คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

อดิศร จิตตเสวี

เรื่อง-ภาพ

ภัยร้ายของหญิงสาวที่ต้องไปไหน มาไหนลำพังยามค่ำคืน นอกจากถูกจี้-ปล้นเอาทรัพย์สินแล้ว การถูกฉุดคร่าไป ข่มขืนก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากต้อง เผชิญ

เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 39 ปี ที่จำเป็นต้องกลับบ้านค่ำๆ มืดๆ เป็นประจำจากงานที่ทำ แม้นจะคอยระมัดระวังอย่างดีแล้ว แต่คนร้ายก็จ้องหาโอกาสลงมือก่อเหตุ เข้าจนได้ นับเป็นเหตุการณ์ที่เจ้าตัวต้องจดจำไปตลอดชีวิต

ย้อนกลับไปเมื่อเวลา 21.00 น. คืนวันที่ 2 ส.ค. ศูนย์วิทยุลอยฟ้าได้รับแจ้งมีเหตุทำร้ายร่างกายผู้หญิง บริเวณพงหญ้าหลังป้ายรถประจำทาง ตรงข้ามหอพักเจ้าหน้าที่ ร.พ.ศิริราช แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กทม.

สายตรวจ สน.ตลิ่งชัน รีบรุดไปตรวจสอบ พบ น.ส.เอ ในสภาพเสื้อหลุดลุ่ย กางเกงถูกปลดลงมาเกือบครึ่ง ในที่เกิดเหตุพบชุดชั้นในสีชมพูตกอยู่

น.ส.เอ ผู้เสียหาย ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า ก่อนเกิดเหตุเพิ่งเลิก จากที่ทำงาน จากนั้นได้เดินมาเพื่อจะขึ้นรถที่ป้ายรถเมล์ที่เกิดเหตุ ขณะเดินอยู่บริเวณป้ายรถประจำทาง ถนนบรมราชชนนี ได้พบคนร้ายเป็นชายได้เดินเข้ามาใช้อาวุธมีดจี้ล็อกคอแล้ว กระชากตนเข้าไปที่พงหญ้าข้างถนน

ตนถูกคนร้ายต่อยเข้าไปที่หน้าท้องหลายครั้งจนหมดแรงต่อสู้ ก่อนจะดึงเสื้อชั้นในของตนจนขาด แล้วนำมามัดที่เท้า และกดหัว พร้อมทั้งขู่ว่าจะทำร้าย หากส่งเสียงดัง ก่อนที่คนร้ายจะปลดเข็มขัด และรูดซิปลง และพยายามข่มขืน

แต่จังหวะนั้นมีนายเป็ด คล้ามคล้าย อายุ 34 ปี ขับแท็กซี่ผ่านมาแล้วจอดรถลงมาช่วย คนร้ายเห็นจวนตัวก็ชักมีดออกมาจี้ตน กระชากเอาโทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง พร้อมเงินในกระเป๋าเสื้อจำนวน 540 บาท วิ่งหลบหนีไป

ขณะที่คนร้ายวิ่งหลบหนีข้ามถนนบรมราชชนนี และถูกรถเฉี่ยวชนตรงปากซอยบรมราชชนนี 69 จนล้มลงและ ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจับกุมตัว และนำตัวผู้ต้องหาไปรักษาตัวที่ ร.พ. ศิริราช ก่อนนำส่งร้อยเวรสอบสวน สน. ตลิ่งชัน ดำเนินคดี

วันรุ่งขึ้น พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีระพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ ผบก.น.7 พ.ต.ท.ธนโชติ ฤกษ์ดี รอง.ผกก.ป. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ตลิ่งชัน ก็ร่วมกันสอบเค้นข้อมูลจากคนร้าย จนทราบว่าชื่อนายอับดุลเลาะห์ อาลี อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 343 หมู่ 13 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส โดยเจ้าตัวรับสารภาพตลอดทุกข้อหา

พล.ต.ต.สมพงษ์เผยว่า ที่เกิดเหตุ ในช่วงเวลากลางคืนนับเป็นจุดเสี่ยง เนื่องจากเป็นไหล่ทางฟุตปาธ สูง 1 เมตร ด้านหลังเป็นหญ้ารก ไม่มีแสงไฟ โชคดีที่มีพลเมืองดีพบเห็นและรีบโทร.แจ้งตำรวจจนสามารถรอดพ้นเงื้อมมือคนร้ายมาได้

ขณะที่นายเป็ด แท็กซี่ฮีโร่เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุตนจอดรถแท็กซี่โตโยต้า สีส้ม ทะเบียน ทษ 504 กทม. อยู่ตรงป้ายรถเมล์ที่บริเวณดังกล่าว และเห็นหญิงสาวผู้เสียหายเดินข้ามสะพานลอยมากับผู้ต้องหา ตอนแรกก็นึกว่าเป็น แฟนกัน

นายเป็ดเผยต่อว่า เมื่อเข้ามาใกล้ตนสังเกตเห็นว่าฝ่ายชายใช้มีดจี้อยู่ที่เอว ผู้หญิง ก่อนจะกระชากตัวผู้หญิงลงไปในพงหญ้าบริเวณไหล่ทาง ตนจึงรีบโทร.แจ้ง 191 กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงและจับผู้ต้องหาเอาไว้ได้ในที่สุด

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ตลิ่งชัน พาตัวนายอับดุลเลาะห์ ผู้ต้องหา มาชี้จุดเกิดเหตุ แต่ไม่สามารถลงมาจากรถตู้ได้ เนื่องจากได้รับบาดเจ็บจากการถูกรถชน จึงได้ให้นายเป็ด แท็กซี่ฮีโร่เป็นผู้พาเจ้าหน้าที่ไปชี้จุดเกิดเหตุแทน

ทั้งนี้ ระหว่างชี้จุดอยู่นั้นก็พบมีดของกลางที่ผู้ต้องหาใช้จี้น.ส.เอ ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ โดยเป็นมีดลักษณะมีดพับยาว 6 นิ้ว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากที่ตรวจสอบประวัติย้อนหลังพบว่านายอับดุลเลาะห์ ผู้ต้องหามีประวัติโชกโชนเคยถูกจับมาแล้วหลายครั้งในท้องที่คลองสิบสอง จ.ปทุมธานี ท้องที่ จ.ฉะเชิงเทรา และท้องที่ สน.บึงกุ่ม ในกรุงเทพฯ นอกจากนี้จากการตรวจปัสสาวะ พบมีสีม่วง ซึ่งผู้ต้องหาก็ยอมรับว่าเพิ่งเสพยาเสพติดมา หลังจากเสร็จสิ้นการ ชี้จุดเกิดเหตุตำรวจจึงควบคุมตัวกลับไปสอบสวนที่โรงพัก

เบื้องต้นนายอับดุลเลาะห์ถูกแจ้งดำเนินคดีในข้อหา “พยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น โดยใช้อาวุธมีดขู่เข็ญ และใช้กำลังประทุษร้าย และชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธมีด” ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหา ส่งสน.ตลิ่งชัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน