ดีเอสไอลุยแก๊งชบาฟอกเงิน – หนึ่งในวิธีการที่เห็นผลชะงัดในการจัดการขบวนการอาชญากรรม คือมาตรการยึดทรัพย์ แต่การจะติดตามยึดทรัพย์ขบวนการเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีขบวนการรับฟอกเงินที่สามารถเปลี่ยนเงินสกปรกให้กลายเป็นเงินที่สะอาด หรือแม้แต่แปลงไปอยู่ในรูปทรัพย์สิน บ้าน รถ เครื่องประดับมีค่า

แน่นอนว่าลูกค้ารายใหญ่ของขบวนการเหล่านี้หนีไม่พ้นแก๊งค้ายาเสพติด การจัดการกับขบวนการรับฟอกเงินได้ จึงเป็นการตัดวงจรของแก๊งค้ายานรก เพราะเมื่อเงินที่ได้จากการค้ายา ไม่ถูกส่งกลับไปที่แหล่งผลิต การผลิตยาก็ย่อมลดลง

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นำแถลง

เรื่องราวการทลายขบวนการฟอกเงินรายสำคัญถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 21 ส.ค. ที่กระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ศอ.ปส.) พร้อมด้วยพ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมแถลงความคืบหน้าการใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการตรวจสอบเส้นทางการเงินเครือข่ายค้ายาเสพติด กลุ่มของน.ส.ชบา (นามสมมติ) ซึ่งเป็นกลุ่มค้ายาเสพติดรายเก่า และพบว่ามีการเปิดบัญชีเงินฝากรับโอนเงินจำนวน 65 บัญชีกระจายไปยังบัญชีอื่นๆ อีกจำนวนมาก

แจงรายละเอียด

เส้นทางการเงินของเครือข่ายนี้มีทั้งโอนเข้าบัญชีในประเทศ และบัญชีต่างประเทศ รวมทั้งยังพบว่ามีชาวต่างชาติเข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย และจากการขยายผลการตรวจสอบพบว่า น.ส.ชบา เป็นเจ้าของกลุ่มธุรกิจสีเทา เช่น สถานบันเทิง ประเภทผับ และกลุ่มพนันออนไลน์ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษอยู่ระหว่างการขยายผลสอบเพิ่มเติม และยังไม่พบว่ามีนายทุนใหญ่เข้ามาหนุนหลัง

พ.ต.ท.กรวัชร์ เผยถึงที่มาที่ไปของคดีดังกล่าวว่า สำหรับการตรวจสอบเครือข่ายของน.ส.ชบานั้น ดีเอสไอได้ใช้เวลาในการติดตามกลุ่ม ผู้ค้ายาเสพติดมานานกว่า 3 เดือน โดยนำเทคโนโลยีสืบค้นธุรกรรมทางการเงินมาใช้เพียง 2 เดือน ก็สามารถเจาะไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เป็นตัวการสำคัญได้ ทั้งยังสามารถแยกกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดออกไปเป็นวงกว้าง

จับคาบ้านพัก

เมื่อตรวจสอบข้อมูลทางธนาคาร ข้อมูลการชำระภาษีของกรมสรรพากร พบว่ากลุ่มคนเหล่านี้มีเงิน เข้าบัญชีธนาคารเป็นหลัก 100-1,000 ล้านบาทต่อปี ส่วนใหญ่ไม่มีการชำระภาษี และเมื่อตามเส้นทางของบุคคลเหล่านี้พบว่าส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เมื่อรวบรวมข้อมูลจนมั่นใจว่ากลุ่มบุคคลนี้ได้กระทำการเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ดีเอสไอจึงรับเป็นคดีพิเศษ

ลุยค้นบ้าน

เช้าวันที่ 19 สิงหาคม ที่ผ่านมา ดีเอสไอเปิดปฏิบัติการทลายเครือข่ายฟอกเงินของน.ส.ชบา โดยเจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าตรวจค้นพร้อมกัน 5 จุด ทั้งที่จังหวัดชลบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ และในกรุงเทพ มหานคร 2 จุด คือ พื้นที่เขตบางเขน และ เขตตลิ่งชัน โดยจุดที่สามารถอายัดทรัพย์สินได้มากที่สุดในการลงพื้นที่คือ เขตตลิ่งชันได้ทองคำแท่งน้ำหนักประมาณ 1,000 บาท พระเครื่องและสร้อยทองคำ รวม 35 รายการ เครื่องประดับอื่นๆ อีก 10 รายการ และ ยังพบธนบัตรไทยและธนบัตรต่างชาติอีกประมาณ 1 ล้าน 2 แสนบาท

ยึดทองแท่ง

นอกจากนี้ยังพบบัญชีธนาคาร จำนวน 65 บัญชี มูลค่า 50 ล้านบาท บ้านพร้อมที่ดิน จำนวน 85 รายการ มูลค่า 340 ล้านบาท รถยนต์ จำนวน 97 คัน มูลค่ากว่า 83 ล้านบาท ทองคำ จำนวน 1,064 บาท มูลค่ากว่า 31 ล้านบาท พระเลี่ยมกรอบทอง พร้อมสร้อยทอง จำนวน 30 รายการ มูลค่ากว่า 2 ล้าน กระเป๋าแบรนด์เนม จำนวน 11 ใบ มูลค่ากว่า 8 แสนบาท เครื่องประดับ มูลค่า 5 แสนบาท รวมทั้งเงินสด สกุลต่างๆ อาทิ เงินดอลลาร์ เงินกีบลาว เงินด่องเวียดนาม รวมทั้ง 1. 2 ล้านบาท และรวมมูลค่าการยึดทรัพย์ประมาณ 500 ล้านบาท

นอกจากทรัพย์สินที่ยึดได้ข้างต้นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังได้ยึดอายัดไม้แปรรูปในจ.สมุทรสาครได้อีกจำนวนหนึ่งเป็นไม้พะยูงนำเข้าจากแอฟริกาไม่มีหลักฐานสำแดงจากรมศุลกากร คาดว่าเป็นการลักลอบนำเข้ามาทางเรือด้านแม่น้ำโขง คาดว่าไม้ดังกล่าวอาจเป็นการแลกเปลี่ยนสิ่งของผิดกฎหมาย ซึ่งทางดีเอสไอได้ประสานทางกรมป่าไม้เข้าตรวจสอบไม้ดังกล่าวแล้ว ซึ่งทางกรมป่าไม้ตีมูลค่าไว้จำนวน 20 ล้านบาท ส่วนเจ้าของผู้มีชื่อครอบครองไม้เป็นผู้ทำธุรกิจอยู่ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ทั้ง ค้าสัตว์ป่า และปัจจุบันได้เสียชีวิตเนื่องจากเป็นไข้มาลาเรีย จึงต้องขยายผลสอบเพิ่มเติมว่า นอกจากบุคคลรายนี้แล้วยังมีผู้อื่นเกี่ยวข้องอีกหรือไม่

ชาญพงษ์ บุญอุทิศ
เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน