ณัฐวุฒิ ทิพย์ประโภชน์

เรื่อง/ภาพ

ในโลกของคนปกติทั่วไป มีกฎหมาย บ้านเมืองเป็นกติกากำกับ เพื่อยุติข้อ ขัดแย้งระหว่างบุคคล แต่ในโลกของอาชญากร เมื่อขัดแย้งกันมีแต่ความรุนแรงเท่านั้นที่ใช้เป็นเครื่องตัดสิน

กลายเป็นต้นเหตุของคดีฆาตกรรมหลายๆ คดี

บ่ายวันที่ 14 ส.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ. มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ร่วมกับมูลนิธิพุทไธสวรรย์และชาวบ้านนำกำลังลงพื้นที่ บริเวณกลางทุ่งนา หมู่ 4 ต.บ้านนา อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา หลังรับแจ้งมีผู้พบโทรศัพท์มือถือถูกเผาฝังดินเอาไว้

ตำรวจสงสัยว่าอาจเกี่ยวข้องกับการหายตัว ไปของนายสมพาล บุญสนุน อายุ 39 ปี นายไพรัช หอมชะเอม อายุ 38 ปี และนายสำรวย วงษ์อักษร อายุ 32 ปี ตั้งแต่เมื่อช่วงเย็น วันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา

ย้อนกลับไปไม่กี่วันนางพัชรี บุญสนุน อายุ 43 ปี เข้าแจ้งความที่สภ.มหาราช ให้ช่วยติดตามหาตัวนายสมพาล น้องชายที่เพิ่งพ้นโทษในคดียาเสพติดมาได้ 1 เดือน โดยหายออกจากบ้านพร้อมรถจักรยานยนต์ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 6 ส.ค. แล้วไม่ได้กลับมาบ้านอีกเลย จึงได้ออกตามหาแต่ไม่พบตัว

กระทั่งวันนี้มีชาวบ้านมาปัสสาวะแล้วพบร่องรอยการเผาสิ่งของและมีหลุมขุดใหม่ๆ จึงขุดดูพบโทรศัพท์มือถือถูกเผา 3 เครื่อง จึงเชื่อว่า น้องชายกับเพื่อนๆ น่าจะหายไปบริเวณดังกล่าว

ตํารวจลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมเก็บรวบรวมเป็นหลักฐาน ก่อนพบว่าห่างออกไป 200 เมตร บริเวณริมคลองพบหลุมมีรอยขุดใหม่ๆ เจ้าหน้าที่จึงขุดหลุมลึกลงไป 1 เมตร แต่ไม่พบอะไร

ห่างออกไปอีก 500 เมตร พบรอยหญ้าเป็นทางราบลงไป จึงส่งชุด ประดาน้ำลงไปงมค้นหา พบรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า สีแดงขาว จมอยู่ ในน้ำ และรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีเหลือง สภาพเต็มไปด้วยขี้โคลน และสนิม เจ้าหน้าที่ประดาน้ำได้ช่วยกันกระจายกำลังค้นหาแต่ไม่พบศพ หรือสิ่งของอย่างอื่น

จากหลักฐานที่พบตำรวจเชื่อว่าชะตากรรมของทั้งหมดอาจเป็นไปในทางร้ายมากกว่าดี จึงระดมขยายวงค้นหาออกไปอีก จนในที่สุด ก็พบศพของทั้ง 3 คน ถูกฆ่าและฝังดินอำพรางไว้อีกฝั่งคลอง ห่างจาก จุดพบมือถือและจักรยานยนต์ ราว 2 กิโลเมตร สภาพโดนยิงที่หน้าอกและ 1 ใน 3 พบยาบ้าในตัว

พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เผยเบื้องหลัง การพบศพว่า ตำรวจสืบทราบว่าทั้ง 3 คนนั่งดื่มสุราด้วยกันก่อนหายไป จึงสืบหาจุดที่ตั้งวงดื่มสุรา จนพบรถที่ถูกทิ้งในคลอง ก่อนจะเดินหาอย่างละเอียดจึงพบหลุมริมคลอง ซึ่งเป็นจุดที่เคยค้นหามาก่อนหน้านี้แล้ว จากการตรวจสอบพบว่ามีร่องรอยถูกยิงเข้าหน้าอก โดยศพแรกยังพบยาบ้า 7 เม็ดด้วย ซึ่งญาติมาดูศพและยืนยันแล้ว เนื่องจากจำรอยสักได้

วันรุ่งขึ้น ที่สภ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.ณพล กลัดเข็มเพชร รองผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เดินทางมาประชุมเพื่อคลี่คลายคดีที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งตรวจสอบวัตถุพยานหลักฐานต่างๆ ที่ตรวจพบในที่เกิดเหตุ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติกล่าวสั้นๆ ว่า ในขณะนี้เราได้ตัวผู้ต้องสงสัยมาแล้ว มีความเกี่ยวพันกับยาเสพติดซึ่งจะต้องสอบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อออกหมายจับต่อไป

ล่าสุดเจ้าหน้าที่ก็สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหา ได้ โดยพ.ต.อ.ภัทรภัทร นุชยวง ผกก.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พร้อมกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้นำตัวนายจรัญ หรือเอ๋ สังข์วิเศษ อายุ 46 ปีและนายกริษณ์ หรือแจ้ว นิ่มน้อย อายุ 46 ปี มาสอบเค้น ทั้งคืนหลังพบว่านั่งกินเหล้าอยู่กับกลุ่มผู้ตาย จนทั้งคู่ยอมรับสารภาพว่าร่วมกันฆ่าฝังทั้ง 3 คนจริง

นายจรัญถูกนำไปไปตรวจสอบที่บริเวณกระท่อมสังกะสี เพื่อนำชี้จุดที่มีการนั่งพูดคุยดื่มสุรากัน และเก็บโทรศัพท์ เสื้อเปื้อนเลือดนำไปเผา จากนั้นไปชี้จุดที่ทิ้งรถจักรยานยนต์อีกคันของกลุ่มผู้ตาย ก่อนส่งนักประดาน้ำลงไปงมค้นหาจนพบจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

ส่วนนายกริษณ์ ผู้ต้องหาอีกราย ถูกพาไปชี้จุดที่นำอาวุธปืนลูกซองแบบไทยประดิษฐ์ไปซุกซ่อนฝังดินเอาไว้ โดยพบว่าห่างที่เกิดเหตุพบศพไปประมาณ 1 กิโลเมตร และปืน 9 ม.ม. ที่ซุกซ่อนอยู่ในบ้านพร้อมกระสุนจำนวนหนึ่ง

นายจรัญสารภาพว่า เป็นเจ้าของกระท่อมบริเวณใกล้ที่เกิดเหตุ โดยนายกริษณ์ มาพูดคุยเรื่องยาบ้าจำนวน 2,000 เม็ด ที่กลุ่มผู้ตายบอกว่าหายไปว่าจะทำอย่างไร นายกริษณ์ให้โทรศัพท์นัดกลุ่มผู้ตายมาพบที่บริเวณกระท่อม เพื่อมาพูดคุยแต่ไม่สามารถตกลงกันได้ จึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทั้งหมด

จากนั้นช่วยกันขนศพลงเรือนำไปฝังอีกฝั่ง และนำรถจักรยานยนต์ของผู้ตายทิ้งลงน้ำ รวมทั้งเผาทำลายโทรศัพท์มือถือของกลุ่มผู้ตาย และฝังดินไว้ใกล้กับจุดที่เกิดเหตุ ก่อนจะแยกย้ายกันหลบหนีกระทั่งมาถูกจับตัวได้

แต่ขณะถูกนำตัวมาทำแผนฯ นายแจ้วปฏิเสธว่าสาเหตุไม่ได้มาจากเรื่องยาบ้า แต่เพราะทั้ง 3 คนขโมยเงินไป 5 พันบาท แต่ตำรวจยังไม่เชื่อ โดยนายกริษณ์มีประวัติปล้นฆ่าในพื้นที่จ.อ่างทอง และ พบว่ามีบัญชีธนาคาร 3 ธนาคาร มีเงินหมุนเวียนกว่า 50 ล้านบาท ทั้งยังคาดว่าอาจมีผู้เกี่ยวข้องอีก 2 ราย

คดีนี้พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ สั่งสอบสวนขยายผลจับกุมให้หมด โดยเฉพาะแก๊งยาบ้าผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งเป็นต้นเหตุของเหตุสยองดังกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน