คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

ยุวนิต สังวาลพานิช

เรื่อง/ภาพ

ชาวพุทธเชื่อว่า การขโมยของสงฆ์นั้น เป็นบาปหนักหนากว่าการผิดศีลข้อ 2 ที่ว่าห้ามลักทรัพย์ ถึงขั้นตกนรกอเวจี แต่กับโจรสมัยนี้ เรื่องบาปกรรมมันหาสนใจไม่ ขอให้มีโอกาสเป็นลงมือทันทีไม่มีรีรอ

เช้าตรู่วันที่ 20 มิ.ย. ร.ต.อ.สมคิด โพธิ์ขาว รองสารวัตร (สอบสวน) โรงพักนครชัยศรี จ.นครปฐม รับแจ้งจากไวยาวัจกร วัดกลางบางแก้ว หมู่ 2 ต.นครชัยศรี อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ว่าเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้ายลักลอบเข้ามาในวิหารวัด แล้วทุบฝา “ไหเงินและไหทองคำ” ที่ตั้งอยู่กลางวิหาร ก่อนลักเอาเงินบริจาคที่อยู่ภายในหลบหนีไป

ภายหลังรับแจ้งจึงรีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.สีหเดช สระกอบแก้ว ผกก.สภ.นครชัยศรี พ.ต.ท.นิคม ชัยเจริญ รองผกก.สส. พ.ต.ท.ครรชิต โขวัฒนชัย สว.สส. และกำลังชุดสืบสวน

ในที่เกิดเหตุเป็นวิหารหลวงปู่บุญ และหลวงปู่เพิ่ม อดีตเจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้ว จากการตรวจสอบพบประตู ทางเข้าวิหารถูกงัดจนตัวล็อกหลุดออก พบไหดินเผาสูงประมาณ 1 เมตร 2 ใบ สีเงินและสีทอง โดยที่ ไหเงินมีร่องรอยถูกงัดด้วยของแข็งจนฝาปูนแตก เศษปูน หล่นกระจายทั่วพื้น ภายในไหพบเศษเงินหลงเหลืออยู่ จำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจเก็บลายนิ้วมือแฝงของคนร้าย

จากการสอบสวน พระครูสถิตบุญเขต หรือ หลวงพ่อช่วย เจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้ว ให้การว่าปกติที่วัดจะให้พระลูกวัดและคณะกรรมการวัดเป็นผู้เก็บเงินที่ตู้บริจาคตาม สถานที่ต่างๆ ภายในวัดตอนเย็นทุกวัน

ส่วนไหเงิน-ไหทองภายในวิหารที่ถูกงัดขโมยเงินไปนั้น เมื่อครบเวลา 1 ปี จึงจะทุบฝาเพื่อรวบรวมเงินบริจาคมาเก็บไว้ จึงยังไม่ทราบว่ามียอดเงินอยู่เท่าไหร่ แต่คาดว่ามีเงินจำนวนมากอยู่ โดยช่วงเช้าพระลูกวัดมาเปิดวิหาร พบว่าประตูถูกงัดและไหถูกทับจึงรีบมาแจ้ง คาดว่าคนร้ายน่าจะมาช่วงกลางคืน

คดีนี้กลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาทันที เมื่อพบว่าทางวัดได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดเอาไว้ในวิหารที่เกิดเหตุด้วย จากการตรวจสอบ ภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่าคนร้ายเข้ามาก่อเหตุช่วงเวลา 22.40 น. โดยงัดประตูด้านข้างเข้ามา เอาผ้าปิดบังใบหน้าและปิดไฟฟ้าส่องสว่างภายในวิหาร แต่กล้องวงจรปิดก็สามารถจับภาพและเห็นคนร้ายได้อย่างชัดเจนขณะเดินเข้ามางัดฝาไหแล้วล้วงเอาเงินบริจาคไป

พ.ต.อ.สีหเดชจึงสั่งการให้ชุดสืบสวนออกหาข่าว พร้อมตรวจสอบหาเส้นทางหลบหนีของคนร้าย เพื่อติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว

เพียงแค่ข้ามวันตำรวจก็จับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุได้ประกอบด้วย นาย จีรวัฒน์ เรืองศรี อายุ 36 ปี ชาว อ.บางเลน จ.นครปฐม และนายณัฐพล ผาพรมมา อายุ 28 ปี ชาว อ.ดอนตูม จ.นครปฐม พร้อมของกลางเงินสดและเหรียญ 3,719 บาท และรถกระบะนิสสัน สีขาว ทะเบียน บต 5862 นครปฐม ที่ใช้ก่อเหตุ

พ.ต.อ.สีหเดชเปิดเผยเบื้องหลังการจับกุมตัวทั้งคู่ว่า หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบ พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานและภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งสามารถบันทึกภาพขณะคนร้ายก่อเหตุได้อย่างชัดเจน แม้นคนร้ายจะใช้ผ้าคลุมปิดบังใบหน้า แต่ก็มีตำหนิรูปพรรณโดยเฉพาะรอยสักที่ต้นแขนขวา คล้ายกับนายจีรวัฒน์ ซึ่งเป็นคนของวัดและทำงานอยู่ภายในวัดนั่นเอง

ชุดสืบสวนจึงติดตามตัวนายจีรวัฒน์มาสอบปากคำที่สภ. นครชัยศรี จนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพก่อเหตุลักทรัพย์จริง พร้อมกับพาไปหาของกลางที่บ้านพัก ต.บางกระเบา อ.นครชัย ศรี พร้อมทั้งจับกุมตัวนายณัฐพล ผู้ร่วมก่อเหตุอีกรายเอาไว้ได้

ด้านนายจีรวัฒน์รับสารภาพว่า ตนและนายณัฐพลเป็นคนงานที่วัดกลางบางแก้วมากว่า 30 ปีแล้ว ที่ก่อเหตุเนื่องจากไม่มี เงินใช้จ่ายในครอบครัวและไปเลี้ยงเป็ดที่อ.บางเลน ก็ขายไม่ได้ ราคา จนทุนหมดไปกับค่าอาหารเป็ด จึงชักชวนนายณัฐพลมาก่อเหตุ โดยตนเป็นคนเข้าไปงัดไหทองคำและไหเงิน ส่วนนายณัฐพลเป็นคนดูต้นทาง เงินที่ได้รวมกว่า 7,000 บาท และนำมาแบ่งกัน กระทั่งถูกตำรวจจับตัวได้ หลังเสร็จสิ้นการทำแผนฯ ได้ส่งตัวดำเนินคดี ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ

ตำรวจนำตัวทั้งคู่มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ พร้อมทั้งให้ทั้ง 2 คนนำธูปเทียนดอกไม้มาไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามจุดต่างๆ ภายในวัดเพื่อเป็นการขอขมา ก่อนจะนำตัวกลับไปสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน