อุทาหรณ์คนชอบของถูก2โจรลวงหนุ่มซื้อรถเก๋งพาขับไปปล้นก่อนไล่ลง : สดจากสนามข่าว
ของดีของถูกแม้จะมีอยู่จริง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ เพราะเห็นแก่ของถูกทำให้ครอบครัวของหนุ่มวัย 37 ปี ต้องสูญเสียเงินเก็บไปถึงเกือบครึ่งแสน
วงจรปิดหน้าร้าน
เรื่องราวของหนุ่มโชคร้ายรายนี้เปิด เผยขึ้นเมื่อกลางดึกวันที่ 3 ก.ค. โดยพ.ต.ต.คมสัน คุ้มครอง สารวัตร (สอบสวน) สน.บางเขน รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้มีดจี้ปล้นเงินผู้เสียหาย ริมถนนเทพรักษ์ ห่างจากห้างบิ๊กซี สะพานใหม่ ประมาณ 1.5 ก.ม. แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.อรรถพล มีเสียง ผกก.สน.บางเขน, พ.ต.ท.ยงค์ยุทธ์ ประเสริฐผล รอง ผกก.ป., พ.ต.ท.อนันต์ วรสาตร์ รอง ผกก.สส., พ.ต.ท.สุริยน รัตนคุณศาสตร์ สว.สส., ร.ต.อ.พรชัย ว่องประเสริฐการ รอง สว.สส., เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางเขน และเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.2
ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ พบนางวาสนา อายุ 40 ปี และนายบัญชา อายุ 37 ปี สามีและภรรยา ยืนรอพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ปากคำด้วยอาการตกใจ ส่วนคนร้าย 3 คนหลังก่อเหตุใช้รถยนต์ ยี่ห้อนิสสัน อัลเมร่า สีขาว หมายเลขทะเบียน 6 กผ 8122 กทม. ขับเร่งเครื่องหลบหนี มุ่งหน้าไปทางวัชรพล เจ้าหน้าที่จึงแจ้งวิทยุสกัดจับตามเส้นทางที่หลบหนี
นายวิชา พร้อมทอง มอบตัว
นางวาสนาให้การว่า มีอาชีพรับจ้างดูแลผู้ป่วยและผู้สูงอายุทั่วไป โดยก่อนเกิดเหตุตนมากดเงินสดจำนวน 41,000 บาทจากตู้เอทีเอ็ม ธนาคารไทยพาณิชย์ ที่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ ให้สามีมารับนำเงินสดจำนวนดังกล่าวไปซื้อรถ เมื่อสามีมาถึงได้ลงจากรถเก๋ง โดยมีวัยรุ่นชาย 2 คน คนแรกสวมเสื้อคลุมแขนยาวสีดำ และอีกคนสวมเสื้อคลุมสีเทา เดินตามสามีมาด้วย ตนก็ไม่ได้สงสัยอะไร ยื่นส่งเงินจำนวนดังกล่าวให้กับสามี จากนั้นสามีจึงได้เดินกลับไปขึ้นรถเก๋งพร้อมกับผู้ชาย 2 คน และขับออกไป โดยเวลาผ่านไปไม่ถึง 10 นาที สามีก็วิ่งกลับมาหาตนท่าทางตื่นตกใจและพูดว่า โดนคนร้ายใช้มีดจี้ปล้นเงินสดจำนวนดังกล่าวไป
นายบัญชาให้การว่า หลังจากที่ตนได้รับเงินจำนวน 41,000 บาทจากแฟนสาว ก็เดินขึ้นรถเก๋งเพื่อจะไปแคมป์คนงานก่อสร้าง พร้อมกับชาย 2 คน เมื่อรถเก๋งออกเคลื่อนไปประมาณ 10 เมตร วัยรุ่นชาย 2 คนที่นั่งอยู่เบาะด้านหลังได้ใช้อาวุธมีดมาจี้ที่ลำคอ และพูดว่า “อย่าขัดขืนถ้าไม่อยากเจ็บตัว” จากนั้นคนร้ายจึงค้นตัวและล้วงหยิบเงินในกระเป๋ากางเกงที่ตนสวมใส่ไป ก่อนจะพูดบอกให้ตนลงจากรถเก๋งไป จึงรีบวิ่งไปหาภรรยาและบอกว่าถูกโจร ปล้นเงิน
รถเก๋งคนร้าย
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เชิญตัว 2 สามีภรรยามาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้งที่ สน.บางเขน เนื่องจากมีข้อพิรุธให้สงสัยหลายอย่างของกลุ่มคนร้าย พร้อมตรวจสอบทะเบียนรถยนต์คันก่อเหตุ และภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณดังกล่าวไว้เป็นหลักฐาน
เช้าวันรุ่งขึ้น พ.ต.ท.อนันต์ วรสาตร์ รอง ผกก.สส.สน.บางเขน นำกำลังฝ่ายสืบสวน สน.บางเขน เข้าตรวจสอบรถยนต์ ยี่ห้อ นิสสัน อัลเมร่า สีขาว ทะเบียน 6 กผ 8122 กทม. ที่พบถูกจอดทิ้งไว้ภายในชุมชนหมู่บ้านอนันต์สุขสันต์ รุ่น 18 ถนนเทพรักษ์ ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร แต่ไม่พบแก๊งคนร้าย ดังกล่าว
ขณะที่จากการสอบเค้นนายบัญชาได้ข้อมูลเพิ่มว่า ได้ติดต่อซื้อขายรถยนต์ จำนวนเงิน 40,000 บาท จาก น.ส.ส้มโอ (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) ที่รู้จักกันผ่านทางเฟซบุ๊ก เมื่อถึงเวลานัดหมายจ่ายเงินกัน มีนายกอล์ฟ พร้อมพวกขับรถยนต์ยี่ห้อนิสสัน สีขาว มาส่งให้ตน แต่พอขึ้นรถไปคนร้ายกลับลงมือก่อเหตุปล้นเงินสดไป ซึ่งหลังเกิดเหตุนายกอล์ฟได้ติดต่อมาและส่งข้อความทางเฟซบุ๊กว่า “อย่าแจ้งความดำเนินคดี ส่วนเงินสดที่เอาไปนั้นถือว่าเป็นการใช้หนี้”
นายบัญชาให้การ
ตํารวจไล่เช็กข้อมูลรถและวงจรปิดจนรู้ว่าผู้ก่อเหตุเป็นวัยรุ่นในชุมชนใกล้เคียงกับชุมชนที่เอารถไปจอดทิ้งไว้ จึงส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่กดดันอย่างหนัก กระทั่งสามารถรวบรวมหลักฐานไปขอศาลอนุมัติหมายจับนายวิชา หรือหงส์ พร้อมทอง อายุ 21 ปี ผู้ก่อเหตุเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1000/2563 ลงวันที่ 5 ก.ค.63 ในความผิดฐาน “ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธมีด และร่วมกันพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร”
2 ทุ่ม วันที่ 7 ก.ค. นายวิชาตัดสินใจเข้ามอบตัวที่ สน.บางเขน ยอมรับว่าเป็นบุคคลเดียวกันตามหมายจับและยังไม่เคยถูกจับกุม ส่วนพฤติการณ์ในคดีรับว่าเมื่อเวลา 20.30 น.วันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้ตกลงซื้อขายรถเก๋งคันดังกล่าวกับนายบัญชา ในราคา 60,000 บาท โดยนัดหมายส่งรถกันที่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อริมถนนเทพรักษ์ โดยมี นายธนินทร หรือ เก่ง พร้อมทอง ซึ่งเป็นพี่ชายของตนนั่งติดรถไปด้วย
ตร.รุดสอบ
เมื่อถึงบริเวณที่เกิดเหตุได้ลงจากรถและพาผู้เสียหายขึ้นรถมาคุยตกลงราคากันบนรถ แต่ไม่เป็นไปตามที่ตกลง จึงได้มีการยื้อแย่งเงินและกุญแจรถกัน จากนั้นนายธนินทรได้บังคับให้นายบัญชาลงจากรถไป แล้วตนกับนายธนินทรจึงได้ขับรถออกไปพร้อมเงิน 40,000 บาท จากนั้น เอารถเก๋งไปซ่อนไว้ภายในชุมชนอนันต์ สุขสันต์ รุ่น 18 ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1.5 กิโลเมตร และแยกย้ายกันหลบหนี ก่อนจะเข้ามามอบตัวในที่สุด
คำให้การของนายวิชายังจะดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลนัก โดยเฉพาะประเด็นที่เอารถคันเป็นแสนมาขายเพียงแค่ 6 หมื่น จึงเป็นไปได้ว่าเจ้าตัวไม่ได้ตั้งใจจะขายรถจริงๆ แต่เป็นการวางแผนเอาเงินจากเหยื่อเสียมากกว่า
อะไรที่ถูกจนไม่สมเหตุสมผลมักมีปัญหาตามมาเสมอ
พุฒิสรรค์ แก้วบัวดี
เรื่อง/ภาพ
