คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

ทรัพย์สินเงินทองแม้เป็นเพียงของ นอกกาย แต่มันเหมือนมีอำนาจปลุกความโลภในตัวคน จนนำมาสู่คดีสยองขวัญมานักต่อนัก

เช่นเหตุสยองเมืองอุทัยธานีที่เกิดขึ้น เมื่อกลางดึกวันที่ 29 ส.ค. ตำรวจ สภ. บ้านไร่ จ.อุทัยธานี รับแจ้งเกิดเหตุพี่ฆ่า น้องชาย ภายในชายเขาสวนมะละกอและสวนกล้วย ต.แก่นมะกรูด อ.บ้านไร่ จ.อุทัย ธานี จึงรุดตรวจสอบพร้อมด้วยกู้ชีพกู้ภัยบ้านไร่

คุมตัวทำแผนฯ

ที่เกิดเหตุพบศพนายอนุวัฒน์ กระแหน่ อายุ 23 ปี ชาว ต.แก่นมะกรูด อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี ในสภาพศพไม่มีหัว นอนเสียชีวิตอยู่ชายป่า ตรวจสอบบาดแผลตามลำตัวผู้ตายพบรอยกระสุนปืนไม่ทราบชนิดถูกยิงใต้ราวนมขวาทะลุ 2 นัด และบาดแผลที่คอถูกมีดฟันจนคอขาดโดยชิ้นส่วนหัวหายไป ข้างศพผู้ตายพบมีด ย่ามและโทรศัพท์ผู้ตายตกอยู่

เจ้าหน้าที่ระดมตรวจหาศีรษะของผู้ตายในบริเวณดังกล่าว ก่อนพบว่าถูกนำมาทิ้งในบ่อเลี้ยงปลาที่แห้งห่างจากที่เกิดเหตุ 30 เมตร ขณะที่ตรวจสอบภายในกระท่อมของนายอนุชา กระแหน่ อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นพี่ชายของผู้ตายซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน พบปลอกกระสุนปืนลูกซอง 1 ปลอก และมีคราบเลือดหยดอยู่ตามพื้นกระท่อม คาดว่าน่าจะเป็นจุดฆ่า โดยนายอนุชาหายตัวไป

นำศพส่งชันสูตร

ทางด้านนางมะเค่งเหม่ กระแหน่ อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นแม่ของทั้งผู้ตายและผู้ต้องสงสัยให้การว่า ผู้ตายนั้นเป็นลูกชายคนเล็ก ส่วนนายอนุชาเป็นพี่ ทั้งสองมีปากเสียงเกี่ยวกับเรื่องที่ดินทำมาหากินมานานนับปี มาช่วงหลังๆ ผู้ตายมีปากเสียงกับพี่ชาย จนถึงขั้นลงไม้ลงมือและผู้ตายเคยใช้มีดฟันที่คอของพี่ชายจนบาดเจ็บสาหัสมาแล้วครั้งหนึ่ง พอทะเลาะกันก็จะไล่พี่ชายออกจากบ้านบ้าง ทำร้ายพี่ชายบ้าง สุดท้ายนายอนุชาทนไม่ไว้ หนีไปอยู่ที่กระท่อมภายในสวนชายเขาใกล้ที่เกิดเหตุ

“พอพี่ชายหนีไปอยู่ไร่ ผู้ตายยังตามไปรังควานอีก โดยไปกระทืบหรือแตะ พี่ชายนั้นสติก็ไม่คอยดี ต้องรับยาเป็นประจำ ยิ่งทำให้เพิ่มความกดดันอีก วันที่เกิดเหตุนั้นทราบว่า ผู้ตายนั้นได้เขาไปในไร่เพื่อไปฉีดยา พร้อมกับคงจะมึนเมาเข้าไปด้วยและคงไปมีปากเสียงกัน แต่พี่ชายนั้นได้ระวังตัวอยู่แล้ว และได้เตรียมอาวุธปืนไว้ โดยคงใช้อาวุธปืนยิงก่อน หลังจากนั้นคงใช้มีดปลายแหลมตัดคอ และนำหัวผู้ตายไปทิ้งในสระน้ำด้วยความแค้น” นางมะเค่งเหม่กล่าว

วันรุ่งขึ้น พ.ต.อ.ชิศณุพงศ์ สุริยานนท์ ผกก.สส.ภ.จว.อุทัยธานี พ.ต.ท.สิทธินนท์ วิสุทธิ สว.กก.สส.ภ.จว.อุทัยธานี ตำรวจสภ.บ้านไร่ พร้อมชาวบ้านจัดกำลังออกติดตามนายอนุชาที่คาดว่าซ่อนตัวบริเวณเชิงเขาไร่ข้าวโพด ใกล้เคียงที่เกิดเหตุ พร้อมกันนั้นก็รวบรวมหลักฐานไปขอศาลจังหวัดอุทัยธานีออกหมายจับ แต่การติดตามทั้งวันก็ยังไม่พบตัวเนื่องจากนายอนุชานั้นเคยเป็นพรานป่า จึงมีความชำนาญในการหลบซ่อนอยู่ในป่า

นำกำลังตามจับ

หลังผ่านไปหนึ่งวันเจ้าหน้าที่ปรับแผนใหม่ พร้อมนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน 2 ชุด ได้แก่ ชุดสืบสวน สภ.บ้านไร่ และชุดสืบสวน ภ.จว.อุทัยธานี เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ทีมเจ้าหน้าที่ทหาร พร้อมชาวบ้านที่เชี่ยวชาญป่าในพื้นที่ รวมไปถึงกำนันตำบลแก่นมะกรูด และญาติของคนร้าย

นาทีจนมุม

กระจายกำลังปูพรมปิดล้อมกว่า 6 ชั่วโมง พบแต่เพียงร่องรอยการเข้าพักอาศัยที่กระท่อมริมไร่ในทางเข้าภูเขา ที่คาดว่าอาจจะเป็นนายอนุชาเข้ามาหลบพักอาศัย

ขออโหสิกับแม่

ด้านนายตาเวีย องค์พระ ซึ่งเป็นน้า และเป็นคนเอาอาหารไปให้นายอนุชาให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ตนนำเสบียงขึ้นไปให้นายอนุชา พร้อมกับโทรศัพท์มือถือ ที่ทางกำนันให้ นำไปมอบให้กับนายอนุชาด้วยอีก 1 เครื่อง เพื่อหวังไว้ใช้ในการโทร.เจรจาให้ยอมมอบตัว

ยึดอาวุธของกลาง

กระทั่งเวลา 18.00 น. เริ่มมีเมฆฝน และมืดค่ำ ผู้บังคับบัญชาจึงตัดสินใจสั่งยุติการค้นหา โดยทยอยถอนกำลังกลับออกมาจากป่า แต่ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่นั่งพักใกล้ห้างพักของนายอนุชา พบหมาของนายอนุชาวิ่งออกมาจากป่า จึงรีบเข้าไปอุ้มพร้อมกับดักซุ่มรอดูอยู่ ไม่นานต่อมาก็เห็นนายอนุชาเดินมาที่ห้างพักของตัวเอง เจ้าหน้าที่จึงซุ่มดูอยู่จนเห็นนายอนุชากำลังจะลงไปอาบน้ำในสระ เมื่อแน่ใจว่าเจ้าตัวไม่ได้พกอาวุธติดตัวก็จึงเข้าจับกุมตัวไว้ได้

เบื้องต้นนายอนุชาให้การรับสารภาพว่าแค้นฝังใจน้องชายมานานแล้ว จึงลงมือก่อเหตุดังกล่าว หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ควบคุมตัวนายอนุชาไปสอบปากคำที่ สภ.บ้านไร่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พชร พัสกุล

เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน