คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

สมศักดิ์ ชฎารัตน์

เรื่อง/ภาพ

เมืองไทยเข้าใกล้จะกลายเป็นสวรรค์ของมาเฟียต่างชาติเข้าไปทุกที ทั้งแก๊งมาเฟียหมีขาว แก๊งผิวสี แก๊งเกาหลี ที่ขาดไม่ได้คือแก๊งยากูซ่าของญี่ปุ่น แก๊งมาเฟียพวกนี้ส่งคน เข้ามาหาผลประโยชน์จากคนชาติเดียวกันที่เข้ามาทำธุรกิจในเมืองไทย ทั้งอุ้ม รีดไถ หรือแม้แต่ฆ่าทิ้ง

ล่าสุดตำรวจจับกุมสมาชิกแก๊งยากูซ่า ที่เข้ามาก่อเหตุอุ้มรีดทรัพย์นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นในเมืองไทย พร้อมบุกช่วยเหลือเหยื่อเอาไว้ได้หวุดหวิด ก่อนจะถูกฆ่าทิ้ง

เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. หลังภรรยาชาวไทยของ นายวาตานาเบ้ ซินามิ อายุ 56 ปี นักธุรกิจชาวญี่ปุ่น เจ้าของบริษัทขายเครื่องมือแพทย์ เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.ทองหล่อ ว่า สามีถูกคนร้ายอุ้มหายไปจากย่านแจ้งวัฒนะ ตั้งแต่วันที่ 5 มิ.ย. จากนั้นคนร้ายได้โทรศัพท์มาข่มขู่ไม่ให้แจ้งตำรวจและพยายามตามหาตัว ไม่เช่นนั้นจะฆ่าทิ้งเสีย

หลังรับแจ้งตำรวจรายงานเหตุให้ผู้บังคับบัญชารับทราบตามลำดับ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ. ประสานกับ พล.ต.ต.ประเสริฐ เงินยวง ผบก.ท่องเที่ยว สนธิกำลังสืบหาเบาะแส

กระทั่งพบว่า หลังนายวาตานาเบ้หายตัวไป มีการโยกย้ายเงินออกจากบริษัทไปจำนวนมาก จึงออกตามหาเบาะแส กระทั่งพบความเคลื่อนไหวผิดปกติในห้องพักเลขที่ 719 ชั้น 7 อพาร์ตเมนต์แกรนด์ ไฮเทค ทาวเวอร์ ในซอยเอกมัย 23 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ

ชุดสืบสวนซุ่มดูกระทั่งพบหนึ่งในคนร้ายออกจากห้อง ขับรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีขาว ทะเบียน 5 กฆ 2491 กรุงเทพฯ ออกมาซื้อของบริเวณซอยสุขุมวิท 26 เจ้าหน้าที่จึงสะกดรอยติดตาม และชาร์จจับกุมไว้ได้ ก่อนเค้นสอบจนคนร้ายสารภาพว่า ขังนายวาตานาเบ้ อยู่ในห้องพักดังกล่าว

ค่ำวันที่ 9 มิ.ย. กำลังตำรวจ 191 ตำรวจ ท่องเที่ยว และ สน.ทองหล่อ บุกเข้าไปในห้องพัก พบคนร้ายอีก 2 คน และนายวาตานาเบ้ ถูกมัดด้วยสายไฟอยู่บนเตียง สภาพถูกทรมานโดนตีด้วยไม้เบสบอลที่ขาซ้ายเป็นบาดแผล ขาขวาหัก และ ลำตัวช้ำ จึงส่งตัวไปรักษาที่ร.พ.บำรุงราษฎร์ เบื้องต้นอาการสาหัส

ขณะที่จากการสอบสวนทราบชื่อคนร้ายทั้ง 3 คน คือ นายเรโอ ซูรุโซเอะ อายุ 41 ปี นายคิโยโตะ มิยาตะ อายุ 57 ปี และ นายมาซาโตะ โคบาริ อายุ 45 ปี ทั้งหมดเป็นชาวญี่ปุ่น สิ่งที่ทำให้ชวนตะลึงคือจากการตรวจค้นในห้องที่เกิดเหตุยังพบเลื่อย ถุงพลาสติกดำ ผ้ายางรองพื้น คล้ายเตรียมพร้อมเอาไว้หั่นอำพรางศพ

พล.ต.ต.สุธีร์กล่าวว่า หากเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือช้าไปวันสองวันนายวาตานาเบ้ อาจจะเสียชีวิตแน่นอน ส่วนจะมีผู้ต้องหามากกว่า 3 คนหรือไม่นั้นต้องสอบสวนอีกครั้ง เบื้องต้นจะควบคุมผู้ต้องหาทั้งหมดส่ง สน.ทองหล่อ ดำเนินคดีแจ้งข้อหาตามกฎหมาย

จากการสอบปากคำ 3 ผู้ต้องหาทราบว่าทั้งหมดเคยทำงานเป็น ลูกน้องนายวาตานาเบ้ แต่ต่อมาร่วมกันยักยอกทรัพย์บริษัทไปจำนวนมาก จึงถูกไล่ออกและแจ้งตำรวจดำเนินคดีรวมทั้งฟ้องเรียก ค่าเสียหายอีก 15 ล้านเยน ที่ประเทศญี่ปุ่น ทำให้ผู้ต้องหาเกิดความโกรธแค้น จึงวางแผนจับตัวผู้เสียหายมากรรโชกทรัพย์ รวมทั้งต่อรองเรื่องคดีความด้วย

วันที่ 10 มิ.ย. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พร้อมนายตำรวจระดับสูงร่วมหารือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่น และ เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ก่อนแถลงข่าวโดยนำของกลางที่ยึดได้ประกอบด้วยธนบัตรไทยและญี่ปุ่น เชือก ไม้เบสบอล และอาวุธปืนลูกโม่เทียม มาแสดง โดยไม่นำ ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนออกมาแถลงข่าว

พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า นายเรโอเป็นหัวหน้าแก๊งที่ก่อเหตุ อ้างว่าสาเหตุมาจากความขัดแย้งเรื่องปัญหาการรับจ้างที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อ 2 ปีก่อน ทางผู้เสียหายเคยแจ้งความกับตำรวจ และไม่ยอมเลิกรา คนร้ายจึงวางแผนล่อให้ผู้เสียหายออกมาเจอกันที่ย่านแจ้งวัฒนะ ก่อนอุ้มไปกักขัง

ผู้ต้องหาอ้างว่าต้องการแค่สั่งสอนไม่ให้มายุ่งรังควานอีก ส่วนเลื่อยที่พบในห้องเอามาเลื่อยไม้เพื่อดามขาผู้เสียหายที่หักเท่านั้นไม่ได้ต้องการให้ตาย แค่สั่งสอน แต่ประเด็นนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ

ขณะเดียวกันรายงานข่าวแจ้งว่านายเรโอเดินทางเข้าประเทศไทยตั้งแต่เดือนเม.ย. ในฐานะนักท่องเที่ยวและเคยต่อวีซ่า 1 ครั้ง สิ้นสุดเดือนมิ.ย.นี้ เช่นเดียวกับนายมาซาโตะที่ใช้วีซ่าท่องเที่ยว เช่นกัน ส่วนนายคิโยโตะมีวีซ่าทำงานในประเทศไทย เป็นคนขับรถให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง

ทั้งนี้ นายเรโอได้ว่าจ้างนายคิโยโตะมาขับรถให้ในราคา 60,000 บาทต่อเดือน ทั้งนี้ตำรวจพบว่าข้อนิ้วก้อยข้างซ้ายของนายมาซาโตะหายไป และมีรอยสักคล้ายสมาชิกแก๊งยากูซ่า แต่ทางตำรวจญี่ปุ่นตรวจสอบชื่อแล้วไม่พบในสารบบคนร้าย คาดว่าจะเป็นแค่สมาชิกระดับปลายแถว

หลังการสอบสวนทั้ง 3 คนถูกนำตัวส่งดำเนินคดีในข้อหา “ปล้นทรัพย์ กักขังหน่วงเหนี่ยวและทำให้สูญเสียอิสรภาพ ทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บ” ซึ่งทางนายเรโอปฏิเสธเซ็นชื่อในชั้นจับกุม ขอให้การในชั้นสอบสวน ส่วนนายคิโยโตะให้การปฏิเสธทุกข้อหา ขณะที่นายมาซาโตะปฏิเสธข้อหาปล้นทรัพย์ แต่รับสารภาพในข้อหาที่เหลือ

ต้องยกความดีให้ตำรวจไทย ที่สืบสวนได้รวดเร็ว ไม่เช่นนั้น คงมีคดีฆ่าหั่นศพขึ้นมาอีกคดีเป็นแน่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน