คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

ประภาพร ส่อนราช

เรื่อง/ภาพ

โรงพยาบาลเป็นสถานที่ปลอดภัย แม้ในสถานการณ์สงคราม ยังมีกฎห้ามโจมตีโรงพยาบาล ปัจจุบันข้อความข้างต้น ถูกพิสูจน์แล้วด้วยหลายๆ เหตุการณ์ ว่าไม่เป็นความจริงเสมอไป ผู้คนยุคสมัยนี้หาได้ใส่ใจไม่

เหตุการณ์หนุ่มหื่นบุกข่มขืนสาวผู้ช่วยพยาบาล ถึงในโรงพยาบาลประจำจังหวัดหนองคาย ก็เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์

เหตุเกิดเมื่อช่วงดึก วันที่ 16 ก.ค. เมื่อมีชายสวมกางเกงขาสั้น เสื้อคลุมสีเทา รองเท้าแตะ สะพายเป้สีดำ ใช้หน้ากากอนามัยปิดหน้า พกมีดเหน็บที่ขอบกางเกง เดินเข้ามาภายในตึกผู้ป่วยพิเศษ ช่วงเวลาประมาณ 19.59 น. ซึ่งโรงพยาบาลไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าอาคารหลัง 20.00 น. และส่วนของเจ้าหน้าที่จะใช้ระบบคีย์การ์ด เข้าออก

หลังเข้าไปในอาคารผู้ป่วยพิเศษ ชายดังกล่าวพยายามจะเข้าไปในส่วนปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ พยาบาลคนหนึ่งเห็นท่าทางไม่ดี จึงรีบล็อกประตูห้องไม่ให้คนร้ายเข้าไป พร้อมทั้งสอบถามว่ามาเยี่ยมใคร

ชายดังกล่าวมีท่าทีลุกลี้ลุกลนบอกว่าจะมาเยี่ยมญาติ แต่พยาบาลสังเกตเห็นมีดที่เหน็บอยู่เอว จึงไม่อนุญาตให้เข้ามา พร้อมแจ้งให้ รปภ.ทราบ แต่ระหว่างที่ รปภ.กำลังจะเข้าไปเชิญตัวออกมา เจ้าตัวก็รีบวิ่งลงบันไดตึกมาก่อน รปภ.จึงออกตามหา

ขณะเดียวกันชายดังกล่าววิ่งมาเจอ น.ส.เอ พนักงานจ้างในตำแหน่งผู้ช่วยเหลือคนไข้ ที่เดินไปรับผ้าปูเตียงเพื่อมาเปลี่ยนที่เตียงคนไข้ เข้าพอดี จึงใช้มีดข่มขู่บังคับกระชากตัว น.ส.เอ พาไปยังซอกตึก ก่อนชกทำร้ายเข้าที่ใบหน้าและลำตัวหลายครั้งจนเกือบหมดสติ จากนั้นจึงลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่

หลังเสร็จกิจคนร้ายเดินออกมาจากซอกตึก มาเจอเข้ากับ รปภ. ที่ออกตามหา ก็ต่อสู้กันแต่คนร้ายกระโดดปีนรั้วด้านหลังโรงพยาบาลหลบหนีไปได้ จึงรีบเข้าไปช่วยเหลือ น.ส.เอ และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

พ.ต.อ.วุฒิชัย จันโทภาส ผกก.สภ.เมืองหนองคาย นำกำลังชุดสืบสวนไปตรวจสอบเหตุร้าย โดยนพ.ศุภชัย จรรยาผดุงพงศ์ ผอ.ร.พ.หนองคาย นำเจ้าหน้าที่ร่วมตรวจสอบ พบรอยคราบเลือดติดบริเวณผนังอาคารสำนักงานซักฟอกและขอบหน้าต่าง

นพ.ศุภชัย แถลงภายหลังตรวจที่เกิดเหตุว่า น.ส.เอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย ถูกคนร้ายชกใบหน้าจนฟกช้ำ ฟันหัก 2 ซี่ ตอนนี้สภาพจิตใจบอบช้ำ แพทย์จึงดูแลอย่างใกล้ชิด ขณะนี้อาการดีขึ้นแล้ว และทางโรงพยาบาลจะดูแลอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งยืนยันระบบการรักษาความปลอดภัยของทางโรงพยาบาลว่ามีมาตรการที่เข้มงวดแล้ว

พ.ต.อ.วุฒิชัยสั่งชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าว โดยพบว่าคนร้ายวิ่งไปตามถนนเส้นหลังโรงพยาบาล และวิ่งไปถึงซอยท่าค่าย มีรอยเท้าเดินลงแม่น้ำโขง เจ้าหน้าที่ค้นหาอย่างละเอียดแต่ก็ยังไม่พบ เมื่อออกตรวจสอบที่เกิดเหตุได้พบหลักฐานที่คนร้ายทิ้งไว้ คือ กางเกงขาสั้น กางเกงชั้นใน และกระเป๋าเป้

ซึ่งจากการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด พบว่าก่อนเกิดเหตุ ชายต้องสงสัยตรงตามภาพของโรงพยาบาล ไปที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งเพื่อไปซื้อการบูร แล้วเอามาทาอวัยวะเพศของตัวเองอยู่หน้าร้าน พร้อมกับพูดจาในทำนองว่ากำลังมีความต้องการทางเพศ จากนั้นไม่นานก็มาก่อเหตุที่ในโรงพยาบาล

วันต่อมาตำรวจนำภาพวงจรปิดคนร้ายไปตรวจสอบประวัติอาชญากรรม พบมีลักษณะคล้ายกับนายปุ้มปุ้ย เกษานุช อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 242 หมู่ 10 ต.ในเมือง อ.เมืองหนองคาย ซึ่งมีประวัติทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตายเมื่อปี 2558 จากนั้นเมื่อ พ.ค.2560 ก่อเหตุข่มขืนหญิงคนหนึ่ง อยู่ระหว่างการติดตามจับกุม

พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ ผบก.ภ.จ.หนองคาย กำชับให้ติดตามจับกุมให้ได้โดยเร็ว เพราะเป็นคดีที่คนร้ายก่อเหตุอย่างอุกอาจ กระทั่งวันที่ 19 ก.ค. พ.ต.ท.อรรถศักดิ์ ศิริพานิช รองผกก.(ป.) สภ.เมืองหนองคาย นำเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบริมฝั่งแม่น้ำโขง หลังจากทราบว่านายปุ้มปุ้ยขโมยสกู๊ตเตอร์ที่ชมรมสกู๊ตเตอร์จอดไว้ที่ท่าน้ำวัดศรีบุญเรือง ขับหนีข้ามไปหาพ่อที่ประเทศลาว

พ.ต.ต.สุริยา บุญสิทธิ์ สว.สว.บก.ภ.จ. หนองคาย พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา ผกก.ตม.หนองคาย พ.ต.ต.ธีรพงศ์ ประจักษ์จิตร สว.ตม. จึงประสานกับทางการประเทศลาว ร่วมมือจับกุมพร้อมนำตัวกลับมายังฝั่งไทยเพื่อดำเนินคดี

ไอ้หนุ่มหื่นรับสารภาพทุกคดีที่ถูกกล่าวหา ตำรวจจึงนำตัวไปทำแผนประกอบคำสารภาพ แต่เกือบถูกรุมประชาทัณฑ์จนต้องรีบพาตัวกลับ ก่อนจะย่องมาทำแผนเป็นครั้งที่ 2 ในวันที่ 20 ก.ค.

เสร็จจากที่แรกนายปุ้มปุ้ยถูกคุมตัวไปทำแผนบริเวณทุ่งนา ในพื้นที่ อ.เมือง จ.หนองคาย ซึ่งเป็นคดีที่นายปุ้มปุ้ย ข่มขืนผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนแม่ขณะพากันไปหาปู ซึ่งคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา

นายปุ้มปุ้ยเปิดเผยถึงสาเหตุที่ทำให้ข่มขืนเพื่อนแม่ว่า ในวันเกิดเหตุแม่ติดธุระจึงให้ตนพาเพื่อนแม่ไปหาปู หลังจากที่หาปูได้ 1 ตัว ก็ได้มีการจูงมือกัน ทำให้ตนเกิดอารมณ์ ก่อนลงมือข่มขืน โดยไม่ได้บังคับแต่อย่างใด

ทั้งคดีเก่าคดีใหม่ ทบต้นทบดอก งานนี้ปุ้มปุ้ยคงโดนจนอ่วม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน