ย้อนคดีสลดเมืองอุดร
น้องจำใจฆ่าพี่ต่างพ่อ
คลั่งจะเอามีดไล่ฟันแม่
สดจากสนามข่าว
โดย…วัฒนชัย จำนงค์ทอง
ย้อนคดีสลดเมืองอุดร – หัวใจของแม่คนหนึ่งต้องแตกสลาย เมื่อเห็นลูกชายทั้งสองคนต้องมาฆ่ากันเอง แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าหากไม่ใช่ลูก คนที่จะต้องตายก็อาจจะเป็นตัวเอง
สภาพศพ
ย้อนไปเมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 22 มิ.ย. พ.ต.อ.สมโภชน์ ประจิตร ผกก.สภ.สร้างคอม จ.อุดรธานี นำกำลังพร้อมด้วย พ.ต.ท.เสย เสนามา รอง ผกก.ป. ร.ต.อ.เกรียงไกร เหล่าศรีนาท รอง สว.สส. พร้อมด้วย ร.ต.อ.นพสิทธิ ศรีแสงอ่อน รอง สว.สืบสวน ร.ต.อ.อัศรพงษ์ ผิวขาว รอง สวป. ร.ต.ต.ธนวัฒน์ สีดาแจ่ม ไปตรวจสอบเหตุยิงกันเสียชีวิตที่บ้านนา น้ำชุ่ม ม.8 ต.บ้านโคก อ.สร้างคอม
ที่เกิดเหตุบริเวณถนนภายในหมู่บ้านหน้าบ้านหลังหนึ่ง พบร่างของนายจิรายุ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี ลูกชายของเจ้าของบ้านดังกล่าวถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่อกซ้ายหลายรู นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่กลางถนน โดยผู้ตายนอนทับมีดดาบยาว ประมาณ 60 ซ.ม. 1 เล่ม ส่วนผู้ก่อเหตุสอบสวนทราบว่าคือนายพวงพันธ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นน้องชายต่างพ่อของผู้ตาย ซึ่งหลังเกิดเหตุได้ขับรถกระบะหลบหนีไป
ตร.ตรวจที่เกิดเหตุ
เจ้าหน้าที่ตำรวจออกติดตามตัวนายพวงพันธ์ จนกระทั่งมาพบกำลังเดินอยู่ที่หน้าสภ.สร้างคอม จึงเข้าควบคุมตัวเอาไว้ พร้อมอาวุธปืนยาวแบบไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก
จากการสอบสวนนายพวงพันธ์ให้การรับสารภาพว่า ได้ใช้อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ยิงนายจิรายุ พี่ชายต่างพ่อตายจริง โดยก่อนหน้านี้แม่มีสามีมาแล้ว 3 คน ผู้ตายเป็นลูกของสามีคนที่ 2 ส่วนตนเป็นลูกของสามีคนที่ 3 ก่อนหน้านี้นายจิรายุมีอาชีพขับรถแท็กซี่อยู่ที่ กทม. ต่อมาเกิดป่วยเป็นโรคทางประสาทเกิดอาการหลอน จึงกลับมาพักอยู่กับแม่ที่บ้านที่ตนอาศัยอยู่ด้วย กระทั่งเมื่อต้นเดือนเมษายนตนจึงย้ายไปอยู่ที่บ้านภรรยา
นายพวงพันธ์แสดงท่ายิง
ก่อนหน้านี้แม่พานายจิรายุไปรักษาจนอาการดีขึ้นแล้ว แต่ด้วยการรักษาที่ไม่ต่อเนื่อง เมื่อขาดยาทำให้อาการกำเริบจะชอบขู่ทำร้ายแม่หลายครั้ง ล่าสุดเมื่อวานนี้ได้มีอาการรุนแรง
ก่อนเกิดเหตุผู้ตายอาละวาดคว้ามีดจะทำร้ายแม่ แล้วแม่ก็เรียกให้ตนเข้ามาช่วย เมื่อมาถึงก็ถามว่าจะทำร้ายแม่ทำไม ผู้ตายก็ว่าแม่จะวางยาพิษในกับข้าว ตนก็บอกว่าจะวางยาพิษได้อย่างไร ก็เมื่อแม่ก็กินข้าวด้วยกันอยู่ ถ้าวางจริงแม่ก็ต้องตายด้วย แต่ผู้ตายก็ไม่สนใจ
ยิ่งพูดก็ยิ่งทำให้ผู้ตายเกิดการคลุ้มคลั่งถือมีดจะมาทำร้าย ตนจึงรีบออกมาจากบ้าน แต่ก็นึกได้ว่าแม่ยังอยู่ในบ้าน กลัวจะได้รับอันตรายจึงย้อนกลับเข้าไปดู ทันใดนั้นผู้ตายก็เอามีดมาไล่ฟัน ตนจึงวิ่งไปที่รถคว้าเอาปืนที่อยู่ในรถกระบะออกมายิงสวนไปจนเสียชีวิต
อาวุธสังหาร
“ที่ผมต้องฆ่าพี่ชายแท้ๆ ก็เพราะว่าเป็นการป้องกันตัว ถ้าไม่ยิงเขาก็จะใช้มีดเข้ามาทำร้ายผม ขณะเดียวกันก็เป็นการกันไม่ให้เขาไปทำร้ายแม่เข้าไปด้วย” นายพวงพันธ์กล่าว
ภายหลังสอบสวน ตำรวจก็ตั้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา, มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่, พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควร” กับนายพวงพันธ์
วันรุ่งขึ้น ร.ต.อ.สายัณห์ เหล่าเสน รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.สร้างคอม จ.อุดร ธานี นำตัวนายพวงพันธ์ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ก่อนแจ้งข้อหาส่งดำเนินคดี จากนั้นเดินทางไปที่วัดเพื่อแจ้งญาตินายจิรายุ ขอนำศพส่งชันสูตรที่ร.พ.ศูนย์อุดรธานี เพื่อนำกระสุนลูกปรายออกมาจากศพใช้เป็นหลักฐาน โดยญาติก็ยินยอม
ขณะที่นายสวาท พี่ชายคนโตของทั้ง ผู้ตายและมือปืนเปิดเผยว่า รู้สึกสงสารน้องทั้ง 2 คน สงสารมากที่สุดคือ นายพวงพันธ์ เพราะมีภาระมากเรื่องครอบครัว แต่ต้องมาดูแลแม่และน้องที่ตายด้วย ตนเคยบอกนายพวงพันธ์ว่าให้ใจเย็นๆ แต่ผู้ตายอาละวาดบ่อยถือมีดขู่ฆ่าแม่หลายครั้ง ล่าสุดทุบถ้วยทุบจาน อาละวาดชี้ด่า จะฆ่าแม่
แม่อโหสิให้ลูก
แม้จะเสียใจที่น้องฆ่ากัน แต่ส่วนหนึ่งก็รู้สึกว่าโล่งใจที่แม่จะได้ปลอดภัยขึ้น ถ้าแม่อยู่กับผู้ตายต่อไปต้องถูกฆ่าแน่ ต่อไปตนจะต้องดูแลแม่แทนนายพวงพันธ์น้องชายเอง
ขณะที่ผู้เป็นแม่ของนายจิรายุ ผู้ตาย และนายพวงพันธ์ผู้ต้องหา ได้จุดธูปหน้าโลงศพนายจิรายุ พร้อมกล่าวอโหสิกรรมให้ผู้ตายว่า ที่ผ่านมาก็ให้แล้วไป ไม่ได้โกรธ ไม่เกลียดชัง พร้อมบอกกับผู้ตายว่าเงินของผู้ตาย 320 บาท แม่จะทำบุญไปให้ขอให้ลูกได้ขึ้นสวรรค์
แม่ก็คือแม่ ไม่ว่าลูกจะทำกับแม่เช่นไร ความเกลียดโกรธก็ไม่มีอยู่ในความคิด ซ้ำยังพร้อมที่จะให้อภัยเสมอ
