คำสารภาพมือปืนโหด

ลูกซองส่อง-ฆ่าป้าเมีย

สาวช็อกเพิ่งรู้ความจริง – สดจากสนามข่าว

คำสารภาพมือปืนโหด สดจากสนามข่าว – ผ่านมา 3 วันแล้วที่เพื่อนบ้านไม่เห็น นางสมใจ ถามะพันธุ์ อายุ 54 ปี ออกมา รดน้ำในแปลงผักที่ปลูกอยู่บริเวณริมตลิ่งลำห้วยโสม หมู่ 3 ต.ศรีสำราญ อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี เหมือนเช่นทุกวัน ทั้งที่รถ จยย. ก็ยังจอดอยู่หน้ากระท่อม

กระทั่งเริ่มได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยมาตามลม จึงตัดสินใจพายเรือข้ามฝั่งมาดูจนเป็นที่มาของคดีสยอง!

ย้อนไปเมื่อวันที่ 26 เม.ย. พ.ต.อ.เชี่ยวชาญ มีชัย ผกก.สภ.น้ำโสม จ.อุดรธานี นำกำลังลงพื้นที่เพื่อคลี่คลายเหตุ ภายหลังร.ต.ท.(หญิง) ณัฐทิตา มหาชาติ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.น้ำโสม ได้รับแจ้งพบผู้เสียชีวิตริมตลิ่งลำห้วยโสม หมู่ 3 ต.ศรีสำราญ อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี

 

ในที่เกิดเหตุพบศพ นางสมใจ ถามะพันธุ์ อายุ 54 ปี อยู่ใต้ต้นไม้ริมตลิ่ง มีบาดแผลถูกยิงด้วยปืนลูกซองเข้าที่หน้าอกขวาและหลัง คาดว่าเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน นอกจากนี้ยังพบปลอกกระสุนปืนลูกซองตกอยู่ใกล้ๆ อีก 2 ปลอก และบนกระท่อมอีก 1 ปลอก

จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายมักจะมานอนอยู่ที่กระท่อมนา เพื่อทำสวนผัก 2-3 วัน และกลับไปนอนที่บ้าน โดยจะใช้เครื่องสูบน้ำ ปั๊มน้ำจากลำห้วยโสมขึ้นมารดน้ำผักทุกเช้า ต่อมาเพื่อนบ้านที่มีสวนอยู่ฝั่งตรงข้ามสังเกตว่ามีสิ่งผิดปกติ เพราะรถ จยย.ผู้ตายจอดอยู่ที่หน้ากระท่อม 3 วัน รวมทั้งได้กลิ่นเหม็นเน่า จึงพายเรือข้ามฝั่งมาดูก็พบศพ ดังกล่าว

จากข้อมูลที่ญาติๆ ให้มา ตำรวจพบว่าที่ผ่านมาผู้ตายมีปัญหา กับนายประจักษ์ วาโย อายุ 32 ปี น้องชายของลูกสะใภ้คนโต ที่เคยมาอาศัยอยู่ด้วยและช่วยปลูกผักเมื่อ 3-4 ปีก่อน เรื่องที่ขอยืมเงิน ไปแต่งงาน 3 หมื่นบาท สัญญาว่าเมื่อแต่งงานแล้วจะนำเงินมาคืน แต่หลังจากแต่งงานผ่านไปเป็นปีก็ยังไม่นำเงินมาคืน ผู้ตายได้ไปทวงหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้คืน จนทะเลาะวิวาทมีปากเสียงกัน

 

หลังได้ข้อมูลพ.ต.ท.สุรพงษ์ งิมสันเที่ยะ รอง ผกก.สส. จึงนำชุดสืบสวนไปที่บ้านของนายประจักษ์ พบเพียงภรรยาและลูก โดยทราบว่าเมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา นายประจักษ์มาบอกภรรยาว่าจะเดินทางไปเยี่ยมพ่อที่ จ.อุบลราชธานี และพูดสั่งเสียภรรยาว่า “ให้เลี้ยงลูกเองนะ” คล้ายจะไม่กลับมาอีก

ตำรวจให้ภรรยารวมทั้งญาติโทร.สอบถามนายประจักษ์ จนสารภาพว่า ยิงนางสมใจจริง ส่วนปืนลูกซองได้นำไปซุกซ่อนไว้ ในป่า และจะกลับมามอบตัว

แต่พ.ต.ท.สรพงษ์ไม่รอให้เสียเวลา รีบนำชุดสืบสวนติดตามไล่ล่าจนสามารถจับกุมตัวนายประจักษ์ได้ที่ จ.อุบลราชธานี เบื้องต้น นายประจักษ์ให้การรับสารภาพถึงชนวนสังหารว่า เป็นเพราะแค้น ที่นางสมใจมาทวงหนี้ 3 หมื่นบาท ที่ตนยืมมาแต่งงานแต่ยังไม่มีเงินคืนให้หลายครั้ง ทำให้ทะเลาะวิวาทมีปากเสียงกัน จึงแจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา”

 

ต่อมาวันที่ 28 เม.ย. พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี, พ.ต.อ.ทรงพล บริบาลประสิทธิ์ รอง ผบก., พ.ต.อ.วิธ มุทธสินธุ์ ผกก.สส.ภ.จว.อุดรธานี, พ.ต.อ.เชี่ยวชาญ มีชัย ผกก.สภ.น้ำโสม จ.อุดรธานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.น้ำโสม 50 นาย ควบคุมตัว นายประจักษ์ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

จุดแรกที่กระท่อมนาสวนผักที่เกิดเหตุ ช่วงเช้าวันที่ 23 เม.ย. นายประจักษ์ได้ขี่รถจยย. สะพายปืนลูกซองมาจอดบริเวณทางเข้า สวนผัก ห่างจากกระท่อมประมาณ 100 เมตร จากนั้นได้ขึ้นไปที่กระท่อม แล้วยิงที่นอน เพราะคิดว่าผู้ตายยังนอนอยู่ แต่ไม่มีใคร

ระหว่างนั้นผู้ตายที่เตรียมจะอาบน้ำอยู่ริมตลิ่งได้ยินเสียงปืน ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ และกำลังขึ้นมาดู นายประจักษ์จึงเดินไป ตามเสียง ก่อนยิงผู้ตายไป 2 นัด แล้วหลบหนีไป ระหว่างทำแผนฯ ญาติผู้ตายและชาวบ้านพยายามจะเข้าไปรุมประชาทัณฑ์ และตะโกนด่า หลังจากนั้นตำรวจจึงพาไปที่จุดซ่อนปืนในป่าห่างจากจุดเกิดเหตุ 5 กิโลเมตร

พล.ต.ต.พิษณุกล่าวว่า จากการสอบสวนทราบว่านายประจักษ์เป็นน้องชายลูกสะใภ้คนโตของผู้ตาย และมาทำสวนผักกับ ผู้ตายประมาณ 3-4 ปี ต่อมาผู้ตายได้แนะนำให้รู้จักกับ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 25 ปี จนจะแต่งงานกัน แต่นายประจักษ์ขาดเงินค่าสินสอด 3 หมื่นบาท ผู้ตายได้ให้ยืม แต่นายประจักษ์ยังไม่มีให้ ทำให้ผู้ตายไม่พอใจ และด่าทอนายประจักษ์เป็นประจำ

 

ขณะที่นายประจักษ์ระบุว่า ไม่อยากอยู่ต่อ เพราะอ้างว่าถูกผู้ตายบังคับให้แต่งงานโดยไม่เต็มใจ และนายประจักษ์เคยบอกผู้ตายหลายครั้งว่าอยู่กับภรรยาคนนี้ไม่ได้ ไม่อยากอยู่ต่อ ทนไม่ได้ อีกทั้งแม่ยายก็ไม่ยอมรับ อยากกลับไปทำสวนเหมือนเดิม แต่ผู้ตายก็ไม่ยอมให้กลับมา ทำให้คับแค้นใจ จึงตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว รู้สึกสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป ส่วนที่ผู้ตายทวงเงิน 3 หมื่นคืนเป็นเพียงส่วนประกอบเท่านั้น

ด้านน.ส.เอ ภรรยานายประจักษ์ เปิดเผยทั้งน้ำตาหลังได้รับฟัง คำสารภาพจากปากสามีว่า รู้สึกเสียใจที่สามีลงมือฆ่านางสมใจ ที่เป็นทั้งญาติผู้ใหญ่ เป็นผู้มีพระคุณมาสู่ขอจนได้แต่งงานกัน ที่อ้างว่าแค้นที่โดนบังคับให้แต่งงานรู้สึกกดดัน อึดอัด ถ้าหากไม่อยากแต่งทำไมถึงมาคุยมาจีบนานกว่า 1 ปี ให้ผู้ใหญ่รวมทั้งผู้ตายมาสู่ขอ อยู่กินกันมากว่า 2 ปี จนมีลูกด้วยกัน 1 คน

พูดเช่นนี้ตนรู้สึกเสียใจมาก เพราะตนหวังสร้างอนาคตอยู่ด้วยกัน ถ้าอยากได้สินสอดคืนก็บอกมา จะคืนให้ ตนจะเลี้ยงลูกเอง หลังจากนั้น ตนจะไม่ไปประกันตัว ใครสร้างกรรมอะไรไว้ก็รับกรรมเอง

วัฒนชัย จำนงค์ทอง-เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน