คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

อดิษัยต์ พรวนพิมพ์

สมศักดิ์ ชฎารัตน์

เรื่อง/ภาพ

อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น จนถึงขั้นมีความสูญเสีย การสืบสวนหาต้นตอของอุบัติเหตุ แม้นจะสร้างความปวดร้าวให้กับครอบครัวของผู้สูญเสีย แต่ก็เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อจะหาวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก

ดังเช่นเหตุการณ์ที่มีหญิงสาวตั้งครรภ์ 6 เดือน พลัดตกชานชาลารถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ จนถูกขบวนรถไฟทับเสียชีวิต

เหตุสลดดังกล่าวเกิดขึ้น ในเช้าอันรีบเร่งของวันที่ 19 มิ.ย. เสียงหวีดร้อง เสียงตะโกนโหวกเหวกด้วยความตกใจ ดังขึ้นบริเวณชานชาลารถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ สถานีบ้านทับช้าง แขวงประเวศ เขตประเวศ กทม.

ไม่นานจากนั้น ร.ต.อ.ปรีชา บุญอารีย์ รอง สว.(สอบสวน) ส.รฟ.มักกะสัน กก.1 บก.รฟ. ก็ได้รับแจ้งเหตุมีผู้พลัดตกลงจากชานชาลา ร่วงลงไปในรางก่อนถูกรถไฟแอร์พอร์ตลิงก์ ทับเสียชีวิตที่สถานีดังกล่าว

หลังรับแจ้งเหตุร้าย จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ และรุดไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ผล เจริญผล สว.ส.รฟ.มักกะสัน แพทย์ นิติเวช ร.พ.ตำรวจ หน่วยแพทย์กู้ชีพ ร.พ.ลาดกระบัง และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุอยู่ชั้น 3 บนรางรถไฟฟ้า ฝั่งมุ่งหน้าไปยังสถานีหัวหมาก พบศพ น.ส.รสรินทร์ เปลี่ยนหล้า อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69 หมู่ 3 ต.ไหล่น่าน อ.เวียงสา จ.น่าน สภาพศพนอนคว่ำหน้า แขนขวาขาด สวมชุดคลุมท้องลายขวางสีน้ำเงินพาดขาว สวมรองเท้าแตะ ทราบต่อมาว่าตั้งครรภ์ลูกชาย 6 เดือน

เหตุการณ์ทั้งหมดถูกกล้องวงจรปิดของสถานีบันทึกเอาไว้ได้ โดยในระหว่างที่รถไฟฟ้ากำลังแล่นเข้ามาเทียบชานชาลา เห็นว่า น.ส.รสรินทร์ ได้ชะโงกมองดูรถไฟฟ้าที่กำลังจะแล่นเข้ามายังสถานี และตัดสินใจเดินไปข้างหน้า 3 ก้าว ก่อนพุ่งตกไปนอนแน่นิ่งขวางรางรถไฟจนถูกรถทับเสียชีวิต

ร.ต.อ.ปรีชากล่าวว่า จากการสอบปากคำนายปิยะพงษ์ รอบคอบ สามีผู้เสียชีวิต ทราบว่าผู้ตายเป็นพนักงานบัญชีย่านสีลม ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ มีอาการแพ้ท้องอย่างหนัก และมีอาการหน้ามืด วิงเวียนศีรษะอยู่บ่อยครั้ง

ช่วงเช้าสามีเดินทางไปส่งภรรยาที่สถานีรถไฟด้วยตนเอง ก่อนแยกไปทำงาน โดยติดต่อทางไลน์ตลอด จนกระทั่งติดต่อ ไม่ได้ และมาทราบข่าวจากทางโซเชี่ยลมีเดียว่าเกิดอุบัติเหตุ จึงย้อนกลับมาดูที่สถานีอีกครั้ง

สามีผู้ตายยังระบุด้วยว่าเวลายืนรอรถไฟฟ้าบนชานชาลา ภรรยามักจะยืนออกมาเพียงลำพัง เพราะไม่อยากไปเบียดเสียดกับคนอื่น เนื่องจากกลัวถูกชนท้อง

ต่อมา นายวิสุทธิ์ จันมณี รองกรรม การผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง รองกรรมการผู้อำนวยการ เดินทางมาร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วย

นายวิสุทธิ์เปิดเผยว่า จากการสอบ สวนเบื้องต้นทราบว่า เมื่อเวลา 06.52 น. เจ้าหน้าที่ชานชาลากดปุ่มฉุกเฉิน ต่อมาเวลา 06.55 น. ได้รับแจ้งว่ามีผู้โดยสารก้าวเดินออกมาจากหลังเส้นเหลือง แล้วพลัดตกลงไปในรางและจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่าผู้โดยสารคนอื่นยืนห่างจากผู้เสียชีวิตประมาณ 2 ฟุต จึงไม่มีใครอยู่ใกล้ที่จะเบียดให้ตกได้

ส่วนนายสุเทพกล่าวว่า ขบวนรถกำลังเข้าสถานีทับช้าง ห่างประมาณ 50 เมตร การกดปุ่มฉุกเฉินเบรกกะทันหัน ต้องใช้ระยะห่าง 120-130 เมตร รถถึงจะหยุดนิ่ง ส่วนสาเหตุนั้น จะต้องรอผลการตรวจสอบของตำรวจ ในส่วนของบริษัทมีประกันให้ผู้โดยสารกรณีเสียชีวิต วงเงิน 400,000 บาท แต่ต้องขึ้นอยู่กับผลของคดีด้วย เบื้องต้นแอร์พอร์ตลิงก์ช่วยเหลือเงินค่าทำศพ 40,000 บาท และจะจ่ายเพิ่มให้ตามวงเงินประกัน

นายสุเทพกล่าวต่อว่า เพื่อป้องกันเหตุ ผู้โดยสารตกไปในรางรถไฟอีก ทางแอร์พอร์ต ลิงก์จัดสรรงบประมาณ 200 ล้านบาท จัดซื้อประตูกระจกกันตกอัตโนมัติ โดยจะติดตั้งเพิ่มเติมใน 8 สถานีที่เหลือ ก่อนหน้านี้ติดตั้งไปเพียง 1 สถานี บริเวณสถานีสนามบินสุวรรณภูมิ อยู่ระหว่างจัดหา ผู้รับเหมาติดตั้ง คาดว่าจะเริ่มทยอยติดตั้งได้ในเดือนเม.ย.2561

แต่ระหว่างรอติดตั้งได้ให้เพิ่มเจ้าหน้าที่ประจำชานชาลาในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนอีกสถานีละ 2 คน รวมเป็น 6 คนต่อสถานี เพื่อยืนประจำจุดช่วงกลางสถานีจากเดิมที่มีเจ้าหน้าที่ประจำจุดเพียงตำแหน่งหัวขบวนและท้ายขบวนฝั่งละ 2 คน ควบคู่ไปกับการเพิ่มความถี่ในระบบจัดการ ผู้โดยสาร เพื่อควบคุมปริมาณผู้โดยสารบนชานชาลาไม่ให้เยอะเกินไป โดยจะกักผู้โดยสารไว้บริเวณห้องจำหน่ายตั๋วแล้วปล่อยไปขึ้นรถไฟเป็นชุดๆ ไป

ขณะที่ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ประตูกระจกกันตกอัตโนมัติ มีความสูง 1.50 เมตร จะเปิดเฉพาะกรณีรถจอด หยุดเพื่อรับและส่ง ผู้โดยสารเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้โดยสารพลัดตกราง

“ระหว่างรอติดตั้งได้สั่งให้ผู้บริการรถไฟฟ้าทุกเส้นทาง ทั้งแอร์พอร์ตลิงก์ บีทีเอส และรฟม. จัดเจ้าหน้าที่ประจำ ชานชาลาในทุกสถานีเพิ่มเติม เพื่อตรวจตราความปลอดภัย เพราะบางสถานีมี ผู้โดยสารมาก บางคนอาจจะไม่ทราบ และเดินเข้าไปยังพื้นที่เสี่ยงต่อความปลอดภัย” นายอาคมกล่าว

ขณะที่ศพของ น.ส.รสรินทร์ ทางครอบครัวรับกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิดใน จ.น่าน ด้วยความ เศร้าโศก

หลังเกิดเหตุการณ์มีข้อสันนิษฐาน ถึงสาเหตุไปต่างๆ นานา มีทั้งจงใจฆ่าตัวตาย เป็นลมหน้ามืดเอง หรือแม้แต่เป็นลมเพราะต้องเดินขึ้นบันไดมาถึง 3 ชั้น เนื่องจากวันนั้นบันไดเลื่อนที่สถานีเสีย แต่สาเหตุที่แท้จริงยังไม่มีใครสรุปได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน