สดจากสนามข่าว

ธรรมชาติของคนย่อมพูดให้ตนเองดูดีไว้ก่อน แม้จะตกเป็นผู้ต้องหาก็ยังอ้างเสมอว่าไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่เป็นการป้องกันตัว นัยว่าหากผิดก็ผิดเพียงครึ่งเดียว

ย้อนไปเมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 17 ส.ค. พ.ต.อ.สิรภพ อนุศิริ ผกก.สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ร่วมกับพ.ต.ท.วรทัศน์ วัฒนชัยนันท์ รองผกก.สส. นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สายตรวจ เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และรุดไปตรวจสอบ เหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตที่บริเวณหน้าหมู่บ้านมนรดา ถนนบางกรวย-ไทรน้อย ต.บางบัวทอง จ.นนทบุรี

ที่เกิดเหตุเป็นถนนฝั่งขาเข้า มุ่งหน้าถนนกาญจนาภิเษก พบผู้เสียชีวิตนอนอยู่กลางถนน ใกล้เกาะกลาง สวมเสื้อสีดำ สวมกางเกงขายาว มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ต้นคอซ้าย 1 นัด สอบสวนทราบชื่อต่อมาคือ นายฐิติภัทร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 15 ปี เป็นนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 และเป็นนักฟุตบอลโรงเรียน บ้านอยู่ ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี

กลุ่มโจ๋จนมุม

 

ขณะที่นายบี (นามสมมติ) อายุ 15 ปี เพื่อนผู้ตายที่นั่งซ้อนรถ จยย.มาด้วยกัน ให้การว่า ผู้เสียชีวิตชวนนั่งซ้อนท้ายรถ จยย. มาเที่ยวงานแสดงสินค้า ร่วมกับเพื่อนอีก 8 คัน ก่อนจะมาถูกนายเต้ คู่อริซึ่งเป็นนักเรียนอาชีวะแห่งหนึ่ง ซึ่งเคยมีเรื่องชกต่อยกันมาก่อนหน้านี้ ขับรถเก๋งสีขาวตามมาประกบไล่ยิงผู้ตายจนเสียชีวิต

ส่งศพชันสูตร

กลุ่มเพื่อนๆ ผู้เสียชีวิตเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยนายโย (นามสมมติ) อายุ 16 ปี เล่าเหตุการณ์ว่า เมื่อคืนตนกำลังจะไปส่งนายจ๊อบ (คนเสียชีวิต) ซึ่งไปเที่ยวงานเบียร์กันมา กลุ่มตนไปกัน 20 กว่าคน ขากลับระหว่างขี่รถจยย.มาซักพักก่อนถึงทางกลับรถได้ยินเสียงปืนดัง ก็เลยบอกให้เพื่อนรีบขี่รถจยย.กลับบ้าน

ระหว่างนั้นคู่กรณีก็ขับรถเก๋งตีคู่มาก่อนยิงเข้าที่คอ และฟันเข้าที่อกอีกครั้งจนรถล้มลง รถของคู่กรณีก็ลากรถจยย.ของนายจ๊อบ ที่ล้มไปต่ออีกประมาณ 500 เมตร ตนและเพื่อนไม่เคยมีเรื่องมาก่อน แต่พวกนี้น่าจะตามมาจากที่งาน ตนไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน คู่กรณีขับรถเก๋ง ยี่ห้อเชฟโรเลต สีขาว คนที่ยิงคือคนที่นั่งข้างหลัง ยิงตรงหน้างาน 1 นัด และยิงโดนเพื่อนของตนอีก 1 นัด

วงจรปิดนาทีก่อเหตุ

เหตุการณ์ดังกล่าวมีกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกเอาไว้ ซึ่งนอกจากจะช่วยยืนยันคำให้การของพยานอีกแรงหนึ่ง

หลังได้ข้อมูลตำรวจไล่ตรวจหารถเก๋งต้องสงสัย พร้อมกระจายกำลังออกติดตามปิดล้อมในละแวกที่เกิดเหตุ เนื่องจากเชื่อว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุยังคงหลบซ่อนตัวอยู่ไม่ไกล จนต่อมาพบรถเก๋งสีขาว เชฟโรเลต ทะเบียน ฆญ 3411 กรุงเทพฯ จอดอยู่ในซอยปู่เทพจันทร์ ในสภาพล้อหลังขวาแตก ตรงตามรูปพรรณที่เพื่อนกลุ่มผู้เสียชีวิตให้การว่า เป็นรถเก๋งที่กลุ่มคนร้ายก่อเหตุไล่ยิง ไล่ฟันมาตั้งแต่หน้างานแสดงสินค้า

รถเก๋งคนร้าย

รถเก๋งคนร้าย

ตำรวจตรวจสอบในรถคันดังกล่าวพบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ขนาด.22 ซุกซ่อนอยู่ในรถ ก่อนจะขยายผลจนสามารถติดตามจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุได้ทั้งหมด 6 ราย เป็นเยาวชน 5 รายประกอบด้วย นายเจมส์ อายุ 17 ปี นายฟลุค อายุ 17 ปี นายปอนด์ อายุ 17 ปี นายเติ้ล อายุ 17 ปี นายฟลุคใหญ่ อายุ 17 ปี และ นายอรรถพล หรืออ๋า กล่ำสี อายุ 18 ปี

กลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าเคยมีเรื่องทะเลาะบาดหมางกับกลุ่มผู้ตายก่อนหน้านี้ กระทั่งเมื่องานกลางดึกที่ผ่านมาหน้างานคอนเสิร์ต มาพบกลุ่มผู้ตายขี่รถจยย.มาเป็นกลุ่ม แล้วเกิดการพูดท้าทายกัน จึงร่วมกันใช้อาวุธที่เตรียมมาในรถทั้งมีด ง้าว ไม้เบสบอล ระเบิดประทัดและอาวุธปืนดัดแปลง ขับไล่ตามทำร้ายกลุ่มคู่กรณี

แต่เนื่องจากกลุ่มคู่กรณีขี่จยย.ไล่ตามมาเยอะ จึงใช้อาวุธปืนยิงสกัดไปจำนวน 5 นัด ก่อนจะรีบขับรถเก๋งแยกย้ายกันหลบหนีไป และเพิ่งมาทราบว่ามีผู้ถูกกระสุนปืนจนเสียชีวิต จึงได้รีบติดต่อทางครอบครัวเดินทางมาเข้ามอบตัวเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา

ตํารวจตั้ง 5 ข้อหาหนักกับทั้ง 6 คน คือร่วมกันฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในการครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง พกพาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร หลังสอบปากคำกลุ่ม ผู้ต้องหาทั้งหมดเสร็จจะนำตัวส่งสถานพินิจคุ้มครองเด็กและเยาวชน

พ.ต.อ.สิรภพเผยว่า จากการสอบปากคำทราบว่า คนในกลุ่มบางคนเคยมีเรื่องกับทางฝ่ายผู้ตาย พอมาเที่ยวงานที่ตลาดนัดตรงแถว หมู่บ้านปิยวรารมย์ก็มาเจอกันกับกลุ่มนี้ ฝ่ายผู้ต้องหาสู้ไม่ได้เลยไปตามเพื่อนมา ก็เลยมากันทั้งหมด 6 คน ขับรถเก๋งคันสีขาวที่ใช้ก่อเหตุมา มาเจอฝ่ายนี้เยอะกว่า 20 กว่าคนเลยขับรถหนี

ระหว่างที่ขับหนีกลุ่มผู้ตายเลยขี่รถจยย.ไล่ตามมา กลุ่มผู้ต้องหาเลยยิงปืน ส่วนรถยนต์ก็เกิดความร้อนขึ้นเลยเร่งเครื่องไม่ได้ทำให้รถจยย.ประกบข้างโดยรอบ ฝั่งผู้ต้องหาเลยยิงเพื่อไม่ให้ตามทัน

ตำรวจฝากเตือนทั้งวัยรุ่นและผู้ปกครองว่า อยากให้ใจเย็นๆ ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากัน อย่าใช้ความรุนแรง พอก่อเหตุแล้วก็จะเสียอนาคต

ทั้งสองฝ่ายจะอ้างว่าเป็นฝ่ายถูกกระทำ จึงเป็นงานของตำรวจที่จะค้นหาความจริงที่มีเพียงหนึ่งเดียว

สันติ ประหร่ำภากรณ์
ศุภชัย สินธ์ประเสริฐ
เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน