คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

สุรชัย ส้มเกลี้ยง

ธนภัทร ชีระจินต์

เรื่อง/ภาพ

มีทฤษฎีในการแกะรอยสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดในเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งมักมีการหยิบยกขึ้นมากล่าวกันบ่อยๆ นั่นคือ ‘อาชญากรย่อมทิ้งร่องรอยไว้เสมอ’

นับเป็นทฤษฎีที่สรุปจากความจริง ที่ ทุกคดีทุกเหตุการณ์ ผู้ที่ลงมือกระทำย่อม ต้องทิ้งหลักฐานเอาไว้ทุกครั้ง

เช่นเดียวกับคดีฆาตกรรมโหดในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ที่คนร้ายเป็นผู้ทิ้งเบาะแสไว้ให้ตำรวจตามไปตะครุบตัว จนสามารถปิดคดีได้ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง

เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเย็นวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา เมื่อพ.ต.ต.มนต์ชัย แมนเมือง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี รับแจ้งพบผู้เสียชีวิตถูกมัดมือมัดเท้าภายในบ้านเลขที่ 137/29 ถนนตัดใหม่ในลึก เขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ

พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี นำทีมไปตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที พร้อม พ.ต.อ.สมชาย ซื่อต่อตระกูล และ พ.ต.อ.วิชอบ เกิดเกลี้ยง รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พ.ต.ท.มนต์ศักดิ์ ศรีสุวรรณ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี พ.ต.ท.สมสิน เกิดผล รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 8 และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลศรัทธาสุราษฎร์ธานี

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้นติดกัน 10 คูหา ที่คูหาที่ 9-10 บริเวณห้องโถงชั้นล่างของบ้าน หลังฉากกั้นบังตากลางตัวบ้าน

พบศพ นางนันทา หรือ เจ๊ง้อ จันทนา อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 415/12 ถ.ฝั่งบางใบไม้ ต.ตลาด อ.เมืองสุราษฎร์ธานี สภาพนุ่งกางเกงขายาวสีน้ำเงิน สวมเสื้อลายม่วงชมพู นอน คว่ำหน้ากับพื้น ถูกมัดมือทั้งสองข้างไขว้หลังเอาไว้ด้วยเชือก

บริเวณลำคอถูกมัดด้วยผ้าห่มยาวพันปิดปาก และขาทั้งสองข้างถูกมัดด้วยผ้าห่มและผ้าขนหนู 2 ผืนติดกัน

ที่พื้นใกล้ศีรษะเปื้อนเลือดคล้ายใช้ศีรษะกระแทก ข้าวของภายในบ้านถูกรื้อค้นกระจัดกระจาย

พล.ต.ต.อภิชาติ สังเกตว่าในบ้านที่เกิดเหตุติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ จึงให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนเก็บเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดเร่งตรวจสอบ

ภาพเหตุการณ์สังหารโหดก็ปรากฏต่อสายตาเจ้าหน้าที่ เมื่อกล้องดังกล่าวบันทึกภาพไว้ในช่วงเวลา 12.26 น. สามารถจับลักษณะ และใบหน้าคนร้ายขณะลงมือก่อเหตุได้อย่างชัดเจน และมีการต่อสู้กันจนทำให้วิกผมของคนร้ายหลุด พบว่าผู้ต้องสงสัยลักษณะเป็นชายศีรษะล้าน แต่งเป็นหญิงสวมวิกผมและมีผ้ารัดอีกที สวมหน้ากากอนามัย สวมชุดกระโปรงคลุมยาว เข้ามาภายในบ้านและทำร้ายผู้ตาย

เบื้องต้นให้ญาติตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ตายไม่มีอะไรสูญหาย จากแนวทางการสืบสวนคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุไม่ได้ประสงค์ต่อทรัพย์ เจ้าหน้าที่จึงให้น้ำหนักไปที่เรื่องส่วนตัว

เมื่อเทียบลักษณะของคนร้ายเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบจากทะเบียนประวัติอาชญากรรม พบว่าตรงกับนายสุภาพ หรือ อ้น คงเกษตร อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 ม.3 ต.เขาหัวควาย อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี และเพิ่งพ้นโทษคดีฉ้อโกง และฆ่าจากพื้นที่ อ.กะปง จ.พังงา มาเมื่อปลายปี’59

เจ้าหน้าที่จึงได้ติดตามไปที่บ้านผู้ต้องสงสัยในตำบลเขาหัวควาย อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี แต่ไม่พบตัวจึงได้ตรวจค้นภายในบ้าน พบหลักฐานสำคัญ เช่น วิกผมในตู้เสื้อผ้าซึ่งเป็นวิกของพี่สาวผู้ต้องสงสัย ซึ่งเคยเป็นนักร้อง โดยทราบว่าเจ้าตัวแขวนไว้ 2 หัว แต่ได้หายไป 1 หัว จึงเชื่อว่าผู้ต้องสงสัยใช้ปลอมตัว จึงเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอไว้เป็นหลักฐาน

พล.ต.ต.อภิชาติ เผยว่า จากการสืบสวนทราบว่า หลังพ้นโทษ ออกมานายสุภาพพยายามทวงถามถึงเรื่องที่ดินกว่า 10 ไร่ ใน ต.เขาหัวควาย ที่ถูกญาติพี่น้องที่ดูแลอยู่นำไปจำนองเอาไว้จนขาดจำนอง เมื่อ 10 ปีก่อนที่นายสุภาพถูกจำคุกอยู่ และได้นำไปขายต่อให้กับ นางนันทา

แต่นางนันทายืนยันว่ารับจำนองไว้อย่างถูกต้องจึงไม่ยอมคืนให้ สร้างความโกรธแค้นให้นายสุภาพเป็นอย่างมาก ถึงขนาดเคยขู่ฆ่าและนำน้ำกรดไปสาดใส่ จนผู้ตายต้องติดกล้องวงจรปิด

นายสุภาพเก็บความแค้นเอาไว้ กระทั่งลงมือปลอมตัวเป็นหญิงไปสังหารโหดดังกล่าว จึงรวบรวมหลักฐานขอหมายจับ กระทั่งศาลอนุมัติหมายจับเลขที่ 204/2560 ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ในวันที่ 21 ก.ค.

หลังกดดันผู้ต้องสงสัยอยู่ไม่นาน ผู้ใหญ่บ้านที่นายสุภาพให้ความเคารพ ก็ได้รับการติดต่อให้พาเข้ามอบตัว บริเวณริมทางหลวง แผ่นดินหมายเลข 44 สายอ่าวลึก-หินโงก หรือถนนเซาเทิร์น

แม้ว่าผู้ต้องสงสัยรายนี้ยังปากแข็งให้การปฏิเสธ แต่ร่องรอยสำคัญที่คนร้ายทิ้งไว้เองจนเป็นหลักฐานมัดตัว คงไม่แคล้วต้องกลับเข้าไปใช้ชีวิตหลังมุ้งสายบัวไปอีกนาน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน