ย้อนคดีหลานแค้นแทนลุง – ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น คำกล่าวนี้ได้รับการพิสูจน์มาครั้งแล้วครั้งเล่า ในการคลี่คลายคดีก็เช่นกัน คำให้การที่เป็นความจริงย่อมมีความสมเหตุสมผล มีหลักฐานสอดรับเป็นที่น่าเชื่อถือ แต่หากเป็นคำให้การเท็จ ยิ่งพูดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นการเผยพิรุธมากเท่านั้น

ย้อนคดีหลานแค้นแทนลุง

ย้อนคดีหลานแค้นแทนลุง

เช่นเหตุสยองที่เปิดเผยขึ้นเมื่อ วันที่ 28 มิ.ย. ภายหลัง ร.ต.อ.ถวิล หอมหวล รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้รับแจ้งพบศพชายถูกฆ่าเสียชีวิตในห้องน้ำบ้านหลังหนึ่งใน ต.หลักเขต อ.เมืองบุรีรัมย์

จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ ศรีเสริม ผกก.สภ.เมือง พ.ต.ท.ภานุวัฒน์ มากมูล รองผกก.สภ.เมืองบุรีรัมย์ ชุดสืบสวนเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวร ร.พ.บุรีรัมย์ และหน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรม

ในที่เกิดเหตุพบศพนายสงวน ดามทอง อายุ 46 ปี ชาวบ้าน ม.9 ต.หลักเขต นอนตะแคงเสียชีวิตอยู่ข้างโถส้วม ในห้องน้ำที่อยู่ข้างบ้านดังกล่าว ซึ่งเป็นบ้านของนายเลี่ยม และนางอด (สงวนนามสกุล) สองสามีภรรยา

โดยสภาพศพไม่ได้สวมเสื้อ ส่วนกางเกงยีนส์ขายาวก็ถอดลงมาอยู่บริเวณขาช่วงล่าง คล้ายกับผู้ตายถอดกางเกงนั่งปลดทุกข์ในห้องน้ำระหว่างถูกฆ่า

ย้อนคดีหลานแค้นแทนลุง

ทำแผนฯ สาดพริกป่น

สภาพศพพบถูกของมีคมฟันที่บริเวณท้ายทอยเป็นแผลฉกรรจ์ ยาวมาจนถึงใบหูด้านซ้ายขาดออกจากกัน ทั้งยังมีแผลที่บริเวณไหล่ แขนซ้าย และตามร่างอีกหลายแผล เลือดไหลนองพื้น และกระเด็นติดตามฝาผนังห้องน้ำเป็นที่น่าสยดสยอง

นอกจากนั้นยังพบคราบพริกป่นบนศพ ผู้ตาย และกระจายเกลื่อนห้องน้ำที่เกิดเหตุ ทั้งนี้ยังพบเสื้อผ้าเปื้อนเลือดและคราบพริกป่นวางอยู่ในห้องน้ำ รวมถึง ผ้าห่มสีแดงวางอยู่หน้าห้องน้ำด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

เบื้องต้นจากการสอบถามนางอด ภรรยาเจ้าของบ้าน เล่าว่า เมื่อประมาณ 11.00 น. วานนี้ (27 มิ.ย.) นายสงวน ผู้ตายดื่มเหล้ามาจากร้านค้าใกล้บ้าน จากนั้นก็เดินเข้ามานั่งเล่นที่ใต้ถุนบ้านสักพักก็ออกไป กระทั่งตอนประมาณ 1 ทุ่ม ผู้ตายก็เดินเข้ามาขอกินน้ำที่บ้านอีก ตนก็บอกให้ไปกินที่ครัวหลังบ้านซึ่งอยู่ข้างห้องน้ำ

ส่วนตัวเองก็หาข้าวไปให้สามีกินบนบ้านแล้วก็นอนหลับไป ตอนเช้าประมาณตี 5 กว่า ลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำจึงเห็นนายสงวน นอนตายอยู่ในห้องน้ำแล้วจึงไปบอกสามี ก่อนจะพากันไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านทราบ

ย้อนคดีหลานแค้นแทนลุง

อาวุธสังหาร

คำให้การของ 2 ผัวเมียที่อ้างว่าไม่รู้ไม่เห็นเหตุการณ์ เมื่อมาเทียบกับหลักฐานในที่เกิดเหตุช่างไม่สอดคล้องกัน ตำรวจจึงนำตัวทั้งคู่ไปสอบปากคำที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์อย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมทั้งเชิญตัวพยานแวดล้อมคนอื่นๆ มาสอบปากคำด้วยเช่นกัน เพื่อหาชนวนเหตุของการสังหารโหดครั้งนี้

เพียงไม่กี่ชั่วโมง พ.ต.ท.ภานุวัฒน์ มากมูล รองผกก.สส.สภ.เมืองบุรีรัมย์ ก็นำกำลังชุดสืบสวนเข้าควบคุมตัวนายสิทธิศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นหลานชายของนายเลี่ยมที่อยู่บ้านติดกันไปสอบสวน ก่อนยอมการรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือก่อเหตุฆ่านายสงวน เนื่องจากแค้นฝังใจที่เคยถูกผู้ตายถ่มน้ำลายใส่แก้วเหล้า และโกรธแทนลุงเพราะแอบเห็นผู้ตายเล่นชู้กับป้ามาหลายครั้ง

นายสิทธิศักดิ์ให้การว่า คืนวันที่ 27 มิ.ย. เห็นผู้ตายแอบมาหาป้าอีก โดยเห็นทั้งคู่พากันเดินเข้าไปในห้องน้ำจึงถือมีดไปนั่งรอที่โต๊ะข้างห้องน้ำ สักพักก็เดินกลับมาเอากระปุกพริกป่นที่บ้านแล้วเดินกลับมาสาดกระปุกพริกป่นเข้าไปในห้องน้ำขณะที่ทั้งสองกำลังมีอะไรกันเพื่ออยากให้รู้สึกเจ็บแสบ แล้วไปบอกลุงที่นอนอยู่บนบ้านให้มาเห็นกับตา จากนั้นลุงลงมากระชากแขนป้าขึ้นไปทะเลาะกันบนบ้าน

ย้อนคดีหลานแค้นแทนลุง

พฐ.ตรวจที่เกิดเหตุ

ส่วนตนใช้มีดขอด้ามยาวที่ถือติดมือมาด้วยกระหน่ำฟันนายสงวนจนเสียชีวิตคาห้องน้ำ หลังก่อเหตุหลบหนีไปอยู่ที่กระท่อมท้ายหมู่บ้านเพื่อนั่งทำใจกับสิ่งที่เกิดเหตุ ก่อนจะกลับมาบ้านและถูกจับกุมตัว จากนั้นเจ้าหน้าที่นำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ท่ามกลางชาวบ้านมามุงดูจำนวนมาก

หลังจากทำแผนเสร็จควบคุมตัวกลับมาสอบสวนต่อก่อนแจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” ส่วนสองสามีภรรยาเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่กันตัวไว้เป็นพยาน

วันรุ่งขึ้นญาติผู้เสียชีวิตก็ได้นิมนต์พระสงฆ์ 4 รูปไปทำพิธีเชิญดวงวิญญาณผู้ตาย บริเวณหน้าห้องน้ำ และได้นำร่างนายสงวนมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดบ้านหลักเขต ท่ามกลางความเสียใจของญาติพี่น้อง

ย้อนคดีหลานแค้นแทนลุง

นิมนต์พระเชิญวิญญาณ

นายสะเอื้อง พี่ชายผู้ตาย กล่าวว่า การ กระทำของผู้ก่อเหตุถือว่ารุนแรงโหดเหี้ยมเกินไป หากมีเรื่องโกรธแค้นหรือไม่พอใจที่น้องชายทำอะไรผิด ก็น่าจะแค่ทุบตีสั่งสอนก็พอแล้ว ไม่น่าจะฆ่าแบบนี้ แต่ส่วนตัวก็ไม่ขออาฆาตแค้น เพราะคิดว่ากรรมใครกรรมมัน ใครทำแบบไหนก็ได้รับผลกรรมแบบนั้น ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ให้ตำรวจลงโทษไปตามกฎหมาย

ขณะที่พี่สาวผู้ตายกล่าวว่า ทางญาติก็ไม่อยากติดใจอาฆาตแค้นคนก่อเหตุ แต่หากเป็นไปได้ก็อยากให้ผู้ต้องหามา กราบขอขมาศพ จะได้ไม่ต้องมีเวรกรรมต่อกันอีก

เมื่อสิ่งที่พูดไม่ใช่ความจริง ตำรวจจึงต้องสืบสวนหาความจริงให้ได้ เพื่อคืนความยุติธรรมให้กับผู้เสียชีวิต

สุรชัย พิรักษา เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน