คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

พิรยุทธ นิ่มนนท์

สุรัตน์ สรรพคุณ

เรื่อง/ภาพ

ขับรถบนท้องถนน เฉี่ยวชนกันเป็นเรื่องปกติ และก็แน่นอนอารมณ์แรกหลังถูกชน ย่อมหนีไม่พ้นความโมโห ขึ้นอยู่กับว่าใครจะรู้เท่าทัน ระงับความโกรธเกี้ยว ควบคุมอารมณ์ได้รวดเร็วขนาดไหน

เช่นกรณีของหนุ่มยาริสดุ ที่สุดท้ายกลายเป็นข่าวดังเมื่อมีคลิปวิดีโอแฉพฤติกรรมว่อนไปทั่วเน็ต ขณะที่เจ้าตัวจอดรถเก๋งโตโยต้า รุ่นยาริส ขวางกลางถนน แล้วถือไม้เบสบอลเดินมาทุบกระจกรถกระบะคู่กรณีจนแตก

แม้คนขับรถคู่กรณีจะรีบขับหลบหนีไป แต่หนุ่มรถเก๋งยาริสยังขับรถไล่ตาม และชนรถกระบะจนเสียหลักไปชนกับรถกระบะอีกคันที่จอดอยู่ข้างทางเสียหาย โดยขณะเกิดเหตุไล่ชนกัน ลูกของคนขับรถปิกอัพได้รับบาดเจ็บร้องไห้เสียงดังเป็นที่ตกอกตกใจของผู้ที่ได้ดูและได้ยินเสียงในคลิปดังกล่าว

เกิดกระแสเรียกร้องให้ตำรวจรีบจับกุมตัวชายหนุ่มดังกล่าวมาดำเนินคดีในข้อหา “พยายามฆ่า”

วันที่ 26 มิ.ย. พ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช ผกก.สน.คันนายาว เจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ เผยข้อมูลว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นบริเวณถนนเลียบคลองสอง แขวงบางชัน เขตคลองสามวา เมื่อเวลาประมาณ 09.20 น. วันที่ 22 มิ.ย.

โดยหลังเกิดเหตุการณ์ทั้ง 2 ฝ่ายได้เดินทางเข้ามาแจ้งความ และตกลงค่าเสียหายกันทั้งหมดแล้ว โดยนายนิอับดุลอาชิส นิเงาะ อายุ 35 ปี เจ้าของรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส ผู้ก่อเหตุ ยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้กับเจ้าของรถกระบะทั้งสองคัน

เรื่องคดีตำรวจได้ภาพวงจรปิดและหลักฐานสำคัญเป็นที่เรียบร้อย เบื้องต้นจะเรียกตัวนายนิอับดุลอาชิสมาแจ้งดำเนินคดี 3 ข้อหา ได้แก่ 1.ขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น 2.ทำให้เสียทรัพย์ และ 3.ทำร้ายร่างกายผู้อื่น

ส่วนข้อหาพยายามฆ่านั้น พนักงานสอบสวนต้องตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนว่าเจตนาในขณะนั้นสอดคล้องกับความผิดหรือไม่

ขณะเดียวกัน นายอนุสรณ์ ศิริพลภักดี อายุ 24 ปี พร้อมด้วย น.ส.ธนิดา แซ่ลี้ อายุ 23 ปี และลูกสาววัย 2 ขวบ เข้าพบพ.ต.อ.สิงห์ เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี และให้ปากคำเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องค่าเสียหาย

นายอนุสรณ์กล่าวว่า นายนิอับดุลอาชิสเจรจาไกล่เกลี่ยเรื่องค่าเสียหายกันแล้วตั้งแต่ช่วงเย็นวันเกิดเหตุ โดยตกลงยินยอมชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด พร้อมกล่าวขอโทษ บอกว่าขณะเกิดเหตุใจร้อนเลยขาดสติ

ขณะนี้อยู่ระหว่างตกลงเรื่องค่าเสียหาย และค่าใช้จ่ายในการรักษา เนื่องจากลูกสาวได้รับบาดเจ็บบริเวณคาง โดยได้รับการติดต่อจากทางทนายความของคู่กรณีว่าให้รับเงินประกัน ของรถ ซึ่งตรงนี้เห็นว่าเป็นประกันอุบัติเหตุของรถตน ไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“ไม่อยากให้คดียืดยาวไปมากกว่านี้ อยากกลับไปใช้เวลาทำมาหากินหาเงินเลี้ยงครอบครัวมากกว่า ต้องขึ้นโรงพัก หรือศาล โดยส่วนตัวไม่ได้ติดใจ เพราะหลังจากนายนิอับดุลอาชิสพุ่งชนรถก็เดินเข้ามาขอโทษ ที่ทำไปเพราะใจร้อนไม่มีสติ ส่วนที่ตนกลับรถแล้วไปเฉี่ยวชนรถ นายนิอับดุล อาชิส นั้นไม่ทราบจริงๆ ว่าเฉี่ยวหรือไม่ คดีจะเป็นอย่างไรต่อไปขอให้ตำรวจเป็นผู้ตัดสิน” นายอนุสรณ์กล่าว

ต่อมาน.ส.ปิยะวรรณ ปิรยาวรา อายุ 39 ปี ผู้เสียหายอีกรายเป็นเจ้าของรถกระบะที่จอดริมถนนแล้วถูกชนเดินทางเข้าพบตำรวจ โดยระบุว่าตั้งแต่วันเกิดเหตุ 22 มิ.ย. นายนิอับดุลอาชิสตกลงว่าจะชดใช้ทั้งหมด แต่หลังจากวันที่ตกลงก็ติดต่อไม่ได้ มีเพียงภรรยานายนิอับดุลอาชิสติดต่อผ่านไลน์มาต่อรองค่าเสียหายและบ่ายเบี่ยงมาตลอด

หากตกลงไม่ได้ก็จะแจ้งความในข้อหาทำให้ทรัพย์สินเสียหายต่อไป

บ่ายวันที่ 28 มิ.ย. นายนิอับดุลอาชิส หนุ่มยาริสดุเข้าพบพ.ต.อ.สิงห์ เพื่อรับทราบข้อหา พร้อมทั้งแจ้งความกลับคู่กรณีเรื่องเฉี่ยวชนแล้วหลบหนี โดยเจ้าตัวยอมรับผิดทั้ง 3 ข้อหา โดยอ้างว่าเอาไม้เบสบอลไปเคาะกระจกให้ลงมาเจรจากันและไม่รู้ว่ามีเด็กในรถ หลังสอบสวนเจ้าหน้าที่จึงปล่อยตัวไปชั่วคราว

ขณะที่เจ้าตัวเผยว่าอยากให้เรื่องนี้จบ และความจริงน่าจะมีคลิปที่ยาวกว่านี้ เมื่อมีการนำคลิปที่คล้ายถูกตัดต่อออกมาเผยแพร่ ทำให้ตนเหมือนเป็นอันธพาล แต่ความจริงตนมีเหตุและผลในการกระทำ

“ถ้าญาติของคนขับรถกระบะไม่นำคลิปไปเผยแพร่ การเจรจาก็น่าจะจบไปแล้ว ผมไม่ได้ไปชนรถกระบะก่อน แต่หากมีข้อพิสูจน์ออกมาว่าเป็นผมประมาทก็พร้อมยอมรับ” หนุ่มยาริสดุกล่าว

เหตุเพราะไม่รู้จักระงับความโกรธ แค่เรื่องเล็กๆ ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ในบัดดล

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน