ย้อนคดีจับโจรอำมหิต – ต้องจิตใจโหดเหี้ยมปานไหนถึงลงมือ ฆ่าคนได้ ทั้งที่ไม่เคยรู้จักหรือมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันมาก่อน

เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 3 ส.ค. ที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภาค 1 พร้อมตำรวจจังหวัดนนทบุรี

ร่วมกันแถลงจับกุม นายลาภิศ ทรัพย์ยานนท์ อายุ 33 ปี ฆาตกรโหดที่ ก่อเหตุฆ่าปาดคอนายศักดิ์ คีรีแก้ว อายุ 48 ปี หรือเจ้บอย คนดูแลอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ในซอยติวานนท์ 27 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี แล้วปลดเอาสร้อยคอทองคำ หนัก 2 บาท สร้อยข้อมือทองคำหนัก 3 บาท แหวนทองหนัก 1 บาท 1 วง หลบหนีไป

วงจรปิดมัด

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 1 ส.ค. พ.ต.ต.พิเศษศักดิ์ ขำทอง รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี รับแจ้งพบศพชายถูกปาดคอเสียชีวิตภายในอพาร์ตเมนต์ ซอยติวานนท์ 27 ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี

จึงประสานแพทย์สถาบันนิติวิทยาศาสตร์แล้วรุดไปตรวจสอบพร้อมพล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จ.นนทบุรี พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบก. พ.ต.อ.ดิเรก ยศนันท์ ผกก.สส.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.ธีรวัจน์ ขจรเกียรติภาส ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิ ร่วมกตัญญู

ส่งศพชันสูตร

ที่เกิดเหตุเป็นอพาร์ตเมนต์สูง 4 ชั้น บริเวณที่พักบันไดทางขึ้นชั้น 3 พบศพ นายศักดิ์ คีรีแก้ว อายุ 48 ปี คนดูแลอพาร์ตเมนต์ บ้านอยู่ ต.โป่งแพร่ ต.แม่ลาว จ.เชียงราย สภาพนอนหงายจมกองเลือด มีบาดแผลถูกของมีคมปาดลำคอเป็นแผลฉกรรจ์ เศษสร้อยคอทองคำขาดตกอยู่บางส่วน พร้อมโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง กระเป๋า ใส่กุญแจห้องพัก 1 ใบ กระเป๋าสตางค์ 1 ใบ มีเงิน 1 พันกว่าบาท

สอบสวนเพื่อนผู้ตายให้การว่า นายศักดิ์ หรือเจ้บอย ผู้ตายเป็นคนดูแลอพาร์ตเมนต์ ก่อนเกิดเหตุผู้ตายนั่งกินข้าวอยู่ที่บ้านตน ฝั่งตรงข้ามกับที่เกิดเหตุ ระหว่างนั้นมีคนโทรศัพท์เข้ามาหา นายศักดิ์บอกกับตนว่า มีคนจะมาดูห้องจะไปเปิดห้องให้คนมาเช่าดู แต่เมื่อออกจากบ้านไปแล้วก็หายไปเลย จนมีคน ที่พักอยู่ในอพาร์ตเมนต์มาบอกว่าเห็นนายศักดิ์ ล้มอยู่ตรงบันไดเลือดท่วมตัวจึงแจ้งกู้ชีพเทศบาลนครนนทบุรีมาช่วย แต่ปรากฏว่า เสียชีวิตไปแล้ว

เบื้องต้นพบว่าคนร้ายทำทีเข้ามาขอดู ห้องพักก่อนจะก่อเหตุใช้มีดปาดคอจนเสียชีวิต โดยมีทรัพย์สินที่หายไปเป็นสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท สร้อยข้อมือทองคำหนัก 3 บาท แหวนทองหนัก 1 บาท 1 วง หลังคนร้ายก่อเหตุหลบหนีออกไปทางปากซอย

พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 แถลงปิดคดี

หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภ.1, พ.ต.อ.อภิชาติ วรรณภักดิ์ รอง ผบก.สส.ภ.1, พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบก.ภ.จ.นนทบุรี, พ.ต.อ.ธีรวัจน์ ขจรเกียรติภาส ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์, พ.ต.ต.พิเศษศักดิ์ ขำทอง สว.(สอบสวน) ร่วมประชุมคลี่คลายคดี โดยหลักฐานที่ใช้หาตัวคนร้ายนอกจากภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพชายต้องสงสัยเอาไว้ได้แล้วก็ยังมีข้อมูลเบอร์ ที่โทร.เข้ามาหาผู้ตาย

เจ้าหน้าที่พุ่งเป้าไปที่นายลาภิศ ทรัพยานนท์ อายุ 33 ปี เนื่องจากช่วงกลางเดือนก.ค.ที่ผ่านมาได้มาติดต่อขอดูห้องเช่าที่เกิดเหตุแล้วครั้งหนึ่ง จนติดตามไปจับกุมตัวได้ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งใน ต.คลองพระอุดม อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นบ้านของเพื่อนชายคนสนิท หลังสืบทราบว่าหลบหนีมาบ้านหลังดังกล่าวและได้ออกไปตัดผมสั้นเพื่ออำพรางสายตาเจ้าหน้าที่ ก่อนพาไปตรวจค้นของกลางในบ้านพบเงินสดจำนวนหนึ่ง

ขณะที่ในการแถลงปิดคดีพล.ต.ท.อำพล เผยว่า เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าประสงค์ต่อทรัพย์สินเพียงอย่างเดียว โดยตอนแรกตั้งใจจะมาเช่าห้อง แต่พอเห็นว่าผู้ตายสวมใส่ของมีค่าเยอะจึงได้ย้อนกลับมา โดยวันเกิดเหตุผู้ต้องหาเตรียมอาวุธมีดทำที เข้ามาขอดูห้องเช่า แต่ยังไม่สบโอกาสในการก่อเหตุจึงกลับออกไป หลังจากนั้นผู้ต้องหาได้กลับเข้ามาอีกครั้ง หลังจากดูห้องเช่าเสร็จ ระหว่าง

เดินลงบันไดผู้ต้องหาเดินตามหลังชักอาวุธมีดออกมาจากกระเป๋าผ้า ตรงเข้าล็อกคอ ก่อนจะใช้มีดปาดคอผู้ตายจนเสียชีวิต จึงอยากจะฝากประชาชนว่าอย่าใส่ของมีค่าเพราะจะเป็นสิ่งล่อตาล่อใจ คนร้าย หลีกเลี่ยงการใส่ทรัพย์สินที่มีค่าเป็นจำนวนมาก เพราะอาจเกิดอันตรายได้

คุมทำแผนฆ่า

หลังแถลงข่าวเสร็จ พล.ต.ต.ธนายุตม์ควบคุมการนำตัวนายลาภิศไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่อพาร์ตเมนต์ที่เกิดเหตุ โดยมี ชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างพากันมาดูหน้าผู้ต้องหา พร้อมทั้งตะโกนด่า สาปแช่ง แต่ไม่มีเหตุอะไรรุนแรง

หลังนายลาภิศถูกจับทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายลาภิศไปหา ของกลาง เช่น เสื้อผ้าที่ใส่วันเกิดเหตุ อาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุ ก่อนจะนำตัว มาสอบปากคำ หลังจากสอบปากคำเสร็จเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวเข้าห้องขัง ปรากฏว่าหลังจากเจ้าหน้าที่เดินกลับไป นายลาภิศได้ใช้เสื้อตัวเองผูกคอกับลูกกรงห้องขังหวังฆ่าตัวตาย แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่เดินกลับมาเห็น จึงรีบเข้าไปช่วยไว้ได้ทัน

ฆ่าตัวตายไม่เรียกว่าสำนึกผิด แต่เพราะต้องการหนีการถูกลงโทษ การพร้อมรับโทษที่ตนกระทำลงไปต่างหากจึงเรียกว่าสำนึกผิดจริง

สันติ ประหร่ำภากรณ์ – เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน