ย้อนนาทีตร.ยิงหนุ่มคลั่ง – คุณสมบัติสำคัญที่เจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายทุกคนต้องมีมากกว่าคนทั่วไปคือความอดทน อดทนต่อการถูกต่อว่า อดทนต่อความโกรธ หรือแม้แต่ความเจ็บปวด เพราะหากไม่มีสิ่งนี้จากผู้รักษากฎหมายก็อาจกลายเป็นผู้ต้องหาได้ง่ายๆ
เช่น เรื่องราวที่ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 25 ก.ค. หลัง พ.ต.ท.อิทธิศักดิ์ ชมศรีหาราช สารวัตร (สอบสวน) สภ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม รับแจ้งเหตุชายคลุ้มคลั่งถูกยิงเสียชีวิตและมีตำรวจถูกฟันได้รับบาดเจ็บในหมู่บ้านบ้านค้อ หมู่ 1 ต.บ้านค้อ อ.โพนสวรรค์
จึงรายงาน พ.ต.อ.กวีศักดิ์ สุขบาง ผกก. พ.ต.ท.ร่มชัย ร่มธรรมชัย รอง ผกก.สส. พร้อมด้วยแพทย์เวร ร.พ.โพนสวรรค์ อัยการจังหวัด ชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่ พฐ.ภ.จว.นครพนม กู้ภัยศรีสัตตนครพนม
นาทีเตะ
ที่เกิดเหตุพบศพนายลำเพย จำปา อายุ 48 ปี ชาวบ้านค้อ อ.โพนสวรรค์ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบที่ฝ่าเท้า 1 นัด หน้าแข้ง 1 นัด และลำตัว 1 นัด รวม 3 นัด นอนจมกองเลือด ใกล้กันพบปลอกกระสุน 4 ปลอกตกอยู่ และอาวุธมีดพร้าปลายแหลมยาว 40 ซ.ม.เปื้อนเลือด ซึ่งเป็น ของนายลำเพย ผู้ตาย ตกอยู่ที่เกิดเหตุ นอกจากนี้ ในที่เกิดเหตุยังพบไม้ง่ามเหล็ก 2 อัน ยาว 2 เมตร มี 1 อันง่ามหักตกอยู่
ส่วนคนเจ็บทราบชื่อ ร.ต.ท.วิจิตร บางปลา รอง สว.สืบสวน สภ.โพนสวรรค์ หน.ที่พักสายตรวจ ต.บ้านค้อ ถูกฟันด้วยอาวุธมีดปลายแหลมเข้าที่ศีรษะ 2 แผล ที่ต้นแขนซ้าย 2 แผล ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกส่งตัวรักษาที่ร.พ.โพนสวรรค์ ก่อนถูกส่งตัวรักษาที่ร.พ.นครพนม ในเวลาต่อมาพบว่ากะโหลกศีรษะร้าว
ถลาใส่กอ่นเสียงปืนดัง
สอบสวนนางทองคำ พี่สาวผู้ตายทราบว่าก่อนเกิดเหตุนายลำเพย น้องชายขับรถจยย.คันดังกล่าวมาที่บ้านตน เพื่อจะมาขอเงิน 100 บาทไปซื้อยาบ้า แต่ไม่พบตนจึงคลุ้มคลั่งอาละวาดจะพังบ้าน หลานสาวจึงโทรศัพท์บอกตน ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางกลับจากจ.สกลนคร จึงโทร.แจ้งตำรวจให้มาระงับเหตุ
หลังแจ้งความร.ต.ท.วิจิตร คนเจ็บขับรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุสีน้ำเงิน ซึ่งอยู่ที่พักสายตรวจห่างจากจุดเกิดเหตุ 300 เมตร หลังจอดรถได้นำไม้ง่ามเหล็กที่อยู่ท้ายรถมาผลักรถจยย.ของนายลำเพยผู้ตายล้มคว่ำ และพยายามจับกุมโดยใช้ไม้ง่ามพยายามจับกุมก่อนเกิดการปลุกปล้ำจนร.ต.ท.วิจิตรเสียหลักล้ม นายลำเพย ผู้ตายจึงใช้อาวุธมีดปลายแหลมฟันเข้ากลางศีรษะ 2 ครั้ง และที่ข้อมือซ้าย 2 ครั้ง ได้รับบาดเจ็บสาหัส
หลังนายลำเพย ผู้ตายฟันร.ต.ท.วิจิตรแล้วได้วิ่งหนี ร.ต.ท.วิจิตรจึงใช้อาวุธปืนยิงที่ขาผู้ตาย 2 ข้างจนล้มลงและตามร่างกายจนจมกองเลือด ต่อมาได้มี ด.ต.สมสุพร ตรีเดช ผบ.หมู่ งาน ป.สภ.โพนสวรรค์ ได้ยินวิทยุขอความช่วยเหลือจึงแจ้งกู้ภัยศรีสัตตนครพนมนำร่างที่เลือดโชกของร.ต.ท.วิจิตร จนแทบหมดสติ ส่งตัวรักษา
พฐ.เก็บหลักฐาน
ด้าน พ.ต.อ.กวีศักดิ์กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีชายคลุ้มคลั่งเมายาเสพติดอาละวาด ซึ่งร.ต.ท.วิจิตร คนเจ็บได้นำไม้ง่ามไประงับเหตุตามยุทธวิธี แต่เสียหลักถูกคนร้าย ใช้อาวุธมีดฟันจนบาดเจ็บสาหัส หลังคนร้ายก่อเหตุจะวิ่งหนี ร.ต.ท.วิจิตรจึงใช้อาวุธปืนยิงที่เท้าผู้ตายเพื่อป้องกันตัวและหลบหนี
เรื่องราวควรเป็นเช่นนั้นหากไม่มีผู้บันทึกภาพวิดีโอนาทีเกิดเหตุเอาไว้ได้ โดยภาพวิดีโอดังกล่าวเผยให้เห็นว่านาย ลำเพยผู้ตายนั่งหมดทางสู้อยู่เนื่องจากถูกยิงที่ขา โดยมีญาติเข้าไปดึงมีดออกมาโยนทิ้ง ขณะที่ร.ต.ท.วิจิตรซึ่งถูกฟันจนเลือดอาบเดินไปหยิบมีดของกลางและปืนเดินเข้าไปหา ก่อนจะเตะไปที่หน้าผู้ตาย แต่ผู้ตายยกมือจับขาเอาไว้ ทำให้เจ้าตัวเสียหลักถลาใส่ผู้ตายก่อนมีเสียงปืนดังขึ้นอีก 1 นัด จนปรากฏว่าผู้ตายถูกอาวุธปืนเข้ากลางอกจนเสียชีวิต
คลิปดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับญาติๆ จึงนำคลิปหลักฐานมาโพสต์ในโลกออนไลน์เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับผู้ตาย รวมทั้งเข้าร้องเรียนให้ดำเนินคดีกับร.ต.ท.วิจิตร ฐานทำเกินกว่าเหตุ
นางทองคำ วัย 56 ปี พี่สาวผู้ตายกล่าวว่า ในคลิปพบว่าตำรวจทำเกินกว่าเหตุ ถึงแม้นายลำเพยจะใช้อาวุธมีดฟันตำรวจก่อนแต่ตำรวจก็ยิงเข้าที่ขาสองข้างจนหมดแรง แต่ตำรวจยังยิงซ้ำอีก ถือว่ารุนแรงเกินไป อยากให้หน่วยงานเกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือให้ความเป็นธรรมกับน้องชายด้วย
ร.ต.ท.วิจิตร บางปลา ให้การ
ขณะที่นายกิตติศักดิ์ จำปา กำนัน ต.บ้านค้อ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนไม่ใช่แค่พยานเห็นเหตุการณ์ แต่มีคลิปหลักฐานชัดเจน ตำรวจทำงานขาดสติแทนที่จะขอกำลังสนับสนุนและเรียกผู้นำท้องถิ่นมาควบคุมตัวผู้ก่อเหตุ เนื่องจากก่อนเกิดเหตุนั้นผู้ตายยังไม่ได้ทำร้ายใคร ลูกบ้านตนจะต้องไม่ตายฟรี ตำรวจที่ยิงจะต้องถูกดำเนินคดี และรับผิดชอบความสูญเสียที่เกิดขึ้น
พอคดีพลิกเช่นนี้ พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผบก.ภ.จว.นครพนม จึงมอบหมายให้พ.ต.อ.พลาเดช เพ็ชรหว้าโง๊ะ รอง ผบก. ลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง
โดยคดีนี้ผู้บังคับบัญชายืนยันจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนการดำเนินคดีกับร.ต.ท.วิจิตร ทางผู้บังคับบัญชาได้มีคำสั่งด่วนย้ายไปช่วยราชการที่ศปก.ภ.จว.นครพนม ตั้งแต่ช่วงกลางดึกวันที่ 26 ก.ค. พร้อมแจ้งข้อหากระทำการเกินกว่าเหตุทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แต่หากว่าผลการสอบสวนพบว่ามีพฤติกรรมเพิ่มเติมก็จะแจ้งเพิ่มต่อไป
เป็นตำรวจมาทั้งค่อนชีวิตจนใกล้จะเกษียณอายุราชการอยู่แล้ว แค่หมดความอดทนชั่วครู่เดียว บั้นปลายชีวิตต้องกลายมาเป็นผู้ต้องหาเสียเอง
