คอลัมน์ แฟ้มคดี

ถือเป็นผลงานชิ้นโบแดงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ที่สามารถคลี่คลายคดีฆาตกรรมยกครัว 8 ศพ ที่ จ.กระบี่ได้อย่างรวดเร็ว

ด้วยการลงไปควบคุมคดีด้วยตัวเองของพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ทำให้ใช้เวลาเพียง 5 วันก็เรียบร้อย

สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ยกแก๊ง 8 คน

ส่วนสาเหตุก็เกิดจากความแค้นเรื่องที่ดิน ที่ผู้ใหญ่เหยื่อโหดครั้งนี้นำไปจำนองกับคนร้าย

แต่กลับเอาไปจำนองต่อกับธนาคาร โดยที่เจ้าของเดิมไม่รู้ไม่เห็น

เมื่อเอาเงินไปไถ่ถอนเรียบร้อย แทนที่จะคืนใบโฉนดให้แก่กัน ก็กลับไม่ดำเนินการ

จนกลายเป็นความแค้นฝังใจ ถึงขั้นขู่ฆ่าล้างโคตรกันไปมา

นำมาสู่การฆ่าล้างโคตร

โดยผู้ต้องหาก็ไม่ใช่คนมีสีที่ไหน แต่ที่แต่งการชุดลายพราง ก็เพื่ออำนวยความสะดวกเวลาเจอด่านตรวจ

ยืนยันว่าปมความขัดแย้งมีแค่เรื่องที่ดิน ไม่ใช่ใบสั่งตายจากที่ไหนเหมือนที่พวกอยากดังพยายามสร้างกระแส

บิ๊กแป๊ะคุมทีมคลี่คดี 8 ศพ

หลังจากคลี่คลายคดีฆาตกรรมสยองขวัญยกครัว 8 ศพ ของนายวรยุทธ สังหลัง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ เมื่อคืนวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา

โดยใช้เวลาเพียง 5 วันก็สามารถจับกุมนายนายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์สกุล หรือบังฟัต หรือโทริ อายุ 41 ปี หัวหน้าแก๊ง ก่อนขยายผลจับกุมผู้ต้องหาได้ยกแก๊งอีก 7 คน ประกอบด้วย นายประจักษ์ บุญทอย นายธนชัย จำนอง นายอรุณ ทองคำ นายธวัฒชัย บุญคง นายอับดุลเลาะ ดอเลาะ และ นายคมสรรค์ เวียนนนท์ และ น.ส.ชลิดา สังขโชติ ภรรยาอีกคนของบังฟัต

ทั้งหมดศาลอนุมัติหมายจับหลายข้อหา ซึ่งหนักหน่วงทั้งสิ้น

 

วันที่ 21 ก.ค. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมพล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. เดินทางจาก ท่าอากาศยานทหาร 2 ลงไปยังจ.กระบี่ เพื่อรับมอบตัว 8 ผู้ต้องหา จากเจ้าหน้าที่ทหารกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 อ.คลองท่อม จ.กระบี่ นำตัวไปควบคุมตัว ที่สภ.อ่าวลึก เพื่อรวบรวบเอกสารให้แล้วเสร็จ ภายในระยะเวลา 48 ชั่วโมง

ก่อนควบคุมตัว ขออนุมัติศาลฝากขัง เรือนจำจังหวัดกระบี่ ผัดแรกเป็นระยะเวลา 12 วัน

ทั้งนี้ผบ.ตร. สอบปากคำกลุ่มผู้ต้องหา และชี้แจงสิทธิทาง กฎหมาย โดยมีทนายความอาสา ร่วมรับฟัง

ส่วนสาเหตุการฆ่าโหดครั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ย้ำว่าเกิดจากปัญหาความขัดแย้งการจำนองโฉนดที่ดินระหว่างนายซูริก์ฟัต กับนายวรยุทธ จนเป็นสาเหตุของการฆาตกรรม พร้อมเตรียมออกหมายเรียกคนปูดข่าวมีคนบงการสั่งฆ่ามาสอบสวน พร้อมระบุว่าหากไม่มีข้อเท็จจริง เจ้าตัวก็ต้องรับผิดชอบ และอาจถูกฟ้องร้องได้

ส่งคดีขึ้นสู่ศาล ยืนยันไม่มีปมอื่น

แฉปมแค้นจำนองที่ดิน

สำหรับการคลี่คลายคดีและจับกุมตัวคนร้าน เริ่มมีเค้าลางของข่าวดีตั้งแต่คืนวันที่ 15 ก.ค. เมื่อพล.ต.อ.จักรทิพย์ ยอมรับเมื่อว่าสามารถควบคุมผู้ต้องสงสัยไว้ได้ และเตรียมบินด่วนลงกระบี่ เพื่อสอบปากคำผู้ต้องหาด้วยตัวเอง ที่ถูกควบคุมตัวไว้ค่าย ร.15 พัน.1 อ.คลองท่อม จ.กระบี่

ก่อนที่จะนำตัวผู้ต้องหาในคดีไปชี้จุดประกอบคำรับสารภาพตลอดคืน ประกอบด้วยพื้นที่บ้านป่ากอ ต.ตากแดด อ.เมือง จ.พังงา ที่เป็นจุดนำรถยาริส สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กค 533 กระบี่ ของนายวรยุทธ มาเผาทำลาย ซึ่งก็พบซากรถถูกเผาเหลือแต่โครงเหล็ก

ต่อมาจึงพาไปชี้จุดที่ฝังอาวุธปืนที่ใช้ในวันเกิดเหตุ ที่สวนปาล์ม ต.ป่ากอ อ.เมือง จ.พังงา ซึ่งพบอยู่ในถุงดำ ประกอบด้วยปืน .38 จำนวน 3 กระบอก ขนาด 9 ม.ม. 1 กระบอก ปืนขนาด .357 อีก 1 กระบอก ปืนบีบีกัน ลักษณะคล้ายปืนอาก้า พร้อมเครื่องกระสุน

นอกจากนี้ยังพบซิมโทรศัพท์มือถือ และเมมโมรี่การ์ด 5 ชิ้น กุญแจมือและถุงมือ ตรงตามที่พยานให้การ และผู้ต้องหารับสารภาพ

ส่วนปมสังหารมาจากความขัดแย้งเรื่องการขายฝากที่ดิน จนกระทั่งฟ้องร้องกันในชั้นศาล โดยบังฟัต มีอาชีพรับจำนำรถ เป็นตัวการสำคัญ และเป็นผู้ลั่นไกยิงคนทั้งบ้าน ขณะที่คนร้ายอีก 6 คน บังฟัตว่าจ้างคนละ 1 พันบาท ให้มาทวงหนี้เงินกู้นอกระบบ

โดยเอาจากพวกลูกจ้าง ลูกน้อง ที่รับจ้าง บางคนทำสวนยางพารา ไม่ใช่ตำรวจทหารแต่อย่างใด

ทั้งนี้จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่า ประเด็นที่นำมาสู่การสังหารโหด เกิดจากการที่ผู้ใหญ่วรยุทธ นำโฉนดที่ดินของพ่อตาไปขายฝากไว้กับบังฟัต ระหว่างปี 2552-2554 เป็นเงินล้านกว่าบาท ต่อมานายวรยุทธได้รับแจ้งจากธนาคาร ว่ากำลังหลุดจำนองจึงเอาเงินไปไถ่ถอนคืน

เมื่อเรียบร้อยแล้วกลับพบว่าบังฟัตไม่ยอมคืนโฉนดให้ จนเกิดความขัดแย้งถึงขั้นผู้ใหญ่วรยุทธขู่จะฆ่า ล้างโคตร

จนกระทั่งบังฟัตเคยถูกลอบยิงมาแล้ว เมื่อปี 2556 แต่ไม่เป็นอะไร จึงไม่ได้แจ้งความ แต่ก็ผูกใจเจ็บเรื่อยมา

มาครั้งนี้จึงตั้งใจก่อเหตุ โดยก่อนหน้านี้เคยวางแผนลงมือแล้ว 3 ครั้งแต่ไม่สำเร็จ

มาสำเร็จเอาครั้งนี้

จัดฉากฆ่ายกครัวผญบ.

ทั้งนี้ จากการสอบสวน ทราบว่า บังฟัตได้วางแผนที่จะก่อเหตุ โดยเรียกลูกน้องอีก 6 คน มาร่วมงาน บอกว่าจะมาทวงหนี้เงินกู้ 3 ล้านบาท และให้ค่าจ้างคนละ 1 พันบาท โดยก่อนก่อเหตุ ให้ทุกคนเปลี่ยนชุดเป็นเครื่องแบบลายพรางเพื่ออำนวยความสะดวกเวลาเดินทางผ่านด่านตรวจ

นอกจากนี้ยังให้ลูกน้องเรียกตัวเองว่า ผู้พัน ขณะที่ลูกน้องที่ก่อเหตุ ก็เรียกกันว่า จ่า และผู้กอง

เบื้องต้นบังฟัตตั้งใจจะฆ่าแค่ผู้ใหญ่บ้านกับเมียเท่านั้น เนื่องจากผู้ใหญ่บ้านเป็นคู่ขัดแย้งที่เคยอาฆาตกันมาก่อน ขณะที่เมียมีชื่อเป็นเจ้าของโฉนดเจ้าปัญหา จึงสวมหมวกไอ้โม่งคลุมหน้าตา เพื่อป้องกันไม่ให้คนในบ้านจำหน้าได้ เพราะจริงๆ แล้วทั้งบังฟัต และผู้ใหญ่ ก็เป็นเพื่อนบ้านที่สนิทสนมกันในระดับหนึ่ง

แต่แล้วก็เกิดผิดแผน เนื่องจากเข้ามาแล้วไม่พบเป้าหมาย จึงต้องรออยู่เป็นเวลานาน ทำให้พยานจำหน้าลูกน้องได้หมด

นอกจากนี้เมื่อผู้ใหญ่วรยุทธมาถึงก็ให้ลูกน้องล็อกตัวเอาไปพูดคุย ขณะนั้นผู้ใหญ่ เอ่ยชื่อ ‘โทริ’ ซึ่งเป็นฉายาของบังฟัต สมัยเป็นนักมวยใช้ชื่อ โทริจรวดเล็ก ศักดิ์พรน้อย ทำให้บังฟัตถอดหมวกไอ้โม่งออก เพราะรู้แล้วว่าผู้ใหญ่จำเสียงตนได้ แล้วจึงตัดสินใจฆ่าปิดปากทั้งหมด

โดยใช้ปืน .38 ของผู้ใหญ่ลั่นไกทีละคน ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงหรือเด็ก โดยช่วงนั้นให้ลูกน้องเอาผู้ใหญ่ไปขังไว้ในรถ พร้อมให้เซ็นใบโอนรถยาริส และให้โทรศัพท์ไปยืมเงินเพื่อนให้โอนเข้าบัญชี 5 แสนบาท เพื่ออำพรางว่าเครียดเรื่องปัญหาหนี้สิน และยังยึดบัตรเอทีเอ็มของผู้ใหญ่เพื่อเตรียมไปกดเงินด้วย

ทั้งนี้ เมื่อลูกน้องคุมตัวผู้ใหญ่เข้ามาในบ้าน เมื่อผู้ใหญ่เห็นคนในบ้านถูกยิง หมด ก็คลุ้มคลั่งอาละวาดยื้อยุดอยู่กับบังฟัต ทำให้ปืนหล่น ขณะนั้นนายอรุณ หรือบังกี ในลูกน้องก็ใช้ปืนยิงใส่ผู้ใหญ่จน เสียชีวิต

จึงเป็นคำอธิบายว่าทำไมผู้ใหญ่วรยุทธ ที่ถูกจัดฉากว่าฆ่าตัวตายหลังยิงครอบครัว ถึงมีหัวกระสุนในร่างกายถึง 4 นัด

ผ่าแผนแกะรอยทีมสังหาร

เมื่อก่อเหตุเสร็จเรียบร้อย บังฟัต และพวกก็หลบหนี พร้อมเอาฮาร์ดดิสก์จากกล้องวงจรปิด และรถยาริส ของผู้ใหญ่บ้าน เพื่อเอาไปเผาอำพรางที่จ.พังงา ซึ่งเอาแบบอย่างจากภาพยนตร์แนวสืบสวนสอบสวนที่เคยดูมา

นอกจากนี้ยังนำรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ไปซุกซ่อนไว้ที่ เต็นท์เช่ารถแห่งหนึ่งในจ.กระบี่ ใกล้ๆ กับที่เกิดเหตุ เพื่อป้องกันการถูกตรวจจับจากกล้องวงจรปิด แล้วแยกกัน โดยรถโตโยต้า ยาริส สีขาว ที่ใช้ก่อเหตุเอาไปฝากที่บ้านนายไพศาล จำนอง น้องภรรยา ที่บ้านม่วงสองต้น ต.นาสาร อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช

จากนั้นก็นั่งรถตู้โดยสารจากบขส.นครศรีธรรมราช และหลบหนีไปกบดานที่ จ.ภูเก็ต ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับกุมได้ในที่สุด

ส่วนเบื้องหลังของการจับกุมครั้งนี้ เริ่มต้นจากการที่ชุดสืบสวนส่วนกลาง นำภาพผู้ต้องสงสัยให้พยานที่รอดชีวิต ดูว่าเป็น 1 ในแก๊งคนร้ายหรือไม่ เมื่อพยานยืนยันว่าใช่ พร้อมเล่าปมขัดแย้งใหม่คือเรื่องจำนองที่ดิน

จึงกระจายกำลังของสืบสวนสอบสวนพยาน จนพบว่าบังฟัต ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยหมายเลข 1 มีรถลักษณะเดียวกับที่คนร้ายใช้ก่อเหตุอยู่จริง อีกทั้งหลังเกิดเหตุยังหายตัวไปจากพื้นที่ จึงตามสะกดรอยจนจับกุมได้ยกแก๊ง

ขณะที่ลูกสมุนต่างให้การตรงกันว่า ก่อนเกิดเหตุบังฟัตเรียกลูกน้องที่เป็นชาวสวนยาง และรับจ้างทวงหนี้เป็นอาชีพเสริม ให้มาร่วมงาน บอกว่าหลังจากงานเสร็จ นอกจากค่าจ้าง 1 พันบาท จะให้เงินไปดาวน์รถ

แต่เมื่อเกิดเหตุจนถึงการลงมือฆ่า บรรดาลูกน้องที่รับงานมา ก็ไม่กล้าทำ พร้อมห้ามปราม แต่ก็ไม่เป็นผล จนกระทั่งลงมือเสร็จแยกย้ายหนี โดยที่ไม่ได้ค่าจ้างใดๆ

สุดท้ายแม้จะพยายามวางแผนที่คิดว่าเหนือชั้นที่สุดแล้ว

ก็หนีไม่พ้นเงื้อมมือตำรวจ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน