ผ่าคดีหนุ่มใหญ่ดับคารถ – จริงอยู่ที่คนตายพูดอะไรไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าความจริงจะตายตามไปด้วย เพราะความรู้ทางนิติวิทยาศาสตร์สามารถทำให้คนที่ตายไปแล้วเผยความจริงออกมาได้ โดยไม่ต้องพึ่งคนทรงเจ้าเข้าผี

เช่น เรื่องราวของนายพิธยุทธ โพธิ์ภักดี อายุ 42 ปี ที่ตอนแรกดูคล้ายกับเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ แต่สุดท้ายกลายเป็นคดีฆาตกรรมอำพราง

ย้อนไปเมื่อเวลา 05.40 น. วันที่ 13 ก.ค. พ.ต.ท.อภิรักษ์ เพิ่มชัย รองผกก.สภ.ชะอำ พร้อมด้วย ร.ต.อ.ปกรณ์เกียรติ ชินเทพ ร้อยเวรสอบสวน แพทย์เวรโรงพยาบาลชะอำ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดเพชรบุรี กู้ภัยสว่างสรรเพชญธรรมสถานฯ หน่วยบรรเทาสาธารณภัยสิริน และตำรวจทางหลวงเพชรบุรี ไปตรวจสอบอุบัติเหตุรถกระบะตกข้างทาง ถนนสายบายพาสชะอำ-ปราณบุรี ขาล่องใต้ ต.สามพระยา อ.ชะอำ จังหวัดเพชรบุรี

สดจากสนามข่าว

เก็บหลักฐานที่บ้านเช่า

ที่เกิดเหตุเป็น 4 แยกหน้าศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์เพชรบุรี พบรถกระบะอีซูซุ สีขาวตอนครึ่ง ป้ายทะเบียน บพ 8390 เพชรบุรี สภาพตกลงไปข้างทางด้านหน้ารถติดกับโคนต้นไม้ใหญ่ ภายในรถพบศพนายพิธยุทธ โพธิ์ภักดี อายุ 42 ปี ชาว ต.บ่อสุพรรณ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี สวมเสื้อกีฬาสีน้ำเงิน กางเกงขายาว นั่งเสียชีวิตอยู่บนเบาะคนขับ

สภาพศพใบหน้าบวมปูด บริเวณดวงตาทั้ง 2 ข้าง และจมูก ใต้คางมีบาดแผลฉีกขาดขนาดใหญ่ 1 แผล พบกองเลือดบริเวณที่พักเท้าฝั่งซ้ายจำนวนมาก คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6-7 ชั่วโมง

ตำรวจมองปร๊าดเดียวก็รู้ว่าคดีนี้มีกลิ่นทะแม่งๆ เพราะจากสภาพบาดแผลของผู้ตายมันไม่สอดคล้องกับร่องรอยการเฉี่ยวชนของรถที่แทบจะไม่มีความเสียหาย นอกจากนี้ ยังมีรอยเลือดข้างประตูคนขับด้านล่างเป็นทางยาว คล้ายการลากศพขึ้นไปจัดฉากบนรถ จึงส่งศพไปผ่าชันสูตรเพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด พร้อมจัดทีมสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบดูกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่รถคันดังกล่าวสัญจรไปมา และหาข่าวเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดอีกครั้ง

สดจากสนามข่าว

สภาพรถในตอนเช้า

แล้วความจริงก็ปรากฏเมื่อเวลาประมาณ 21.30 น. วันที่ 14 ก.ค. ปรากฏว่า นางสุมาริน หรือ ปุ๋ย ยอดทอง ภรรยาของนายพิธยุทธเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนที่ สภ.ชะอำ และรับสารภาพว่าทะเลาะกับนายพิธยุทธและได้ใช้ไม้ตีสามี จากนั้นสามีได้ขับรถออกจากบ้านเช่าไป แต่ไม่ทราบว่าสามีไปที่ไหน กระทั่งเกิดอุบัติเหตุรถตกลงข้างทางดังกล่าว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อเนื่องจากมีข้อมูลหลายอย่างขัดแย้งกัน จึงประสานกับสภ.บ้านหนองพลับ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อโอนคดีและส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมสำนวนการสอบสวนให้เนื่องจากเป็นท้องที่เกิดเหตุ

แล้วความจริงก็ปรากฏ เมื่อพล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ เผยถึงบทสรุปของคดีปริศนาดังกล่าวในวันรุ่งขึ้นว่า ภายหลังพ.ต.อ.ชนินทร์ เดชชีวะ ผกก.สภ.บ้านหนองพลับ ร่วมกับพ.ต.อ.วรเดช สวนคล้าย ผกก.สภ.ชะอำ พร้อมทีมสอบสวนร่วมกันสอบปากคำนางสุมารินเพิ่มเติม กระทั่งยอมรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ค. โทรศัพท์ชวนนายปฏิกรณ์ หรือปอง สวัสดิสรรพ์ อดีตสามีมากินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใน อ.หัวหิน

สดจากสนามข่าว

ตร.ตรวจที่เกิดเหตุ

ต่อมานายพิธยุทธผู้ตายซึ่งเป็นสามีคนปัจจุบันตามไปพบ จึงเกิดปากเสียงทะเลาะและได้ทำร้ายนางสุมารินที่ร้านอาหารดังกล่าว เมื่อกลับมาถึงบ้านพักกระทั่งเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 13 ก.ค. นางสุมารินทะเลาะกับนายพิธยุทธอีกครั้ง โดยนายพิธยุทธคว้าอาวุธมีดจะแทง แต่ไม่โดน นายปฏิกรณ์ซึ่งติดตามมาดูเหตุการณ์เพราะกลัวว่านางสุมารินจะถูกทำร้ายได้เข้ามาช่วย

นางสุมารินและนายปฏิกรณ์สารภาพว่าร่วมกันใช้ด้ามไม้กวาดกระหน่ำตีนายพิธยุทธจนแน่นิ่งและหมดสติไป ด้วยความกลัวจึงหาทางทำลายหลักฐาน เลยช่วยกันยกร่างของนายพิธยุทธขึ้นรถยนต์กระบะจัดฉากให้คล้ายรถยนต์กระบะประสบอุบัติเหตุชนกับต้นไม้ดังกล่าว ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจตามไปจับกุมนายปฏิกรณ์ผู้ต้องหาอีกรายได้ จากนั้นจึงนำทั้ง 2 คนไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ห้องเช่า ในตำบลหนองพลับด้วย

ขณะที่พ.ต.อ.วรเดชกล่าวว่า จากการรับสารภาพของนางสุมารินทำให้ทราบเหตุจูงใจ เพราะเกิดการทะเลาะมีปากเสียงกันกับผู้ตายอย่างรุนแรง ก่อนจะช่วยกันยกศพขึ้นรถไปจัดฉากอำพรางคดี เบื้องต้นมีหลักฐานเอาผิดผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ส่วนบุคคลอื่นตั้งแต่เริ่มต้นจุดที่กินอาหารกันนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบปากคำเชื่อมโยงข้อมูลทั้งหมด

สดจากสนามข่าว

ชี้จุดพิรุธ

ด้านนายเสวียน โพธิ์ภักดี อายุ 64 ปี พ่อของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ลูกชายเป็นคนรักลูกรักเมีย เคยโทร.มาปรับทุกข์ให้ฟังเรื่องจับได้ว่าเมียปันใจให้ชายอื่น ตนเองสงสารลูก บอกไปว่าถ้าอยู่ไม่ได้ให้กลับมาอยู่บ้านที่สุพรรณบุรี แต่ลูกไม่กลับบ้าน

พอรู้ข่าวลูกชายเกิดอุบัติเหตุรู้สึกถึงความผิดปกติทันที เชื่อว่าไม่ใช่อุบัติเหตุทั่วไปแน่ๆ ตอนนี้รู้สึกเสียใจมากเพราะลูกถูกทำร้ายจนตาย เบื้องต้นจะนำศพลูกชายกลับไปตั้งสวดพระอภิธรรมที่วัดทับกระดาน จ.สุพรรณบุรี

ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย เพียงแค่รอผู้มาค้นพบเท่านั้น

กัมปนาท ขันตระกูล-พิมพร อยู่รุ่ง-เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน