ย้อนปฏิบัติการจับทันควัน – เมื่อรสนิยมในการใช้ชีวิตหรูหราเกิน รายได้ทำให้หนุ่มชาวไพศาลีเลือกเข้าไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติดแรกๆ ก็เหมือนจะดี แต่สุดท้ายชีวิตต้องพังมีหนี้สินที่ต้องชดใช้จนสุดท้ายก็ตัดสินใจก่อเหตุที่ทำให้ตัวเองต้องเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในตะราง
ย้อนไปเมื่อวันที่ 10 ส.ค. ร.ต.อ.วัชระ กรพิทักษ์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนบุกชิงทองรูปพรรณ ที่ร้านทองเยาวราช กรุงเทพฯ สาขาท่าตะโก ตั้งอยู่ภายในห้างบิ๊กซี สาขาเทศบาลท่าตะโก อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.สมบูรณ์ ทองลอย ผกก.สภ.ท่าตะโก ตำรวจสายตรวจ ฝ่ายสืบสวนและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุพบพนักงานหญิงสาวอยู่ในอาการตื่นตกใจให้การว่าคนร้ายเป็นชายสวมเสื้อแขนยาวสีดำสวมกางเกงขายาวสวมหน้ากากอนามัยสีดำเดินเข้ามาที่ร้านแล้วใช้อาวุธปืนยาวที่มีถุงพลาสติกสีขาวห่อไว้เอาปากกระบอกปืนจี้บังคับให้หยิบทองในตู้โชว์ใส่ถุง
ด้วยความกลัวจึงหยิบทองรูปพรรณ หนัก 2 บาท จำนวน 14 เส้น ทองรูปพรรณ หนัก 2 สลึง 20 เส้น รวมน้ำหนักทองประมาณ 38 บาท มูลค่า 1,136,200 บาท ส่งให้ไป จากนั้นคนร้ายก็รีบเดินออกจากห้างไปอย่างรวดเร็ว
ตำรวจตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่าหลังก่อเหตุคนร้ายเดินกลับไปขึ้นรถกระบะสีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ที่จอดไว้ลานจอดรถหน้าห้างหลบหนีไปตามถนนสายท่าตะโก–หนองบัว ซึ่งเป็นเส้นทางติดต่อสามารถไปยังจ.เพชรบูรณ์ และจ.สิงห์บุรี ได้
เจ้าหน้าที่ได้แกะรอยเส้นทางหลบหนีของคนร้าย พบว่าขับหลบหนีเข้าไปในพื้นที่ อ.ไพศาลี จึงส่งทีมลงพื้นที่หาข่าว จนสืบทราบตัวผู้ต้องสงสัยรายหนึ่ง ซึ่งเข้าข่ายว่าจะเป็นคนร้าย ชื่อนายจักรกฤษ เฮงสกุล อายุ 33 ปี ชาว ต.ตะคร้อ อ.ไพศาลี
เมื่อตรวจสอบเฟซบุ๊กของผู้ต้องสงสัยรายนี้ พบรูปภาพรถกระบะ ที่เหมือนกันกับรถที่ใช้ก่อเหตุ อีกทั้งยังพบว่ามีการโพสต์รูปปืนยาวเอาไว้อีกด้วย ขณะที่พยานที่เป็นแม่ค้าใกล้กับร้านทอง สามารถจดจำใบหน้าคนร้ายได้อย่างชัดเจน จึงนำรูปของผู้ต้องสงสัยรายนี้มาให้ดูเพื่อยืนยัน ซึ่งพยานยืนยันว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุพร้อมกับระบุว่าเห็นคนร้ายเข้ามาในห้าง 2 ครั้งก่อนก่อเหตุ โดยรอบแรกเดินทางมาตัวเปล่าในลักษณะเดินลุกลี้ลุกลน แล้วจึงเดินออกไปก่อนจะเดินกลับมาอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้เดินถือผ้าสีขาวห่อ
หลังได้หลักฐานครบถ้วน ตำรวจรวบรวมหลักฐานไปขออนุมัติขอหมายจับจากศาลจังหวัดนครสวรรค์ ก่อนควบคุมตัวนายจักรกฤษ พร้อมยึดรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน กว 3262 นครสวรรค์มาตรวจสอบในช่วงค่ำของคืนวันเกิดเหตุนั่นเอง
แม้จะปฏิเสธเสียงแข็งในตอนแรกแต่สุดท้ายนายจักรกฤษก็ยอมเปิดปากรับว่าประสบปัญหาเรื่องเงินและมีหนี้สินที่ถูกบังคับให้ต้องชดใช้ประกอบกับเพิ่งคบหากับแฟนสาวสวยคนใหม่จึงทำให้จำเป็นต้องใช้เงินทั้งใช้หนี้และเลี้ยงดูแฟนสาวเลยตัดสินใจขับรถไปลงมือก่อเหตุจี้ชิงทองดังกล่าว
ส่วนอาวุธที่ใช้ก่อเหตุไม่ใช่อาวุธปืนยาวแต่เป็นเหล็กแป๊บยาวโดยนำผ้าสีขาวมาห่อหุ้มให้ดูคล้ายว่าเป็นอาวุธปืนยาวไปก่อเหตุและหลังจากชิงทองมาได้แล้วจึงได้ขับรถกลับไปที่บ้านเอาทองที่ได้มาไปขุดหลุมฝังไว้ที่ข้างบ้านแต่สุดท้ายก็ถูกตำรวจบุกเข้ามาจับกุมตัวแบบทันควัน
ภายหลังสารภาพตำรวจก็คุมตัวนายจักรกฤษไปตรวจยึดทองของกลางกลับมาได้
ต่อมาพล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. เดินทางมาที่ สภ.ท่าตะโก เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีดังกล่าว ก่อนประชุมร่วมกับ พล.ต.ต.สุกฤษฎิ์ บุญทรง ผบก.ภ.จว.นครสวรรค์ และชุดสืบสวนคลี่คลายคดี เพื่อฟังการสรุปข้อมูลทั้งหมดก่อนเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุนานเกือบชั่วโมง จึงเดินทางกลับไปร่วมประชุมกับทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดทำงาน ที่ สภ.ท่าตะโก อีกครั้ง
พล.ต.อ.สุชาติเปิดเผยว่า คดีนี้มีการสืบสวนสอบสวน โดยพบว่าผู้ต้องหาคือนายจักรกฤษเป็นพ่อค้าขายเนื้อหมูตามตลาดนัดแต่มีพฤติการณ์ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดรวมถึงยังเป็นหนี้สินในระบบสีเทาด้วย
ที่ผ่านมานายจักรกฤษจะมีพฤติกรรมใช้จ่ายฟุ่มเฟือยและชอบใช้ชีวิตหรูหราให้ดูเป็นคนมีฐานะแต่สุดท้ายต้องมาตกเป็นหนี้ที่ถูกบังคับให้ต้องชดใช้จึงตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าวขึ้นซึ่งเรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่จะมีการสอบสวนขยายผลต่อไป
ส่วนทองคำรูปพรรณ จำนวน 38 บาทที่ถูกชิงไปนั้น ทางเจ้าหน้าที่สามารถนำของกลางกลับมาคืนได้ทั้งหมดแล้ว จึงจะมีการนำหลักฐานทั้งหมด ทั้งเสื้อผ้า รถยนต์ รวมถึงท่อแป๊บที่ใช้ผ้าขาวปิดอำพรางให้ดูคล้ายกับอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ ส่งให้กับพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อหาจี้ชิงทรัพย์ ต่อไป
อีกหนึ่งบทสรุปของผู้ที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมาย
วสุกิจจ์ เหล่าอินทร์
เรื่อง/ภาพ