ผ่าแผนสลับตัว-หนีคุก – การระบุตัวบุคคล นับเป็นกระบวนการสำคัญอันดับแรกๆ ในการสืบสวนคลี่คลายคดีฆาตกรรม เพราะเมื่อทราบว่าเหยื่อเป็นใคร ก็ทำให้สามารถโฟกัสชนวนสาเหตุได้ตรงจุดมากขึ้น

แต่หลายครั้งที่สภาพศพเน่าเปื่อยหรือ ถูกไฟเผาจนไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นใคร ก็ต้องพึ่งพากระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ในการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล ซึ่งกระบวนการดังกล่าวมีส่วนในการพิชิตคดีสำคัญๆ มานักต่อนักแล้ว

เช่นคดีที่เกิดขึ้นเมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 26 ก.ค. เมื่อ ร.ต.ท.พชรพล เผ่าสำราญ รองสว. (สอบสวน) สภ.จอมบึง จ.ราชบุรี รับแจ้งเหตุพบโครงกระดูกมนุษย์ในซากรถเก๋งที่เกิดเพลิงไหม้ บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 112 ม.2 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ซึ่งเปิดเป็นอู่รับทำเบาะรถยนต์ จึงรายงานให้ พ.ต.อ.ไวโรจน์ แน่นพิมาย ผกก.สภ.จอมบึง รับทราบ พร้อมรุดไปตรวจสอบพร้อม เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จ.ราชบุรี แพทย์เวร ร.พ.จอมบึง และเจ้าหน้าที่มูลนิธิปฐมบรมราชานุสรณ์ราชบุรี

ที่เกิดเหตุพบซากรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อซีตรอง สีแดง ทะเบียน กม 6094 ราชบุรี และ รถเก๋งเก่าญี่ปุ่น ไม่ทราบยี่ห้อและทะเบียนรถ ลักษณะคล้ายชนท้ายกัน และมีรอยถูกไฟไหม้ทั้ง 2 คัน ภายในรถพบโครงกระดูกมนุษย์ ถูกเพลิงเผาไหม้จนเหลือแต่โครงกระดูก ในรถยังพบชะแลงเหล็ก 1 นิ้ว ยาว 1.5 เมตร ส่วนกุญแจรถเสียบอยู่ในรูสตาร์ต นอกจากนี้ยังพบถังแก๊สโดนัทขนาด 45 ลิตร อยู่ใต้เบาะหลังรถ

ขณะที่ นางขวัญเรือน บุญมี อายุ 54 ปี ผู้พบศพให้การว่า สงสัยว่าศพที่พบน่าจะเป็น นายธิตินันท์ ภู่สุวรรณ อายุ 43 ปี น้องชายซึ่งเป็นเจ้าของอู่รับทำเบาะรถยนต์ที่เกิดเหตุ โดยตอน 6 โมงเย็น น้องสะใภ้โทร.มาหาตน ให้เข้ามาดูนายธิตินันท์ เนื่องจากติดต่อไม่ได้ จึงเข้ามาดูที่บ้านซึ่งเปิดเป็นอู่รับทำเบาะรถยนต์ภายในไร่ แต่ปิดกิจการไปแล้ว เมื่อมาถึงตนเห็นสุนัขคาบอะไรมากินอยู่แถวซากรถที่ถูกไฟไหม้

เมื่อเข้าไปและเอาไม้เขี่ยดูพบว่าเป็นชิ้นส่วนตับ ตนจึงหันไปดูที่ซากรถก็พบโครงกระดูกมนุษย์ ส่วนขาอยู่ภายในซากรถ จึงรีบแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านมาตรวจสอบ พบว่าเป็นกระดูกมนุษย์จริงๆ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

นางขวัญเรือนกล่าวอีกว่า ตนเชื่อว่าโครงกระดูกมนุษย์เป็นของน้องชายตน ซึ่งหายตัวไป โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 24 ก.ค. เวลาบ่ายสามโมง น้องชายโทร.มาหาเพื่อยืมที่ชาร์จแบตฯ รถ แต่ตนไม่มี น้องชายจึงบอกว่าจะขับรถไปเติมแก๊ส และยังบอกว่า ถังแก๊ส มันดัง ตนจึงบอกให้ระวังดูให้ดี น้องชายยังตอบกลับมาว่าไม่ใช่ระเบิดล่ะ แล้วก็วางสายไป หลังจากวันนั้น ตนก็ไม่ได้ติดต่อ น้องชายอีก กระทั่งวันนี้น้องสะใภ้วานให้ตน มาดู ถึงมารู้ว่าเกิดเหตุดังกล่าว

แม้คำให้การของพยานจะดูเป็นเรื่องราวสอดคล้องกัน แต่เมื่อตรวจสอบหลักฐานในที่เกิดเหตุกลับมีความผิดปกติหลายจุด ที่สภาพการเฉี่ยวชน และที่สำคัญตำรวจพบว่าถังแก๊สที่อยู่ท้ายรถไม่ได้ต่อท่อแก๊สเข้ากับระบบเครื่องยนต์เพื่อการใช้งาน และรถจักรยานยนต์ที่นายธิตินันท์ใช้อยู่เป็นประจำก็หายไปด้วย อีกทั้งเมื่อไล่เช็กประวัติ พบว่าเจ้าตัวมีถูกจับข้อหาพยายามฆ่าปี พ.ศ.2562 และคดีได้ถูกส่งฟ้องไปแล้ว แต่ช่วงที่อยู่ในคุกนายธิตินันท์พยายามจะฆ่าตัวตายญาติจึงซื้อหลักทรัพย์ประกันตัวออกมา โดยศาลจะมีการตัดสินในวันที่ 18 ส.ค.นี้

หลังคดีมีกลิ่นไม่ชอบมาพากล ตำรวจจึงนำลูกสาวของนายธิตินันท์มาตรวจสอบดีเอ็นเอ เพื่อเปรียบเทียบโครงกระดูกที่พบเพื่อยืนยันให้แน่ชัด

และแล้วคดีก็พลิกเพราะวิทยาศาสตร์ ไม่เคยโกหก เมื่อผลการตรวจดีเอ็นเอ ออกมาจึงพบว่าโครงกระดูกในรถไม่ใช่ นายธิตินันท์ เมื่อตรวจสอบย้อนกลับไปก็พบว่าใกล้กับจุดเกิดเหตุ มีการแจ้งคนหายไว้ โดยเมื่อนำญาติผู้สูญหายมาตรวจดีเอ็นเอเปรียบเทียบ

ทั้งผลดีเอ็นเอ การพิสูจน์อัตลักษณ์ บุคคล ระบุว่าศพในรถที่ถูกเผาคือ นายเปลี่ยน สีชมพู อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13 หมู่ 10 ต.จอมบึง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นชายเร่ร่อนที่เดินเก็บขยะขายในบริเวณดังกล่าว

ล่าสุดวันที่ 1 ส.ค. พล.ต.ต.อนุภาพ ศรีนวล ผบก.ภ.จ.ราชบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธนู ฮวบประเสริฐ รองผบก.ภ.จ.ราชบุรี พ.ต.อ.โชติช่วง ภาณุทัต ผกก.สส.ภ.จ.ราชบุรี และ พ.ต.อ.ไวโรจน์ แน่นพิมาย ผกก.สภ.จอมบึง นำตัวนาย ธิตินันท์มาสอบปากคำ หลังชุดสืบสวนติดตามไปจับกุมได้ในพื้นที่อำเภอบ้านคา จ.ราชบุรี

สอบปากคำอยู่นานจนยอมรับสารภาพว่าเป็นคนที่ไปชักชวนนายเปลี่ยนมากินเหล้าที่บ้านที่เกิดเหตุ จากนั้นก็ได้ทำร้ายนายเปลี่ยนจนตายโดยการตีด้วยเหล็กชะแลง ก่อนจะนำศพไปใส่ไว้ในรถ แล้วก็สตาร์ตรถให้ พุ่งไปชนรถอีกคันที่จอดอยู่ จากนั้นก็จุดไฟเผา

นายธิตินันท์สารภาพอีกว่าที่วางแผนทำเช่นนี้ ก็เพื่อให้ทุกคนเข้าใจว่าตนตายไปแล้ว คดีที่ตนต้องโทษอยู่ก็จะได้จบ เงินประกันที่ซื้อหลักทรัพย์มา ศาลก็จะต้องคืนให้เจ้าของทรัพย์ และตนยังมีเงินประกันชีวิตอีกจำนวนหนึ่ง ครอบครัวก็จะไม่เดือดร้อน ตนยอมที่จะอยู่เหมือนบุคคลที่สูญหาย แต่แผนการก็ไม่สำเร็จ

นอกจากแผนครั้งนี้จะไม่สำเร็จแล้ว เจ้าตัวยังถูกแจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา แล้วนำศพไปเผาอำพราง”

เมื่อรวมกับคดีเก่า ทั้งต้นทั้งดอก เชื่อว่าคงต้องใช้ชีวิตในคุกอีกนาน

 

ดุสิต จิรภัทรากร

เรื่อง/ภาพ


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน