะชอบมานั่งดื่มสุราบริเวณดังกล่าวอยู่เป็นประจำ

พล.ต.ท.ศานิตย์ เผยว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ขอรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ในที่เกิดเหตุไว้ก่อน ส่วนสาเหตุน่าจะเกิดจากปัญหาส่วนตัว โดยคนร้ายประสงค์ต่อชีวิต เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบกล้องวงจรปิด อย่างไรก็ตาม คนร้ายมาเพียงคนเดียว คดีนี้ไม่ยากเกินไป 1-2 วันน่าจะรู้เรื่อง ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานก่อน หากเปิดเผยรายละเอียดไปอาจส่งผลกระทบต่อรูปคดีได้

คดีนี้ไม่ยากจริงๆ เพราะเพียงข้ามคืนตำรวจก็สามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้ ขณะย้อนกลับมาที่บ้านพัก ห้องเช่าเลขที่ 50 ซอยประดิพัทธ์ 17 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ

สิบโมงเช้าวันที่ 14 มิ.ย. ที่สน.บางซื่อ พล.ต.ท.ศานิตย์ นำทีมแถลงข่าวจับกุม นายสงคราม รัตนาคม อายุ 71 ปี บ้านเลขที่ 54 หมู่ 7 ต.บ่อพลับ อ.เมือง จ.นครปฐม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญารัชดาภิเษก เลขที่ 1392/2560 ลงวันที่ 14 มิ.ย. 60 ในความผิดตามข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” พร้อมด้วยอาวุธปืนกึ่งอัตโนมัติ ยี่ห้อบาเร็ตต้าที่ใช้ก่อเหตุ

พล.ต.ท.ศานิตย์เปิดเผยปมสังหารว่า สาเหตุเกิดจากเรื่องชู้สาว เนื่องจากนายสงครามผู้ก่อเหตุรู้จักสนิทสนมกับแฟนสาวของผู้ตาย ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในห้างสรรพสินค้าย่านสะพานควาย ก่อนจะแอบคบหาดูแลกันมาได้ปีกว่าแล้ว

นายสงคราม ยังให้เงินทองของมีค่ากับหญิงสาว รวมทั้งให้สร้อยทองน้ำหนัก 4 บาท แก่กิ๊กสาวเอาไว้ใส่ แต่ปรากฏว่า คนตายเอาทองไปจำนำแล้วไม่ไปไถ่ออก จนผู้ต้องหาต้องไปไถ่ทองออกมาเอง สร้างความไม่พอใจให้เป็นอันมาก วันเกิดเหตุ ผู้ต้องหาถือปืนมาที่รถตู้ ซึ่งผู้ตายนอนพักอยู่ แล้วยิงใส่ทันทีโดยไม่พูดไม่จา ก่อนหลบหนีไป

พล.ต.ท.ศานิตย์เปิดเผยอีกว่า เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ หลังก่อเหตุได้หลบหนี โดยรถเมล์สาย 63 ไปย่านงามวงศ์วาน แต่ภายหลังเปลี่ยนใจ จึงนั่งรถกลับมาที่บ้านพักย่านประดิพัทธ์ 17 จนถูกตำรวจจับกุมไว้ได้

สำหรับสาเหตุที่ลงมือเพราะอารมณ์ชั่ววูบ เกิดจากความไม่พอใจผู้ตาย ซึ่งเป็นแฟนหนุ่มของหญิงสาวที่ตนรู้จัก ไม่ดูแลครอบครัว และไม่มีความรับผิดชอบ ขณะที่ตนช่วยเหลือทุกอย่าง

ทั้งนี้จากการตรวจสอบประวัติ นายสงครามเคยทำงานเป็นลูกจ้างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และได้เกษียณมานานแล้ว ไม่ได้เป็นทหารเก่าแต่อย่างใด แต่เจ้าตัวชอบสะสมปืน โดยปืนที่ก่อเหตุนั้นซื้อมาจากโรงรับจำนำได้ 2 ปี จนมาก่อเหตุดังกล่าว

ภายหลังการแถลงข่าว ตำรวจนำตัวนายสงคราม “เฒ่าสายเปย์” ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุ โดยมีประชาชนและญาติผู้ตายมายืนดูเป็นจำนวนมาก บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงอะไร ใช้เวลาทำแผนฯ ไม่ถึง 5 นาที จึงพาตัวกลับ สน.บางซื่อ เพื่อสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เพราะความไม่รู้จักพอ สุดท้ายเลยต้องเข้าไปใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ในคุก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน