พลิกปม-สาง2คดีใหญ่ ‘บอส อยู่วิทยา-บ่อนกรุง’
บทพิสูจน์‘อัยการ-ตำรวจ’ เสาหลักระบบยุติธรรม
: แฟ้มคดี

 

พลิกปม-สาง2คดีใหญ่ ‘บอส อยู่วิทยา-บ่อนกรุง’ บทพิสูจน์‘อัยการ-ตำรวจ’ เสาหลักระบบยุติธรรม : แฟ้มคดี – ยังอยู่ในกระแสจับตาของสังคม สำหรับ 2 คดีใหญ่ที่มีผลต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม

นั่นก็คือเรื่องของ บอส วรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทหมื่นล้าน บริษัทเครื่องดื่มชื่อดังระดับโลก ที่อัยการสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีขับเฟอร์รารี่พุ่งชนตร.สน.ทองหล่อเสียชีวิตเมื่อปี 2555

ขณะที่ตร.เองก็ไม่เห็นแย้งทำให้คดีสิ้นสุด

แต่ก็ต้องกลับมารื้อกันใหม่เพราะกระแสสังคมคลางแคลงใจ

เช่นเดียวกับคดีบ่อนการพนันกลางกรุง ที่ไม่เคยมีใครยอมรับว่ามีอยู่จริงในประเทศไทย

ก็เกิดการยิงกันอุตลุดดับกันถึง 4 ศพ โดย 1 ในนั้นเป็นนายตำรวจยศพ.ต.ต.

แถมยังเหิมเกริมขนาดเข้าไปขนอุปกรณ์เล่นพนัน กล้องวงจรปิด ออกไปขณะที่ศพยังกองกันอยู่

ทำลายหลักฐาน เปลี่ยนแปลงที่เกิดเหตุก่อนที่คนระดับผบช.น.จะรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง

ย่อมส่งผลให้เกิดความเคลือบแคลงใจว่าต้องใหญ่ระดับไหน วีไอพีระดับไหนถึงจะทำได้

และหากไม่คลี่คลายให้ชัดเจน ย่อมส่งผลต่อความเชื่อถือในกระบวนการยุติธรรมไทย

  • อัยการสั่งรื้อคดีบอสอยู่วิทยา

หลังจากปรากฏเป็นข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศเมื่อวันที่ 23 ก.ค. เมื่อซีเอ็นเอ็นเสนอข่าวอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทเจ้าสัวหมื่นล้าน บริษัทเครื่องดื่มชื่อดัง ในข้อหาขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต จากเหตุการณ์ขับรถเฟอร์รารี่หรูพุ่งชนด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ตร.สน.ทองหล่อเสียชีวิต เมื่อปี 2555

โดยขณะนั้นมีความพยายามเปลี่ยนตัวผู้ต้องหา ก่อนที่พนักงานสอบสวนในขณะนั้นไม่ยินยอม จนสามารถจับกุมนายวรยุทธได้ ก่อนที่จะยื่นฟ้อง 4 ข้อหา แต่ก็ถูกประวิงเวลาเรื่อยมาไม่สามารถนำผู้ต้องหาไปส่งศาลได้ จนคดีขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดขับรถโดยประมาททำให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย และขับรถชนแล้วไม่หยุดให้ความช่วยเหลือและไม่แจ้งเจ้าพนักงาน ทยอยหมดอายุความ

พลิกปม-สาง2คดีใหญ่ ‘บอส อยู่วิทยา-บ่อนกรุง’

อัยการแถลง

จนกระทั่งคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องของอัยการและสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่คัดค้านทำให้เรื่องต้องยุติลง จนเกิดกระแสการตั้งคำถามถึงกระบวนการยุติธรรมไทยเป็นอย่างมาก

ส่งผลให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงนำโดยนายวิชา มหาคุณ อดีตกรรมการป.ป.ช. เป็นประธาน

ด้านสำนักงานอัยการสูงสุดก็ตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ และมีข้อสรุปเมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงผลการพิจารณาของคณะทำงาน ระบุว่าแม้จะมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง แต่คดีนี้ยังไม่จบ

เนื่องจากพบว่ามีข้อมูลเรื่องความเร็วรถ มีพยานคือ ดร.สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คำนวณความเร็วรถของนายบอสได้ที่ 177 ก.ม.ต่อช.ม. แต่ไม่ปรากฏข้อมูลนี้ในสำนวนการสอบสวน

จึงมีเพียงคำให้การของพยานที่ระบุว่านายวรยุทธขับรถด้วยความเร็วประมาณ 70-90 ก.ม./ช.ม. คณะทำงานฯ

จึงได้แจ้งให้พนักงานสอบสวนให้เริ่มต้นสอบสวนคดีนี้ใหม่อีกครั้ง

นอกจากนี้ ยังให้ดำเนินคดีการเสพโคเคน ที่เป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 ตามพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ เนื่องจากพบสาร Benzoyleegorine และ Cocaethylene ซึ่งเป็นสารที่เกิดจากการเสพโคเคน และการเสพโคเคนร่วมกับแอลกอฮอล์ ซึ่งข้อหาส่วนนี้ยังไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีกับนายวรยุทธ จึงเสนอให้อัยการสูงสุดแจ้งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามพ.ร.บ.ยาเสพติด ซึ่งยังไม่หมดอายุความ

ขณะที่คำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ โดยนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุดเป็นไปตามกฎหมาย และระเบียบของสำนักงานอัยการสูงสุดทุกประการ โดยการพิจารณายึดตามพยานหลักฐานตามแนวทางการสอบสวนของตำรวจ โยนให้เป็นเรื่องตำรวจต้องรับผิดชอบ

  • เนตรลาออก-ยันทำถูกต้อง

แต่ก็มีความเห็นแย้งระหว่างอัยการด้วยกันเอง เมื่อนายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ทำหนังสือบันทึกข้อความมีความเห็นแย้งถ้อยแถลงของคณะทำงานของอัยการสูงสุด ระบุว่า กรณีคดีนายบอสนั้น มีการร้องขอความเป็นธรรมหลายครั้ง จนกระทั่ง ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อสส.ในขณะนั้น มีคำสั่งให้ยุติการพิจารณาการร้องขอความเป็นธรรมก่อนหน้านั้นไปแล้ว และมีคำสั่งให้ฟ้องคดี

พลิกปม-สาง2คดีใหญ่ ‘บอส อยู่วิทยา-บ่อนกรุง’

อัยการเนตรชี้แจง

ดังนั้นพนักงานอัยการผู้มีอำนาจพิจารณาดำเนินการสั่งคดีดังกล่าวได้อีกก็แต่เฉพาะอัยการสูงสุดเท่านั้น รองอัยการสูงสุดที่ได้รับมอบหมายหรือปฏิบัติราชการแทนไม่มีอำนาจสั่งคดีดังกล่าว หากอัยการสูงสุดไม่ได้มีคำสั่งใด คำสั่งฟ้องของอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ก็ยังคงใช้บังคับอยู่เช่นเดิม

แต่ถ้าอัยการสูงสุดสั่งให้พิจารณาคำร้องขอความเป็นธรรมอีกครั้งหนึ่ง อัยการสูงสุดก็มีอำนาจสั่งยุติการพิจารณาการร้องขอความเป็นธรรมหรือสั่งสอบสวนเพิ่มเติม หรือกลับคำสั่งฟ้องตามความเห็นเดิมเป็นสั่งไม่ฟ้องก็ได้ตามดุลพินิจที่เห็นว่าถูกต้องเหมาะสมและสอดคล้องกับพยานหลักฐานในสำนวน

การที่พนักงานอัยการคนใดจะหยิบยกเพื่อพิจารณาให้ความเป็นธรรม โดยสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมและมีคำสั่งใดๆ ใหม่ ต้องมี คำสั่งจากอัยการสูงสุดก่อนจึงจะดำเนินการได้ เพราะอัยการสูงสุดได้วินิจฉัยไว้แล้วให้ยุติการพิจารณากรณีร้องขอความเป็นธรรม

หากพนักงานอัยการผู้ใดมีการหยิบยกการร้องขอความเป็นธรรมขึ้นพิจารณาอีก และมีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม โดยมิได้ขอความเห็นชอบจากอัยการสูงสุดก่อนไม่น่าจะกระทำได้ และจะมีผลการดำเนินการในขั้นตอนต่อๆ มาทั้งหลายไม่ชอบด้วยกฎหมายและระเบียบฯ ทำให้คำสั่งต่างๆ ที่มีตามมา รวมทั้งคำสั่งไม่ฟ้องไม่อาจมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายได้

อย่างไรก็ตาม สำนักงานอัยการสูงสุดได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาอีกชุด โดยมีนายอิทธิพร แก้วทิพย์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา เป็นประธาน และมีคำสั่งให้แจ้งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีนายวรยุทธ ในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 2 และสั่งสอบเพิ่มเติมข้อหาขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยให้ดำเนินการให้เสร็จภายในวันที่ 20 ส.ค.นี้

ขณะที่นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุดที่สั่งไม่ฟ้อง ยื่นหนังสือลาออกจากราชการเมื่อวันที่ 11 ส.ค. พร้อมให้การกับกมธ.สภายืนยันทำหน้าที่ถูกต้องโดยยึดตามสำนวนของตำรวจ

ส่วนคณะกรรมการตรวจสอบของตร. ก็ระบุว่าการใช้ดุลพินิจของพล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผบ.ตร. ถูกต้องแล้วตามขั้นตอน

ถูกต้องกันทั้งหมด ใครจะบกพร่องก็ต้องดูกันต่อไป

  • ผบช.น.ตั้งทีมลุยคดีบ่อนพระราม 3

ไม่เพียงแค่คดีบอสเท่านั้นที่กระทบต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ยังมีคดียิงกัน 4 ศพ ที่บ่อนเฮียตี้ กลางกรุงย่านพระราม 3 โดย หนึ่งในผู้เสียชีวิตคือพ.ต.ต.วัทธเศรษฐ์ หรือแม็ค สำเนียงประเสริฐ ตร.สน.แสมดำ ซึ่งหลังเกิดเหตุมีคลิปวิดีโอพบชายฉกรรจ์เคลื่อนย้ายอุปกรณ์การพนัน กล้องวงจรปิด เพื่ออำพรางว่าสถานที่เกิดเหตุไม่ใช่บ่อนการพนัน

ทั้งนี้การสอบสวนพบว่าผู้ก่อเหตุคือนายถาวร สีสด อายุ 51 ปี ปมขัดแย้งจากการเล่นพนันเสีย และสงสัยว่าโดนกลโกง เลยโมโหเลือดขึ้นหน้า ก่อเหตุยิงคนแจกไพ่ที่เป็นผู้หญิง 2 คน เสียชีวิต รวมทั้งพ.ต.ต.วัทธเศรษฐ์ด้วย เพราะไม่พอใจว่าสารวัตรแม็คชักชวนให้มาเล่น คงรู้เห็นเป็นใจกับการโกงด้วย ก่อนที่นายถาวรจะบาดเจ็บและหลบหนีไปในห้องน้ำ ก่อนถูกมือปืนคุมบ่อนตามยิงเสียชีวิต

พลิกปม-สาง2คดีใหญ่ ‘บอส อยู่วิทยา-บ่อนกรุง’

บังบอย บ้านครัว มือปืนมอบตัว

 

คดีนี้ตำรวจโดยเฉพาะพล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก เนื่องจากถูกมองว่าตำรวจปล่อยปละละเลย หรือรู้เห็นเป็นใจให้กับกลุ่มนักพนันขนย้ายข้าวของ ผู้เล่น กล้องวงจรปิดออกไปจากที่เกิดเหตุ ทั้งที่มีศพ 4 ศพกองอยู่ แถมหนึ่งในนั้นเป็นนายตำรวจ

ส่งผลให้พล.ต.ท.ภัคพงศ์ ออกมายืนยันว่าจะขอรับผิดชอบด้วยตัวเอง

ต่อมากลางดึกวันที่ 7 ส.ค. นายพิพิธ ศรีสุวรรณ์ หรือ‘บอย บ้านครัว’ อายุ 61 ปี ก็ติดต่อเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน ต่อด้วยพนักงานสอบสวนติดตามพบอุปกรณ์เล่นพนัน กล้องวงจรปิด ที่ถูกขนย้ายไปซุกในตึกแถวตรงข้ามกับบ่อนที่เกิดเหตุนั่นเอง

พลิกปม-สาง2คดีใหญ่ ‘บอส อยู่วิทยา-บ่อนกรุง’

ทำลายหลักฐาน

 

แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถกู้ภาพจากวงจรปิดออกมาได้ เพราะเซิร์ฟเวอร์ถูกทำลาย

ด้านพล.ต.ท.ภัคพงศ์ ระบุว่าจะทำคดี 3 สำนวนพร้อมๆ กัน คือคดีฆาตกรรม คดีทำลายพยานหลักฐาน และคดีเกี่ยวข้องกับการพนัน ซึ่งเชื่อว่ามือปืนไม่ได้มีแค่นายพิพิธคนเดียว แต่ต้องรอผลตรวจอาวุธปืน

ส่วนทีมที่ทำลายหลักฐานพบแล้วว่ามีทั้งหมด 6 คน ตำรวจสืบทราบตัวแล้วทั้งหมด

สำหรับเฮียตี้ ที่ระบุยังไม่มีข้อมูลว่าเป็นเจ้าของบ่อนตัวจริง แต่ยืนยันพยานหลักฐานถึงไหนจะดำเนินคดีถึงที่สุด ส่วนเรื่องความรับผิดชอบเป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาจะพิจารณา

จะมีบทสรุปอย่างไร เสริมสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมได้หรือไม่

คงต้องจับตา!!!?

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน