“อดิษัยต์ พรวนพิมพ์”

เรื่อง/ภาพ

เช้าวันที่ 6 ส.ค. เกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งชนขอบสะพานลอยกลับรถ ข้ามถนนพระราม 2 บริเวณหน้าหมู่บ้านชิชา แขวง ท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กทม. ความแรงของการชนทำให้ นายบริสุทธิ์ สุขเพีย อายุ 22 ปี ผู้ขับขี่รถ และ ายวีรพงษ์ เนธิบุตรอายุ 20 ปี คนซ้อน ร่างกระเด็นร่วงตกสะพานลงมาบาดเจ็บสาหัส

ย้อนกลับไปก่อนหน้าเพียงไม่กี่นาที ขณะที่นายธวัชชัย โต๊ะอร่ามกุล อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 125 ซอยอินทรพิทักษ์ 7 แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กทม. ขี่รถจักรยานยนต์มาซื้อของที่ตลาดร่วมมิตรปากซอยวุฒากาศ 13

พอซื้อของเสร็จกำลังจะขี่รถกลับบ้านมุ่งหน้าไปทางแยกจอมทองตัดถนนวุฒากาศ พอรถถึงฝั่งตรงข้ามซอยวุฒากาศ 28 ได้ถูกนายบริสุทธิ์และนายวีรพงษ์ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาประกบ ก่อนจะกระชากสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท พร้อมพระเลี่ยมทองที่สวมอยู่ จนขาด นายธวัชชัยโชคดีที่คนร้ายไม่ได้ทรัพย์สินไป เนื่องจากสร้อยขาดตกหล่นลงอยู่ในเสื้อของตนเอง

แต่สำหรับ 2 คนร้ายกลับเป็นหนังคนละม้วน เมื่อนายอภิชาติ แซ่อุ้น อายุ 57 ปี พลเมืองดีซึ่งขี่รถจักรยานยนต์มาเห็น จึงขี่รถไล่ติดตามรถของ 2 คนร้ายไปด้วยความเร็ว โดยที่ทั้งคู่พยายามขี่รถหลบหนีจนมาประสบอุบัติเหตุเฉี่ยวชนขอบสะพานจนได้รับบาดเจ็บ

เมื่อร้อยเวร สน.บางมด รุดไปตรวจสอบ พบว่าเป็นมากกว่าอุบัติเหตุธรรมดา จึงรีบรายงานให้ผู้บังคับบัญชารับทราบ ก่อนประสานรถกู้ชีพนำตัวทั้งคู่ส่งโรงพยาบาล

นายบริสุทธิ์ถูกส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลบางมด ส่วนนายวีรพงษ์ถูกนำส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล แต่นายบริสุทธิ์อาการสาหัสหนัก สุดท้ายจึงเสียชีวิตหลังถึงมือแพทย์ได้เพียงไม่นาน

พ.ต.ท.อดุลย์ ดอกพวง รอง ผกก.สส.สน.บางมด พร้อมด้วยพ.ต.ต.พัฐกร ปิยธิติภูวดล สว.สส. และร.ต.อ.อดุลย์ศิริ วงศ์ตันกาศ รอง สว.สส. รีบนำกำลังมาร่วมตรวจสอบในที่เกิดเหตุ โดยที่บนสะพานกลับรถพบรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ซูเปอร์ คัพ สีขาว-แดง ทะเบียน 4 กม 8781 กรุงเทพมหานคร ของทั้งคู่ล้มอยู่ พร้อมกับนายอภิชาติที่ยืนรอให้การอยู่ด้วย

เจ้าตัวรีบให้การไปตามความจริง ซ้ำบอกอีกว่าขณะที่ขี่รถจักรยานยนต์ติดตามคนร้ายมาตั้งแต่ต้น ได้ขี่ติดตามแบบค่อนข้างห่างเพราะเกรงว่าจะถูกทำร้าย กระทั่งระหว่างทางไปพบกับ ด.ต.เอกปพน ภากรเพิ่มทวี ผบ.หมู่ จร.สน.บางมด ซึ่งแต่งกายนอกเครื่องแบบขี่รถ จยย.ของทางราชการออกมาธุระพอดี

จึงรีบแจ้งกับด.ต.เอกปพน ว่ากำลังติดตามผู้ต้องหาคดีพยายามวิ่งราวทรัพย์ จากนั้นจึงช่วยกันขับรถติดตามผู้ต้องหามา แต่ก็ขี่ไล่ไม่ทัน จนถึงจุดกลับรถที่เกิดเหตุรถคนร้ายจึงประสบอุบัติเหตุดังกล่าว โดยที่ด.ต.เอกปพนบอกว่าออกเวรแล้วไม่ได้พกอุปกรณ์สื่อสารติดตัวมา จึงให้รออยู่ที่เกิดเหตุก่อน ส่วนเจ้าตัวจะไปแจ้งเหตุที่ศูนย์วิทยุสุขสวัสดิ์ ซึ่งอยู่ห่างจุดเกิดเหตุไปประมาณ 1 กิโลเมตร

เรื่องราวบานปลายใหญ่โตขึ้นไปอีก เมื่อหลังเกิดเหตุการณ์ นายสุริยา สุขเพีย อายุ 45 ปี พ่อของนายบริสุทธิ์ ซึ่งเสียชีวิต ได้ออกมาตั้งข้อสังเกตโดยไม่เชื่อว่าลูกชายจะเป็นโจรกระชากสร้อย เนื่องจากเจ้าตัวก็มีสร้อยคอทองคำใส่อยู่ไม่ได้ขัดสนเงินทอง รวมทั้งอาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคนร้ายและถูกจับโยนลงมาจากสะพานลอย

คราวนี้ทำเอาพล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชัยพร พานิชอัตรา รอง ผบช.น. และพล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผบก.น.8 ต้องลงมาตรวจสอบข้อมูลด้วยตนเอง เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรม และไม่ให้พลเมืองดีถูกสังคมเข้าใจผิด

ตำรวจไล่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทาง ตั้งแต่จุดเกิดเหตุกระชากสร้อย ไล่มาตามเส้นทางที่ทั้งคู่หลบหนีตามคำให้การของนายอภิชาติ รวมทั้งติดตามด.ต.เอกปพนและนายธวัชชัย เจ้าทุกข์ที่ถูกกระชากสร้อยมาให้ข้อมูลและแจ้งความ เนื่องจากเจ้าตัวเห็นว่าคนร้ายไม่ได้สร้อยไป เลยไม่ได้เข้าแจ้งความในคดีดังกล่าว

กระทั่งวันที่ 9 ส.ค. พล.ต.ท.ศานิตย์เชิญนายสุริยา พ่อของผู้ตายมาชี้แจงข้อสงสัย ร่วมทั้งรับเอาโทรศัพท์มือถือและสร้อยคอทองคำกับพระเลี่ยมทอง จำนวน 3 องค์ของลูกชายที่พนักงานสอบสวน สน. บางมด เก็บรักษาไว้ให้คืนกลับไป

พล.ต.ท.ศานิตย์เชิญ ทุกฝ่าย ทั้งผู้เสียหาย พลเมืองดี และพ่อผู้ตาย ขึ้นไปที่ห้องประชุมชั้น 3 ของ สน.บางมด เพื่อรับชมภาพจากกล้องวงจรปิดที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางมด และ สน.ตลาดพลู ช่วยกันนำมาเป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดี ตั้งแต่บริเวณที่เกิดเหตุมาจนถึงกล้องตัวสุดท้ายที่สามารถหาได้บริเวณหน้าโรงแรมมดอินน์ ถนนพระราม 2 ขาออกซึ่งอยู่ห่างจากจุดกลับรถที่เกิดเหตุประมาณ 300 เมตร

ผบช.น.กล่าวว่า เบื้องต้นทราบแล้วว่าจุดเกิดเหตุที่ดึงสร้อยกันอยู่ในพื้นที่ สน.บางขุนเทียน จึงสั่งการให้พนักงานสอบสวนพิสูจน์ให้ชัดเจนเพื่อให้ญาติๆ ของฝ่ายผู้ต้องหารวมถึงทุกภาคส่วนคลายข้อสงสัย

ตนขอยืนยันหากมีการทำร้ายกันก่อนที่ผู้ต้องหาจะตกลงจากสะพานกลับรถ จะต้องมีการดำเนินการกับผู้กระทำความผิดอย่างแน่นอน สำหรับสะพานกลับรถดังกล่าวตรวจสอบแล้วตั้งแต่ปี 2539 เคยมีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนขอบทางกั้นจนร่างตกลงมา บนพื้นถนนแล้ว 3 คดี มีผู้เสียชีวิต 2 คดี และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 1 คดี

โดยหลังจากนี้จะให้พนักงานสอบสวนนำทองรูปพรรณของผู้เสียหายไปตรวจดีเอ็นเอ รวมถึงนำรถจักรยานยนต์ของผู้ต้องหาที่มีรอยบิดเบี้ยวบริเวณพักเท้าข้างซ้าย กับรอยครูดถลอกบริเวณแฮนด์ด้านซ้าย ไปวัดกับขอบปูนบนสะพานกลับรถตรงจุดเกิดเหตุด้วย ว่าตรงกัน หรือไม่ เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดีต่อไป

อย่างไรเสียความจริงก็ต้องเป็นความจริงวันยังค่ำ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน