คอลัมน์ สดจากสนาม

ทั้งญาติผู้ตาย ตำรวจ หรือแม้แต่ชาวบ้านต่างไม่มีใครเชื่อว่าความตายของนางบัญญัติ กัลป์ทอง อายุ 74 ปี เจ้าของร้านเสริมสวยช่อทิพย์ ตั้งอยู่เลขที่ 68/21 ถ.เอกาทศรถ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก จะมาจากการทะเลาะทรงผมที่ตัดไม่ถูกใจ ตามที่น.ส.อารยา โสะอ้น อายุ 27 ปี อ้างกับตำรวจหลังถูกจับ

ย้อนไปเมื่อเวลา 11.47 น. วันที่ 3 ก.ย. พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก นำกำลังตำรวจชุดสืบสวนทั้งในและนอกเครื่องแบบ พร้อมเจ้าหน้าที่พฐ. แพทย์และหน่วยกู้ภัยสมาคมกู้ภัยข่าวภาพ รุดไปตรวจสอบภายในร้านเสริมสวยช่อทิพย์ หลังรับแจ้งมีผู้ถูกฆ่าปาดคอ

ที่เกิดเหตุเป็นห้องพัก 2 ชั้น บริเวณห้องน้ำพบหญิงชราอายุประมาณ 70 ปี สภาพบริเวณลำคอมีบาดแผลถูกของมีคมบาดจนเลือดสาดกระเซ็นเต็มห้องน้ำนอนหงายเสียชีวิต จากการตรวจสอบพบทรัพย์สินของผู้ตายหายไปคือ สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท สร้อยข้อมือหนัก 50 สตางค์ และแหวนอีก 1 วง

ลูกสะใภ้ผู้เสียชีวิตวัย 46 ปี ผู้พบศพคนแรกให้การว่าผู้ตายพักอาศัยอยู่ภายในบ้านเพียงคนเดียว วันนี้ช่วงเวลาประมาณ 11.40 น. ตนมาหาแม่ตามปกติ ก็เอะใจเพราะประตูหน้าบ้านเปิดอยู่ เข้าไปดูเห็นแม่นอนล้มอยู่ตรงห้องน้ำ ทีแรกคิดว่าเป็นลมจึงโทร.แจ้ง 1669 เข้ามาตรวจสอบจึงรู้ว่าเป็นฆาตกรรม ทรัพย์สินส่วนตัวแม่ที่หายไปคือสร้อยพระ สร้อยข้อมือ และแหวน คนร้ายใจร้ายมาก ขอสาปแช่งมัน เศรษฐกิจมันแย่ด้วยโจรถึงเยอะ แต่ไม่น่าทำกับคนแก่ได้

ขณะที่นายสรายุทธ กัลป์ทอง อายุ 51 ปี บุตรชายผู้เสียชีวิต กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า พ่อตนเสียชีวิตไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว จากนั้นแม่อยู่คนเดียวมาตลอด มีตนและน้องชายเปิดร้านขายของอยู่เยื้องกันกับบ้านแม่ ตนเพิ่งเจอแม่เมื่อคืนตอน 3 ทุ่ม เพราะ ทุกๆ วันตนจะเป็นคนมาปิดบ้านให้แม่วันรุ่งขึ้นจะเข้ามาอยู่กับแม่ทุกวัน กระทั่งวันนี้น้องสะใภ้โทร.ตามว่าแม่โดนฆ่าตาย หัวใจแทบสลาย ทำไมตนไม่มาอยู่กับแม่ให้ไวกว่านี้ เหตุการณ์นี้คงไม่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาดูข่าวแบบนี้มาตลอด ไม่คิดว่าวันหนึ่งมันจะมาเกิดขึ้น กับแม่ตัวเอง

ส่วนตัวแล้วแม่เป็นคนดี คิดบวก ไม่เคยคิดร้ายกับใคร เมื่อก่อนร้านนี้เคยเปิดเป็นร้านเสริมสวย แต่พอพ่อเสีย ตนอยากให้แม่พักไม่ให้ทำงานอีกแล้ว แต่แม่ยังแอบทำผมให้กับลูกค้าอยู่บ้าง ตนเคยเตือนหลายครั้ง เพราะลูกค้าแม่บางทีเป็นขาจรที่มาพักโรงแรม ไม่อยากให้แม่ทำ เพราะเราไม่รู้จักว่าใครเป็นใคร ห่วงแม่เพราะแม่อยู่คนเดียว เคยขอให้ไปอยู่ด้วยกัน แต่แม่ไม่ยอม จนมาเกิดเรื่องจนได้

ตำรวจสอบเพื่อนข้างบ้านผู้เสียชีวิตเล่าให้ฟังว่า เมื่อเช้าประมาณ 9 โมงมาเปิดร้าน เห็นรถจยย.น่าจะเป็นสกูปี้ สีแดง จอดอยู่หน้าร้าน ไม่ได้เอะใจอะไร เห็นผู้หญิงลักษณะคล้ายทอม รูปร่างท้วมๆ อายุประมาณ 30 ปี เดินออกมาก่อนที่จะหายกลับเข้าไป แต่ไม่ได้คิดอะไร เพราะคิดว่าเป็นลูกค้า จนกระทั่งลูกสะใภ้เขามาพบศพดังกล่าว

ส่วนอีกรายเล่าว่า วันนี้ประมาณ 9 โมงครึ่งถึงประมาณ 10 โมง ได้ยินเสียงเหมือนคนทะเลาะกัน คนเถียงกัน มีเสียงมึงกูดังอยู่พักใหญ่ ตนไม่ได้คิดอะไร คิดว่าลูกหลานทะเลาะกัน จนมาทราบเรื่องว่าคุณยายเสียชีวิตแล้ว

หลังสอบสวนตำรวจตั้งประเด็นเอาไว้ 2 เรื่องคือ ทะเลาะวิวาทและชิงทรัพย์ ขณะที่ชุดสืบสวนเร่งแกะรอยกล้องวงจรปิดเส้นทางหลบหนี โดยอาศัยเบาะแสรถจยย.ตามที่พยานให้การ กระทั่งพบว่าคนร้ายขี่รถจยย.ไปหลบอยู่ที่ร้านเฟอร์นิเจอร์แห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ที่ร้านไม่มีเลขที่ ริมถนนบรมไตรโลกนารถ 2 ต.ท่าทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก สามารถตามจับกุมคนร้ายได้ในเย็นวันที่เกิดเหตุนั่นเอง

วันที่ 4 ก.ย. พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก พร้อมด้วย พ.ต.ท.หญิง เรณุกา เหมือนแพร นวท.สบ.3 กลุ่มงานตรวจสถานที่เกิดเหตุ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 เข้าตรวจสอบบ้านนางบัญญัติ เหยื่อฆาตกรรม เพื่อเก็บหลักฐานเพิ่มเติม รวมถึง รอยนิ้วมือแฝงตามคำรับสารภาพของน.ส.อารยา โสะอ้น อายุ 27 ปี ชาวอ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี

เบื้องต้น น.ส.อารยา ผู้ต้องหารับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุฆ่านางบัญญัติ เนื่องจากไม่พอใจที่ผู้ตายตัดผมให้ตนเองไม่ถูกใจ จึงได้มีปากเสียงกันและตนได้ใช้มีดในครัวที่อยู่ในที่เกิดเหตุก่อเหตุดังกล่าวขึ้น และได้หลบหนีไปอยู่ที่ร้านเฟอร์นิเจอร์ จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตามรวบตัวได้ดังกล่าว

ส่วนมีดที่ก่อเหตุเจ้าตัวสารภาพว่าเป็นมีดที่อยู่ในที่เกิดเหตุ หลังลงมือฆ่าแล้วได้ล้างมีดแล้วนำไปเก็บไว้ที่เดิม ส่วนทองคำที่นำติดตัวมาอ้างว่าได้โยนทิ้งข้างทาง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังไปตรวจสอบค้นหาตามเส้นทางแต่ก็ไม่พบของกลางตามที่กล่าวอ้าง

หลังถูกจับตำรวจพาตัวน.ส.อารยาไปทำแผนฯ ท่ามกลางเสียงตะโกนด่าว่าของญาติๆ คนตาย โดยเจ้าตัวไม่ได้มีอาการสะทกสะท้านหรือรู้สึกสำนึกผิด หนำซ้ำยังด่าใส่กลุ่มญาติ มันเลย กลายเป็นพฤติกรรมที่ไม่น่าจะยกโทษ โดยนายสรายุทธลูกชาย ผู้ตายถึงกับเอ่ยปากว่ามีความรู้สึกว่าการประหารชีวิตมัน ไม่สมควร แต่ตอนนี้พอมาเห็นพฤติกรรมบางส่วนของผู้ต้องหาแล้ว กลับมีความคิดว่ามันน่าจะประหารชีวิตมากกว่า

อนุชา แก้วคำมา
เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน