ชัดเจนขึ้นในระดับหนึ่ง เมื่อศาลมีคำสั่งในการไต่สวนการตายของ นายธวัชชัย อนุกูล

ซึ่งเป็นอดีตเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดพังงา สาขาท้ายเหมือง ผู้ต้องหาในคดีอาญามาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ด้วยการออกเอกสารสิทธิทับซ้อนพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต กว่า 1 พันไร่

ที่ถูกเจ้าหน้าที่ดีเอสไอติดตามจับกุมได้เมื่อเดือนส.ค. 2559 หลังจากที่นายธวัชชัยถูกไล่ออกจากราชการตั้งแต่ปี 2546

แต่ระหว่างรอดำเนินคดีตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม กลับเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น

เมื่อนายธวัชชัยตัดสินใจผูกคอตายในห้องขังดีเอสไอ

และก็ยังมีเรื่องซ้อนขึ้นมาอีกเมื่อผลการตรวจของแพทย์นิติเวช ระบุว่า นายธวัชชัยมีอาการตับแตก ซึ่งไม่น่าเกี่ยวข้องกับการผูกคอตาย

นำไปสู่การนำเรื่องขึ้นสู่ศาล จนมีคำวินิจฉัยว่ามีคนทำให้ตาย

ก้าวไปสู่กระบวนการสอบสวนต่ออีกขั้นตอนว่าใครกันแน่เป็น คนทำ

เปิดเหตุการตายที่ดินพังงา

เมื่อวันที่ 4 ส.ค. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งขอไต่สวนชันสูตรพลิกศพ การเสียชีวิตของนายธวัชชัยที่เสียชีวิตภายในห้องควบคุมกรมสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2559

โดยคดีนี้พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 4 ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2559 เป็นคดีดำ อช.4/2559 ขอให้ศาลไต่สวนและทำคำสั่งพิจารณาหาสาเหตุการเสียชีวิตของนายธวัชชัย ระหว่างถูกควบคุมตัวที่ดีเอสไอ

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่าย ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2559 ดีเอสไอจับกุมนายธวัชชัย ตามหมายจับศาลอาญา ในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และนำตัวไปควบคุมยังห้องควบคุมผู้ต้องหา ชั้น 6 อาคารดีเอสไอ ถนนแจ้งวัฒนะ

ระหว่างการควบคุมตัว ผู้ตายมีอาการหมดสติ มีถุงเท้ารัดที่คอ ผูกติดกับบานพับประตูในห้องควบคุม ซึ่งเจ้าพนักงานอ้างว่าผู้ตายใช้ผูกคอ จึงช่วยเหลือกู้ชีพเบื้องต้น และแจ้งร.พ.มงกุฎวัฒนะ ที่อยู่ใกล้เคียงให้ส่งหน่วยกู้ชีพมาช่วยเหลือและนำส่ง โรงพยาบาล

ต่อมาผู้ตายถึงแก่ความตาย จากนั้นพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง เจ้าหน้าที่นิติเวช เจ้าพนักงานอัยการและพนักงาน ฝ่ายปกครอง ร่วมชันสูตรพลิกศพ พบสาเหตุการตายเกิดจากเลือดออกในช่องท้อง ตับแตกจากการถูกของแข็งไม่มีคมกระแทก รวมกับขาดอากาศหายใจขณะผูกคอ

มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่าเหตุและพฤติการณ์การตายเป็นอย่างไร ได้ความจากนายชยพล หวานชะเอม พ.ต.ท.ไพโรจน์ เล้ารัตนานุรักษ์ และนายสมมาส นาควงษ์ พยานผู้ใกล้ชิดเหตุการณ์ว่า ได้ควบคุม ผู้ตายมาตลอด จนกระทั่งเวลา 01.00 น. พบผู้ตายหมดสติในห้องควบคุม มีถุงเท้ารัดคอและผูกติดกับบานพับประตู จึงเข้าช่วยเหลือ

แต่เมื่อพิจารณาสภาพศพผู้ตายตามเอกสาร มีสภาพรอยแดงผ่านลูกกระเดือก โดยพ.ต.อ.นพ.อนุราช จิตศิล ผู้ตรวจพิสูจน์สถานที่เกิดเหตุ ระบุว่า ร่องรอยดังกล่าวจะพบในกรณีที่ผู้ตายถูกผู้อื่นกระทำ ส่วนใหญ่ผู้ที่ผูกคอตายจะพบรอยแดงเหนือลูกกระเดือกรัดใต้คางพาดผ่านไปทางหลังใบหูทั้งสองข้าง

ขณะที่นพ.พรชัย สุธีรคุณ ผู้ตรวจชันสูตรพลิกศพ ระบุว่า พบบาดแผลช้ำบริเวณท้อง 3 แห่ง ซึ่งเกิดก่อนที่ผู้ตายจะถึงแก่ความตาย เกิดจากของแข็งไม่มีคมกระแทก ซึ่งจะมีผลทำให้ผู้ตายมีอาการเจ็บ จุกอย่างมาก

ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าเกิดขึ้นและเข้ากับการปั๊มหัวใจในการกู้ชีพผู้ตาย!??

ส่วนที่พบว่าตับฉีกขาด มีเลือดออกในช่องท้องประมาณ 1,000 ซีซี อาการทั้งสองมีความสัมพันธ์สมดุลกัน ซึ่งจากการตรวจสอบกล้องจุลทรรศน์ แสดงว่าตับแตกเกิดก่อนเวลา 01.00 น.

เมื่อการไต่สวนไม่ปรากฏว่ามีบุคคลอื่นเข้ามาก่อเหตุ โดยไม่ทราบแน่ชัดว่าบุคคลใดเป็น ผู้กระทำ จึงอาศัยเหตุผลดังคำวินิจฉัยมีคำสั่ง ว่า ผู้ตายเสียชีวิตเมื่อวันที่ 31 ส.ค.2559 เวลา 04.43 น. เหตุและพฤติการณ์ที่ตายคือ สืบเนื่องมาจากถูกของแข็งไม่มีคมกระแทกตับแตก เลือดออกในช่องท้อง ร่วมกันกับการขาดอากาศหายใจจากการผูกคอทำให้ตาย

โดยยังไม่ทราบว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำ ระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติตามหน้าที่

ย้อนคดีตับแตกในห้องขัง

สำหรับคดีอื้อฉาวนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2559 เมื่อผู้บริหารดีเอสไอแถลงถึงกรณีที่นายธวัชชัย ผู้ต้องหาปลอมแปลงเอกสารโฉนดที่ดินรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติ เสียชีวิตด้วยการผูกคอตายในห้องขัง

พร้อมระบุถึงการติดตามจับกุมตัวเกิดจาก เจ้าพนักงานศูนย์สะกดรอย สามารถติดตามจับกุมนายธวัชชัยได้ที่บ้านพักย่านบางใหญ่ จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2559

ก่อนที่จะคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม โดยนำตัวไปที่ส่วนควบคุมผู้ต้องหาของ ดีเอสไอ ห้องหมายเลข 6008 เพื่อเตรียมนำตัวไปขออำนาจศาลฝากขังในเช้าวันถัดไป

โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าเมื่อแรกรับตัวมา ผู้ต้องหามีอาการวิตกกังวล เครียด กระสับกระส่าย เจ้าหน้าที่นำอาหารมาให้กิน ก็กินได้เพียงเล็กน้อย ส่วนใหญ่เดินไปเดินมาภายในห้อง ก่อนจะล้มตัวลงนอน

จนกระทั่งเวลา 01.00 น. ของวันที่ 30 ส.ค. 2559 นายธวัชชัยแจ้งว่าแสงในห้องสว่างเกินไป นอนไม่หลับ ขอให้ปิดไฟ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ชี้แจงว่าตามระเบียบไม่สามารถปิดไฟได้ นายธวัชชัยจึงใช้ผ้าห่มคลุมหน้านอนตะแคง

ต่อมาเมื่อเวลา 02.00 น. เจ้าหน้าที่เดินมาตรวจที่ห้อง ก็พบนายธวัชชัยนั่งหันหลังพิงประตู จึงเคาะเรียกแต่ไม่มีเสียงตอบ เมื่อเปิดเข้าไปก็พบว่านายธวัชชัยใช้ถุงเท้าผูกคอตัวเองกับขอบบานพับประตูห้องควบคุม

แต่ยังมีลมหายใจอยู่ จึงช่วยกันปั๊มหัวใจ แล้วรีบนำส่งโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตได้ เสียชีวิตในเวลา 04.45 น.

เบื้องต้นญาติไม่ติดใจ แต่เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าสาเหตุการเสียชีวิต นอกจากขาดอากาศหายใจ ยังมีอาการตับแตก และเลือดออกในช่องท้องด้วย

จนกลายเป็นเรื่องที่ต้องส่งศาลไต่สวน การตาย

อย่างไรก็ตามตั้งแต่ต้น ดีเอสไอก็ยืนยันหนักแน่นมาตลอดว่าไม่ใช่เรื่องของการฆาตกรรมอย่างแน่นอน เพราะจากที่ดูวงจรปิดก็ไม่มีบุคคลอื่นเข้าไปภายในห้องควบคุมก่อนเกิดเหตุ

และยังไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ต้องมีการทำร้ายร่างกาย จนกระทั่งการฆ่าตัดตอน

หากมีอะไรที่ผิดสังเกต นายธวัชชัยก็น่าจะแจ้งให้ญาติทราบก่อน

ตร.เร่งสรุป-ส่อเป็นอุบัติเหตุ

ส่วนการดำเนินการขั้นต่อไป นายชัยณรงค์ อนุกูล น้องชาย คนตาย ระบุว่าจะเดินหน้าทวงถามความจริงว่าใครกันแน่ที่ทำให้ พี่ชายเสียชีวิต โดยแจ้งความร้องทุกข์ที่สน.ทุ่งสองห้อง ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ

ขณะที่ขั้นตอนหลังจากนี้ เมื่อศาลมีคำสั่งแล้ว พนักงานอัยการจะต้องส่งคำสั่งศาลและสำนวนการสอบสวนมาให้พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง เมื่อได้เอกสาร ต้องมาพิจารณาคำสั่งศาลกรณีที่ผู้ตายเสียชีวิตเพราะมีบุคคลอื่นทำให้ตาย ความผิด ดังกล่าวเป็นความผิดอาญา

ส่วนจะเกิดจากความประมาทหรือเจตนา ต้องตรวจสอบดูที่พยานหลักฐานเป็นหลัก ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนรอรายละเอียดทางเอกสารต่างๆ

ขณะที่พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ดีเอสไอยืนยันให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง อย่างเต็มที่ เนื่องจากต้องการให้ความจริงกระจ่าง และไขข้อข้องใจสังคม

ที่ผ่านมากระทรวงยุติธรรมได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน และนำตัวเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ 2 นาย และรปภ.ที่เข้าเวรยามห้องขังชั้น 6 กับ รปภ.ที่เข้าเวรชั้น 1 รวม 5 ราย ซึ่งอยู่ในวันที่นายธวัชชัยเสียชีวิต เข้าเครื่องจับเท็จไปแล้ว ซึ่งได้นำข้อมูลส่งให้ศาลแล้ว ส่วนศาลจะรับพิจารณาหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล

อยากให้พนักงานสอบสวนและศาลนำสำนวนการสอบของกระทรวงยุติธรรมไปใช้ในคดีด้วยเนื่องจากมีการสอบสวนไว้หมดแล้ว หากพนักงานสอบสวนต้องการร้องขอให้สอบสวนเพิ่มเติมทาง ดีเอสไอยินดีให้ข้อมูลและให้ความร่วมมือกับตำรวจ

ขณะที่การสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยืนยันได้ว่าจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณห้องควบคุมของดีเอสไอในวันเกิดเหตุ เบื้องต้นไม่พบบุคคลภายนอกเข้ามาในบริเวณห้องควบคุมตัว

แต่หลังจากที่นายธวัชชัยผูกคอภายในห้องควบคุม ก็มีรปภ.เข้ามาช่วยเหลือ

จึงคาดว่าเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการช่วยชีวิต

ล่าสุดก็รู้ตัวผู้ที่ลงมือเรียบร้อยแล้ว

ส่วนบาดแผลที่เกิดขึ้นในร่างกายของนายธวัชชัยหลายจุดนั้น น่าจะเกิดระหว่างการจับกุม ไม่ได้เกิดขึ้นระหว่างการควบคุมตัว

ส่วนข้อเท็จจริงต้องรอสรุปอย่างเป็นทางการต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน