คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

สุรัตน์ สรรพคุณ

อดิศร จิตตเสวี

เรื่อง/ภาพ

เงียบหายไปนาน กับข่าวคราวของ “แก๊ง ยันหว่าง” แก๊งโจ๋แสบประจำย่านสายไหม-ลำลูกกา กลับมาหนนี้จัดใหญ่ ทั้งเตะก้านคอตร.จนสลบเหมือด พอถูกจับยังโวยวายอาละวาด กร่างคับโรงพักสายไหม งานนี้ ตร.เหมือนรู้ทันใจเย็นสุดๆ ไม่ยอมเป็นคู่กรณีด้วย เลยไปกร่างกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยแทน สุดท้ายถูกไล่กระทืบจนหน้าตาบวมปูด

จุดเริ่มของเรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อเย็นวันที่ 5 ก.ค. ด.ต.ธวัช สายเสมา ตำรวจสายตรวจ สน.สายไหม และด.ต.วสุ ธนิชารุ่งเกษม ผบ.หมู่ป. รับแจ้งจากศูนย์วิทยุว่ามีเหตุทะเลาะวิวาทภายในปั๊มน้ำมันบางจาก ริมถนนสุขา ภิบาล 5 แยก 7 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม.

เมื่อเข้าไปตรวจสอบเพื่อระงับเหตุ พบกลุ่มคนยืนโต้เถียงกันอยู่กับคนดูแลปั๊มเรื่องการสูบบุหรี่ภายในปั๊ม เมื่อเห็นตำรวจมาระงับเหตุ แทนที่จะเกรงใจ กลุ่มดังกล่าวกลับพูดจาโวยวายหาเรื่องตำรวจแทน

ต่อมาหนึ่งในนั้นทราบชื่อว่า นายโสภณ โกสินทร์ อายุ 36 ปี พยายามจะขับรถกระบะนิสสัน สีทอง ทะเบียน ปพ 6910 กรุงเทพ มหานคร ด้านหลังบรรทุกน้ำมันเก่าออก จากปั๊ม ด.ต.ธวัช จึงเข้าไปดึงกุญแจรถออกเพื่อให้อยู่เจรจากับผู้เสียหายก่อน

แต่ไม่มีใครคาดคิดว่านายโสภ จะลงมา สาวหมัดเข้าใส่ด.ต.ธวัช เข้าที่คิ้วขวาเต็มๆ หลังจากนั้นก็เกิดการชุลมุนกันขึ้น จนสุดท้ายด.ต.ธวัชถูกเตะก้านคอจนล้มทั้งยืนก่อนที่ กลุ่มชายดังกล่าวจะขับรถหลบหนีไป หลังได้สติเจ้าตัวพบว่าบัตรประจำตัวข้าราชการและโทรศัพท์หายไปด้วย จึงวิทยุแจ้งสกัดจับ

ด้านพนักงานปั๊มที่เกิดเหตุกล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุกลุ่มผู้ก่อเหตุขับรถเข้าไปภายในปั๊ม เพื่อต้องการจะเติมน้ำมันที่หัวจ่ายที่ 6 เมื่อเปิดกระจกรถพบเห็นคนภายในรถสูบบุหรี่จึงเตือนและบอกว่าถ้าหากไม่เลิกสูบบุหรี่จะไม่เติมน้ำมันให้เพื่อความปลอดภัย

กลุ่มผู้ก่อเหตุเกิดความไม่พอใจ ก่อนจะเปิดฝากระโปรงรถพร้อมกับบอกว่า ขอซ่อมรถเพราะหม้อน้ำเสีย ระหว่างซ่อมยังสูบบุหรี่ไปด้วย พนักงานจึงเดินมาแจ้งผู้จัดการปั๊ม และแจ้งเจ้าหน้าที่จนเกิดเหตุการณ์ทำร้ายตำรวจขึ้น

ขณะนั้นพ.ต.อ.ธนกรณฑ์ ก้อนแก้ว ผกก.สน.สายไหม ได้ยินเสียงวิทยุสื่อสารให้สกัดจับรถยนต์บริเวณ ถ.เทพรักษ์ (วัชรพลตัดใหม่) ซึ่งเป็นเส้นทางที่กำลังผ่านพอดี เมื่อเห็นรถคันดังกล่าวจึงได้ให้คนขับรถขับรถปาดด้านหน้าเพื่อไม่ให้หลบหนี ก่อนจะเข้าจับกุม

แต่กลุ่มนายโสภณกลับอาละวาดอย่างไม่เกรงกลัว อ้างว่าฝ่ายตำรวจเริ่มก่อนและยังทุบรถตนจนเสียหาย เจ้าตัวโวยวายไม่หยุดอีกทั้งยังเอาโทรศัพท์โยนทิ้งป่าหญ้าข้างทาง พ.ต.อ.ธนกรณฑ์ จึงวิทยุประสานขอกำลังทหารมาช่วยสนับสนุน เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง

หลังจากนั้นมีเจ้าหน้าที่ทหาร และอาสาสมัครกู้ภัย อป.พร.สายไหม อาสาสมัครกู้ภัยสยามรวมใจ เข้าร่วมสังเกตการณ์ซึ่งขณะนั้นกลุ่มนายโสภณอาละวาดด่าทอทุกคนที่อยู่ละแวกนั้น เจ้าหน้าที่ทหารจึงรีบควบคุมตัวมา สอบสวนดำเนินคดี ที่สน.สายไหม

จากการสอบสวนทั้ง 4 คน ทราบชื่อมี นายโสภณ โกสินทร์ อายุ 36 ปี นายรัตนเทพ ชัยปราณีเดช อายุ 21 ปี นายปกรณ์ ชูวงค์ อายุ 24 ปี และ นายสิทธิชัย โสลุน อายุ 24 ปี

แต่ใช่ว่าเมื่อมาถึงโรงพักแล้วความกร่างจะลดลง พอเห็นว่าตำรวจไม่อยากมีเรื่องด้วย นายโสภณกับพวกก็โวยวายหนักขึ้นไปอีก แถมยังตั้งชื่อให้โรงพักให้ใหม่ว่า สน.โรตีสายไหม กร่างไม่เลิกไม่รา สุดท้ายก็ไปกระทบกระทั่งกับอาสาสมัครกู้ภัยที่ตามมาเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่หน้าโรงพัก จนถึงขั้นไล่ตะลุมบอนกันชุลมุนขึ้นมาถึงบนโรงพัก

กว่าจะแยกออกจากกันได้ก็วุ่นวายไปพักใหญ่ ผลคือนายโสภณถูกชนใบหน้าบวมปูด เบ้าตาช้ำ แทบจำหน้าตัวเองไม่ได้ ขณะที่กลุ่มคู่กรณีก็รีบเผ่นหายสลายตัวไปจนหมด

หลังเป็นข่าว พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. รีบเดินทางมาประชุมร่วมกับพ.ต.อ.ธนกรณฑ์ พร้อมสั่งดำเนินคดีกับทั้ง 4 คนอย่างเต็มที่ ส่วนคดีที่ถูกชกต่อยก็ให้สอบสวนหาตัวคู่กรณีมาดำเนินการตามกฎหมาย

ขณะเดียวกันญาติๆ ของนายโสภณก็ร้องว่า ตำรวจปล่อยให้อาสามูลนิธิทำร้ายร่างกาย นายโสภณกับพวกถึงบนโรงพักโดยไม่ห้ามปราม

ใช่ว่าอยู่ในห้องขังแล้วจะดับซ่าของทั้งสี่ได้ โดยตลอดทั้งคืนกลุ่ม ผู้ต้องหาโวยวายตลอดทั้งคืน โดยเฉพาะนายโสภณใช้เท้าถีบประตูลูกกรงห้องขังตลอดทั้งคืน ทำให้มุ้งลวดเสียหาย และยังฉีกสมุดจดบันทึกการตรวจรายชื่อผู้ต้องขังของเจ้าหน้าที่

นอกจากนี้ยังท้า พ.ต.ต.บดินทร์ ชูเฉลิม สวป. ให้มาต่อยกัน ขณะเข้าตรวจตราความเรียบร้อยภายในห้องขัง จนเจ้าหน้าที่ต้องแยกขังเดี่ยว

รุ่งขึ้นวันที่ 7 ก.ค. ตร.ก็ควบคุมตัวทั้ง 4 คนไปฝากขัง ในข้อหา “ร่วมกันต่อสู้ขัดขวางและร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน ขณะปฏิบัติหน้าที่โดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป ร่วมกันปล้นทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อให้พ้นการจับกุม” นอกจากนี้นายรัตนเทพยังถูกดำเนินคดีฐานลักทรัพย์เพิ่มอีก

ทั้งสี่ให้การปฏิเสธ ก่อนถูกส่งตัวไปควบคุมที่เรือนจำจังหวัดมีนบุรี เพื่อรอรวบรวมสำนวนส่งฟ้องต่อไป

ได้ไปเรียนรู้ชีวิตในเรือนจำเสียหน่อย อาจช่วยลดความกร่างลงได้บ้าง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน