ย้อนคดีสยองยิงยกครัว – ฆ่าเพื่อการป้องกันตัว มักเป็นข้ออ้างอันดับแรกที่ผู้ต้องหานำมาใช้ต่อสู้คดี นัยว่าเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตนเอง แต่ในการดำเนินคดี เจ้าหน้าที่ย่อมเชื่อถือวัตถุพยานมากกว่าพยานบุคคล โดยเฉพาะคลิปวิดีโอขณะเกิดเหตุ

ย้อนคดีสยองยิงยกครัว

คุมตัวนายพรโรจน์ สรุปราษฎร์ ทำแผนฯ

กลางดึกวันที่ 12 ก.ค. พ.ต.อ.จุมพล สิกเสน ผกก.สภ.เมืองราชบุรี พ.ต.อ.เอนก บุตรดี รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองราชบุรี พ.ต.ท.พรชัย ตรีอุดม สว.(สอบสวน ) สภ.เมืองราชบุรี นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน กู้ชีพโรงพยาบาลราชบุรี และเจ้าหน้าที่มูลนิธิประชานุกูลราชบุรี เข้าตรวจสอบเหตุมีผู้ใช้อาวุธปืนยิงมีผู้บาดเจ็บหลายราย บริเวณบ้านเลขที่ 148/479 ซอย 19 บ้านเอื้ออาทรห้วยหมู หมู่ 10 ต.เจดีย์หัก อ.เมือง จ.ราชบุรี

ย้อนคดีสยองยิงยกครัว

เร่งช่วยคนเจ็บ

ที่เกิดเหตุพบผู้บาดเจ็บ 4 ราย เป็นพ่อแม่ลูกและเพื่อนบ้าน ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 11 ม.ม. ทราบชื่อต่อมาคือ นายอนุชา บุญนารถ อายุ 58 ปี ถูกยิงเข้าที่หน้าอกซ้าย 1 นัด อาการสาหัส, นางอัมพร พันธ์ดา อายุ 48 ปี ภรรยาของนายอนุชา ถูกยิงเข้าท้อง 1 นัด อาการสาหัส, นายชาคริต บุญนารถ อายุ 16 ปี ลูกชาย ถูกยิงเข้าท้อง 1 นัด อาการสาหัส และ นางพัชรี จินดาเย็น อายุ 48 ปี เพื่อนบ้าน ถูกยิงที่เข่าซ้าย 1 นัด ได้รับบาดเจ็บ โดยมีนายพรโรจน์ หรือเผือก สรุปราษฎร์ อายุ 57 ปี ผู้ก่อเหตุยืนถือปืนรอมอบตัวอยู่โดยในที่เกิดเหตุยังพบปลอกกระสุนปืนขนาด 11 ม.ม. ตกอยู่ที่พื้นจำนวน 5 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

เจ้าหน้าที่รีบนำผู้บาดเจ็บทั้งหมดส่งโรงพยาบาลราชบุรี แต่นายชาคริตและนางอัมพร ถูกกระสุนเข้าที่อวัยวะสำคัญ ทำให้ทั้งคู่เสียชีวิตลงในเวลาต่อมา

ย้อนคดีสยองยิงยกครัว

นาทีลั่นไก

พ.ต.อ.จุมพล เปิดเผยหลังสอบสวนเรื่องราวทั้งหมดว่า ก่อนเกิดเหตุ นายอนุชา, นายชาคริต, นางอัมพร และนางพัชรี ซึ่งเป็นพ่อแม่ลูกกันและเพื่อนบ้าน ได้เดินทางไปทานอาหาร ที่ร้านจ่ารี่ ซอย 24 บ้านเอื้ออาทรห้วยหมู ภายในหมู่บ้านที่เกิดเหตุ และพบกับนาย พรโรจน์ที่เข้าไปนั่งทานอาหารโต๊ะใกล้ๆ นายอนุชากับนายพรโรจน์ เคยมีเรื่องกันมาก่อนพอมาเจอกันก็เลยเขม่นจนมีเรื่องทะเลาะกันอีก

นายอนุชาเห็นท่าไม่ดีและไม่อยากมีเรื่องจึงพาครอบครัวกลับบ้าน แต่มาถึงบ้านเวลาประมาณ 22.45 น. นายพรโรจน์กลับตามมายืนตะโกนด่าทอและท้าทายที่หน้าบ้าน นายอนุชาจึงเดินออกไปต่อว่าก่อนทะเลาะถึงขั้นมีเรื่องชกต่อย

ขณะนั้นนายชาคริต, นางอัมพร และนางพัชรี ออกมาห้ามไม่ให้ทั้งคู่ชกต่อยกัน แต่นายพรโรจน์อ้างว่าคิดว่าครอบครัวของนายอนุชา จะออกมารุม จึงชักอาวุธปืนที่เตรียมมาออกมายิงทุกคนจนบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตดังกล่าว

ต่อมาญาติของผู้ตายได้เปิดเผยคลิปวิดีโอที่นายชาคริตผู้ตายถ่ายเอาไว้ก่อนจะถูกยิง ซึ่งเหตุการณ์ในคลิปขัดกับคำให้การของมือปืนอย่างชนิดหนังคนละม้วน โดยในคลิปเห็นนายพรโรจน์ยืนถือปืนจ่อมาทางกล้องอยู่นอกรั้วบ้าน มีเพื่อนนั่งคร่อมรถจยย.รออยู่ โดยไม่ทันตั้งตัว นายพรโรจน์ลั่นไกใส่ผู้ถ่ายจนล้มลง แต่กล้องยังถ่ายต่อ จากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัด ท่ามกลางเสียงหวีดร้อง และเสียงนายอนุชาที่วอนขอชีวิต รวมทั้งเสียงนายพรโรจน์ที่ตะโกนโวยวายเสียงดัง

พร้อมกันนี้ทางญาติเรียกร้องให้ตำรวจสืบสวนต่อ เนื่องจากเชื่อว่าเรื่องราวอาจมีมากกว่าแค่ทะเลาะวิวาท หรืออาจมีไอ้โม่งอยู่เบื้องหลัง

ย้อนคดีสยองยิงยกครัว

บ้านที่เกิดเหตุ

พ.ต.อ.จุมพล นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองราชบุรี ควบคุมตัวนายพรโรจน์ ผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ ซึ่งเจ้าตัวให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เมื่อหลักฐานในคลิปชัดเจนว่าไม่ใช่การป้องกันตัว ตำรวจจึงตั้งข้อหานายพรโรจน์ ว่า ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยไตร่ตรองไว้ก่อน, พยามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์

ส่วนอาวุธปืนที่ก่อเหตุ พ.ต.อ.จุมพล เผยว่าตรวจสอบแล้วพบว่ามีทะเบียนอนุญาตถูกต้อง ขณะที่เพื่อนที่มากับนายพรโรจน์ ตำรวจก็จะสอบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือร่วมก่อเหตุด้วยไม่ ถ้าพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจะแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป

ข้อสงสัยของญาติผู้ตายจะเป็นจริงหรือไม่ ก็ต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานเป็นสำคัญ

ดุสิต จิรภัทรากร เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน