คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
แม้จะถูกจับได้อย่างรวดเร็ว แต่นายเอ๋ ชิเนหันนา ก็ไม่ทิ้งลายโจร เอาคืนตำรวจสระบุรีได้อย่างเจ็บแสบนัก
เช้ามืดวันที่ 31 ส.ค. พ.ต.ท.ณัฐชาติ เกตุชาติ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เฉลิมพระเกียรติ รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนบุกจี้ชิงทรัพย์ในร้าน 7-11 สาขาเฉลิมพระเกียรติ ต.ห้วยบง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า คนร้ายขับรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีลาโน่แกรนด์ สีดำ เบาะสีน้ำตาล ล้อแม็กซ์สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สวมเสื้อยืดแขนยาวสีส้ม กางเกงยีนส์ขายาวสีดำ สวมรองเท้าแตะ สวมหมวกกันน็อกแบบครึ่งใบ สูงประมาณ 165 ซ.ม.
ทำทีเข้ามาจอดรถจักรยานยนต์เดินเข้ามาในร้านสะดวกซื้อ จากนั้นได้ใช้อาวุธปืนแบบลูกโม่ สีขาว ไม่ทราบขนาด ออกมาข่มขู่พนักงาน ให้เอาเงินในเครื่องคิดเงินออกมาให้ และขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ซึ่งทรัพย์สินที่ได้ไปมี เงินธนบัตร จำนวน 1,800 บาท และเหรียญที่ใช้ทอนจำนวน 5 ถุง ถุงละ 100 บาท รวมเป็นเงิน 2,300 บาท
เมื่อประสานข้อมูลกับท้องที่ใกล้เคียงก็พบว่าก่อนเกิดเหตุที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ คนร้ายรายนี้ได้เข้าไปชิงทรัพย์ที่ร้านสะดวกซื้อ 7-11 สาขาดาวเรือง เขตอำเภอเมืองสระบุรี ก่อนที่จะหลบหนีมาก่อเหตุซ้ำที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ
เพียงวันเดียว ตร.ก็จับตัวคนร้ายได้ โดยเมื่อวันที่ 2 ก.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสระบุรี ประสานกับทาง สภ.เฉลิมพระเกียรติ แกะรอยเส้นทางหลบหนีของคนร้าย จนทราบตัวผู้ต้องหาชื่อ นายเอ๋ อายุ 42 ปี ชาว อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา หลบหนีโดยใช้รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ ทะเบียนไม่ติด ผ่านเส้นทางห้วยบง ท่าลาน หลังก่อเหตุไปพักที่บ้านใน อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา
ก่อนที่จะเปลี่ยนรถเป็นรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่น MSX สีน้ำเงิน ไม่ติดป้ายทะเบียน ขี่หนีออกไปหลบซ่อน โดยมาเปิดห้องพักที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งใน อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ชุดสืบสวนของ สภ.เมืองสระบุรี สภ.เฉลิมพระเกียรติ และชุดสืบจังหวัดสระบุรี จึงซุ่มจับตาความเคลื่อนไหวที่รีสอร์ต ดังกล่าว จนสามารถจับกุมคนร้ายในเวลาไม่เกิน 24 ชั่วโมง
พ.ต.อ.พิศณุ วิทยาภรณ์ ผกก.สภ.เมืองสระบุรี เปิดเผยว่า ชุดสืบสวนของสภ.เมืองสระบุรี สภ.เฉลิมพระเกียรติ และชุดสืบสวนจังหวัดสระบุรีประสานงานกัน โดยติดตาม ผู้ต้องหาที่ทราบชื่อว่านายเอ๋ โดยใช้วิธีเช็ก กล้องวงจรปิดเส้นทางการหลบหนีจนทราบว่าหลังก่อเหตุชิงเงินร้านสะดวกซื้อทั้ง 2 แห่งใช้ถนนห้วยบง-ท่าลาน เป็นเส้นทางการหลบหนี
จากนั้นชุดสืบแกะรอย โดยเข้าไปยังพื้นที่ อ.ท่าเรือ ซึ่งเป็นร้านขายรถจักรยานยนต์ จึงเข้าไปสอบถาม โดยมีรูปผู้ต้องหาให้ทางร้านดู ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่ของทางร้านเคยเห็นหน้า และกล่าวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเคยเจอผู้ชายในรูป และเห็นในทีวีว่าเป็นโจรชิงทรัพย์ในร้านสะดวกซื้อที่สระบุรี
โดยผู้ต้องหามีอาชีพเป็นผู้รับเหมาทำไฟของการไฟฟ้าแห่งหนึ่งใน จ.พระนครศรี อยุธยา และเคยมาทำเรื่องซื้อรถจักรยานยนต์ที่ร้าน นายเอ๋นำเอกสารสำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านมายื่นเพื่อซื้อรถจักรยานยนต์ ปรากฏว่าไม่ผ่านการอนุมัติ เลยทิ้งเอกสารไว้ที่ร้าน
ตำรวจจึงขอเอกสารดังกล่าวมาเปรียบเทียบกับรูปที่ผู้ต้องหาก่อเหตุ ปรากฏว่าเป็นชายในรูปที่ก่อเหตุ จึงลงพื้นที่ใน อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ปรากฏว่าจากการสืบในเชิงลึก ผู้ก่อเหตุเปลี่ยนรถจักรยานยนต์ จากยี่ห้อยามาฮ่า ฟีโน่ มาเป็นยามาฮ่า รุ่น MSX สีน้ำเงิน (ไม่ติดป้ายทะเบียน) เดินทางไปยัง อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี เจ้าหน้าที่จึงเดินทางมายังรีสอร์ตดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่ใน อ.มวกเหล็ก โดยผู้ต้องหามาเปิดห้องพักหลังก่อเหตุ 1 วัน
ซุ่มดูจนเวลา 16.00 น. จึงเข้าจับกุม โดยที่ผู้ต้องหาให้การยอมรับว่าก่อเหตุจริงทั้ง 2 สถานที่ โดยสามารถยึดปืนบีบีกันลูกโม่ รุ่น 357 และรถจักรยานยนต์ที่ใช้หลบหนี หมวกกันน็อก เสื้อกางเกงที่ใช้ในวันก่อเหตุ ป้ายทะเบียนรถจักรยานยนต์
ผู้ต้องหาให้การว่า ไม่มีเงิน ต้องการเงินไปใช้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหาแก่นายเอ๋ ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน ใช้ยานพาหนะในการก่อเหตุ และหลบหนี
คุมตัวดำเนินคดีต่อไป ตำรวจนำตัวนายเอ๋ไปทำแผนฯ ก่อนจะคุมตัวมาสอบสวนที่โรงพักเมืองสระบุรี แต่กลางดึกคืนวันที่ 3 ก.ย. โจรแสบก็แผลงฤทธิ์ โดยขณะที่ พ.ต.ท. ณัฐชาติ เกตุชาติ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เฉลิมพระเกียรติ เบิกตัวนายเอ๋มาสอบสวนเพิ่มเติม แต่ขณะกำลังนั่งสอบสวนนายเอ๋สบโอกาสวิ่งหนีลงจากโรงพักทั้งที่ยังสวมกุญแจมืออยู่ ตำรวจได้ติดตามมาอย่างกระชั้นชิดแต่คว้าน้ำเหลว
ต่อมาวันที่ 6 ก.ย. ตำรวจ สภ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ได้รับแจ้งว่านายเอ๋หนีเข้ามาในพื้นที่ จึงออกสืบสวนสอบสวนกระทั่งพบว่านายเอ๋กำลังขี่รถจยย.ขโมยมา บนถนนสายวิเชียรบุรี-เพชรบูรณ์ (สายเก่า) จึงได้เข้าจับกุมตัวส่ง สภ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ชาญวิทย์ คำนวนวุฒิ
เสรี สุพรรณ์นอก
เรื่อง/ภาพ
