อุทาหรณ์หัวร้อนขับรถ

สัตวแพทย์หนุ่มกะซวก

ทนายรุ่นใหญ่ดับคาถนน

คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

โดย….พนม คงเจริญ / อดิศร จิตตเสวี

ทนายดับ – มีคำเปรียบเปรยเอาไว้ว่าทุกครั้งที่ขึ้นไปนั่งหลังพวงมาลัยก็เหมือนกันขาข้างหนึ่งเข้าไปอยู่ในคุกแล้ว แต่ในยุคที่ผู้คนมีความอดทนเหลือน้อยนิด การขับรถออกไปบนถนนน่าจะไม่ใช่แค่ขาข้างเดียวเสียแล้วที่แหย่เข้าไปในคุก

เช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 20.00 น. วันที่ 10 พ.ค. ที่ผ่านมา โดย ร.ต.ท.กษิดิศ เหมาะสม รองสารวัตร (สอบสวน) สน.มักกะสัน รับแจ้งเหตุคนทะเลาะวิวาทใกล้แยกรามสูร ถนนพระราม 9 ขาเข้า แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ชนะวรศิณธุ์ ศุภพนารักษ์ ผกก.สน.มักกะสัน ฝ่ายสืบสวน สน.มักกะสัน กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์ ร.พ.รามาฯ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุอยู่บนถนนพระราม 9 ขาเข้า ตรงข้ามโชว์รูมจำหน่ายรถยนต์เอจี คาร์ ในช่องทางขวา พบรถกระบะโตโยต้า สีเงิน หมายเลขทะเบียน บบ 9797 กระบี่ สภาพกันชนหน้ามีรอยยุบ กระจกหลังรถและฝากระบะท้ายมีคราบเลือดติดอยู่ ภายในรถพบร่าง นายยิ่งพันธ์ เธียรเจริญ ทนายความหนุ่มใหญ่วัย 56 ปี นั่งคอพับอยู่ โดยมีบาดแผลถูกแทงเข้าที่ชายโครงซ้าย 1 แผล ต้นขาซ้าย 1 แผล เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจทุบกระจกเพื่อนำตัวออกมาให้ความช่วยเหลือ แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้

ตร.ตรวจที่เกิดเหตุ

นายยิ่งพันธ์ เธียรเจริญ

ขณะที่ห่างออกไปประมาณ 10 เมตร พบรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค สีขาว หมายเลขทะเบียน 9 กศ 2383 กรุงเทพมหานคร สภาพท้ายรถมีรอยถูกชน กระจกหน้าด้านขวาแตก มีคราบเลือดติดที่ประตูคนขับ ด้านขวา โดยมี นายสัตวแพทย์ศรุติ ประยูรจตุพร อายุ 27 ปี คนขับรถเก๋ง ซึ่งอยู่ในอาการช็อกนั่งอยู่ เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งจึงเร่งนำตัวส่ง ร.พ.ปิยะเวท

รถเก๋งมือมีด

จากการสอบถามนายสุรกิติ เปล่งสงวน อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ผู้เข้าช่วยเหลือเป็นคนแรก เล่าว่า เวลาประมาณ 2 ทุ่ม ขณะที่ตนกำลังตรวจสอบเหตุรถชนห่างจุดเกิดเหตุ 100 เมตร มีคนขับรถผ่านมาบอกให้ตรวจสอบคนขับรถ 2 คนกำลังชกต่อยกัน บริเวณทางลงสะพานต่างระดับรามคำแหง (ขาเข้า)

เมื่อมาตรวจสอบกลับไม่พบเหตุ กระทั่งขับเลยทางลงมาประมาณ 200 เมตร จึงพบรถทั้ง 2 คันจอดอยู่จนทำให้รถติด ตนจึงลงมาตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้น พบว่าประตูรถกระบะล็อกอยู่ จึงเดินไปสอบถามคนขับรถเก๋ง ก็ได้บอกกับตนว่าถูกรถกระบะขับปาดหน้า และเป็นคนแทงคนขับรถกระบะเอง จึงรีบวิ่งมาดูที่รถกระบะอีกครั้ง

เมื่อส่องไฟดูที่กระจกพบว่าคนขับนั่งคอพับอยู่ภายในรถ ซึ่งขณะนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงพอดี ได้สั่งให้ตนทุบกระจกเพื่อช่วยเหลือ พบว่าที่ตัวและขามีเลือดไหลออกจำนวนมาก จึงนำตัวลงมาช่วยเหลือแต่ไม่เป็นผล และเป็นจังหวะเดียวกับที่คนขับรถเก๋ง เกิดอาการช็อกขึ้นมาพอดีเพื่อนอาสาจึงรีบนำส่ง ร.พ.

ต่อมาพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร.เผยว่า ได้รับรายงานจากพนักงานสอบสวน สน.มักกะสัน ว่าจากการสอบปากคำผู้ก่อเหตุทราบว่า เมื่อวันที่ 10 พ.ค. เวลาประมาณ 20.00 น. ได้ขับรถฮอนด้า ซีวิค สีขาว แซงรถจักรยานยนต์มาปาดหน้ารถกระบะโตโยต้าของผู้เสียชีวิต จากนั้นได้จอดรถมีปากเสียงกัน ผู้ต้องหาจึงใช้มีดแทงนายยิ่งพันธ์ ผู้เสียชีวิต และขับรถหลบหนี แต่นายยิ่งพันธ์ขับรถตามชนท้ายรถของผู้ต้องหา ต่อมาได้หมดสติ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

รถกระบะผู้ตาย

รอยชนที่ท้ายรถ

พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน และแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบว่า “ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตาม ม.290 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 15 ปี และพกพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยเปิดเผย หรือไม่มีเหตุอันควร ตาม ม.371 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท”

รองโฆษก ตร. ฝากเตือนไปยังประชาชน ผู้ใช้รถใช้ถนนเมื่อเกิดกรณีมีเหตุขับรถเฉี่ยวหรือปาดหน้ากันก็ขอให้ใช้สติ ควรโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้มาตรวจสอบและดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง อย่าใช้อารมณ์มาเป็นที่ตั้งในการแก้ไขปัญหา เพราะหากมีเหตุทำร้ายกันอาจจะนำมาซึ่งความสูญเสียต่อร่างกาย ชีวิต หรือทรัพย์สินได้ อีกทั้งจะต้องถูกดำเนินคดี มีโทษทั้งจำและทั้งปรับ เสียทั้งเวลาเสียทั้งประวัติ

ฝ่ายหนึ่งหมดอนาคต อีกฝ่ายสูญทั้งชีวิต เพราะอารมณ์ร้อนเพียงชั่ววูบแท้ๆ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน