คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

อดิษัยต์ พรวนพิมพ์

อดิศร จิตตเสวี

เรื่อง/ภาพ

ชีวิตตำรวจจราจรนอกจากจะต้องทนต่อมลพิษตามท้องถนนแล้ว หลายครั้งยังต้องเจอกับอารมณ์หงุดหงิดของผู้ขับขี่รถ โดยเฉพาะเวลาถูกเรียกให้หยุดรถเพื่อขอตรวจค้น หลายครั้งกลายเป็นเรื่องราวปะทะคารมกัน

ล่าสุดเมื่อบ่ายวันที่ 11 ก.ค. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.ท่าข้าม ตั้งด่านตรวจอยู่บริเวณด่านพระราม 2 ใกล้กับโลตัสพระราม 2 แขวงแสมดำ บางขุนเทียน กทม. มีรถเบนซ์ รุ่นอี 250 สีดำ ป้ายแดง ขับผ่านมา เจ้าหน้าที่ประจำด่านจึงโบก ให้เข้าจอดข้างทางเพื่อขอตรวจสอบเล่มทะเบียนว่าถูกต้องหรือไม่

จากนั้นรถเบนซ์คันดังกล่าวได้ขับชิดขอบทางด้านซ้าย โดยมี ด.ต.นิติ อัญชลี ผบ.หมู่งานจราจร ยืนรอตรวจสอบอยู่ ด.ต.นิติขออนุญาตตรวจสอบเล่มทะเบียน รถด้วยถ้อยคำสุภาพตามปกติ โดยพบ ว่ามีคนอยู่ในรถ 2 คน คนขับเป็นผู้หญิง และมีผู้ชายนั่งข้าง

ฝ่ายชายเปิดช่องเก็บของหน้ารถ เพื่อหยิบยื่นสมุดคู่มือประจำรถยื่นให้ แต่เนื่องจากผู้ชายนั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ด.ต.นิติจึงต้องเอื้อมมือเข้าไปรับ

แต่จู่ๆ ฝ่ายชายกลับสั่งให้ฝ่ายหญิง ขับออกรถไปอย่างรวดเร็ว ด.ต.นิติชักมือกลับออกมาไม่ทันและถูกลากไปกับรถ ก่อนสะบัดหลุดแต่เจ้าตัวก็ถูกแรงเหวี่ยง จนล้มกลิ้งไปกับพื้นถนน แขนและ ขาครูดกับถนนจนได้รับบาดเจ็บ ส่วนเพื่อนตำรวจที่ร่วมงานปฏิบัติหน้าที่อยู่ก็อยู่ไกลออกไป ทำให้ไม่สามารถสกัดจับรถคัน ดังกล่าวไว้ได้

หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผกก.สน.ท่าข้าม เปิดเผยว่าโชคดีที่กล้องหน้ารถกระบะงานจราจรสามารถจับภาพไว้ได้ทั้งหมด แต่ยังมีปัญหาที่มองเห็นทะเบียนรถในหมวดตัวอักษรไม่ชัดเจน

ต่อมา พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. เดินทางมาที่ สน.ท่าข้าม เพื่อเรียกประชุมเจ้าหน้าที่พร้อมทั้งให้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ และตามเส้นทางที่รถเบนซ์ขับ หลบหนีไป เพื่อใช้เป็นเบาะแสในการติดตามตัวมาสอบปากคำ

ผบช.น. เปิดเผยว่าเบื้องต้นเตรียมแจ้งเอาผิดกับผู้ก่อเหตุทั้งคู่ใน 3 ข้อหาคือ 1.ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ 2.ทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ และ 3.ขัดคำสั่งเจ้าพนักงานจราจรขณะปฏิบัติหน้าที่

เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามถนน กระทั่งไปพบภาพชายหญิง 2 คน ที่ขับรถเบนซ์เดินลงมาเดินบนถนน พนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับตามภาพวงจรปิดจากศาลแขวงธนบุรี

จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ได้หลบหนีไป ออกจากพื้นที่บ้านพักไปยัง จ.สมุทรสาครแล้ว ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจตามไปพบรถเบนซ์คันที่ก่อเหตุ จอดคลุมผ้าไว้ที่คอนโดฯแห่งหนึ่ง ย่านราษฎร์บูรณะ จึงได้แจกจ่ายภาพให้สื่อมวลชนช่วยนำเสนอ เพื่อหวังกดดันให้รีบเข้ามามอบตัวกับพนักงานสอบสวน

กระทั่งวันที่ 15 ก.ค. น.ส.จุฑามาตร ศรีพรหม อายุ 52 ปี ผู้ขับขี่รถเบนซ์ และ นายบันฑิต สุวรรณเวคิน อายุ 59 ปี สามีที่นั่งมาด้วยขณะเกิดเหตุ ก็เดินทางเข้ามอบตัวที่ สน.ท่าข้าม

น.ส.จุฑามาตร เปิดเผยว่า ครอบครัวทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องย้าย เครื่องจักรกล ประเภทรอก และประกอบธุรกิจร้านอาหารอยู่ย่านถนนราชพฤกษ์

ก่อนเกิดเหตุไปทำธุระและเจอด่านของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงตกใจเกิดความกลัวว่า รถจะโดนยึด เพราะขาดส่งค่างวดรถกับไฟแนนซ์ ยืนยันว่าไม่มีใครบังคับหรือสั่งให้ขับรถออกไป ขณะนี้ธุรกิจของตนไม่ดี ทางการเงินแย่ ทำให้ค้างค่างวดกับไฟแนนซ์ถึง 3 งวด

พอมีเงินก็จะจ่ายทบไปเลย และจากนั้นก็กลับมาค้างอีกเพื่อจะได้มีเวลาหาเงิน ส่วนเรื่องการอัพเกรดของรถ จากรถเบนซ์รุ่น E200 เป็น E250 เป็นการอัพเกรดรถเท่านั้น ไม่มีเจตนาที่จะหลบหนีไฟแนนซ์ หลัง เกิดเหตุและทราบข่าวก็รู้สึกตกใจ จึงเข้ามอบตัวและอยากจะขอขมาเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บ

ขณะที่ ด.ต.นิติ ผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ได้เปิดเผยว่า คนเราทำผิดกันได้ เมื่อสำนึกผิดคิดได้ก็ให้อภัย แต่ยังกังวลใจกับพฤติกรรมเลียนแบบในอนาคต และถ้าทุกคนทำแบบนี้ก็จะเป็นอันตรายมากขึ้น อยากขอร้องให้เข้าใจการทำงานของตำรวจด้วย

 

สองผัวเมียยกมือขอโทษ ด.ต.นิติ พร้อมนำช่อดอกดาวเรืองมอบให้เพื่อขอขมา

ทางด้าน พล.ต.ท.ศานิตย์ เปิดเผยว่า โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหากับ น.ส.จุฑามาตร 3 ข้อหาคือ 1.ร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ 2.ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้าย 3.ขับรถ โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น

ส่วนนายบันฑิตจะโดนข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่และขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่ โดยจะให้ประกันตัวในวงเงินคนละ 50,000 บาท ก่อนจะรวบรวมพยานหลักฐาน สรุปสำนวนส่งฟ้องต่ออัยการต่อไป

นี่แหละที่เรียกว่าวัวสันหลังหวะ คอยหวาดระแวงไปหมด จนเห็นตำรวจกลายเป็นเจ้าหน้าที่ตามยึดรถไปได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน