คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

“ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะคิดฆ่าน้อง เพราะรู้จักกันมานานแล้ว ตอนนี้ก็เสียใจและยอมรับกับสิ่งที่ทำลงไปทั้งหมด ขอให้ เป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการกฎหมาย” คำสารภาพจากปากของ นายราเมษ ทิพย์โรจน์ อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาฆ่าหนุ่มวัย 19 ปี ภายหลังเข้ามอบตัวกับตำรวจ

ตร.แถลงปิดคดี

เรื่องราวของคดีดังกล่าวถูกเปิดเผยขึ้น เมื่อค่ำวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา เมื่อพ.ต.ท.สุเทพ มาดิษฐ์ สารวัตร (สอบสวน) สภ.วัดโบสถ์ รับแจ้งมีผู้ถูกยิงเสียชีวิต หน้าร้านเจ๊แมวขนส่ง ภายในหมู่บ้านป่าคาย ต.บ้านยาง อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก จึงนำกำลังไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.วัฒนากร อู่นาท ผกก.สภ.วัดโบสถ์ และ พ.ต.อ.ทัพเศรษฐ์ เขื่อนแก้ว ผกก.สส.ภ.จว.พิษณุโลก

ในที่เกิดเหตุพบศพนายปริญญา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี สภาพศพนอนคร่อมรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 125 สีน้ำเงิน มีบาดแผลถูกกระสุนปืนเข้าที่กลางหน้าผาก 1 นัด คอด้านซ้าย 1 นัด และหน้าขาซ้าย 1 นัด ล้มคารถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 125 สีน้ำเงิน

จากการสอบสวนทราบว่า เมื่อสองวันก่อนนายปริญญากับพวก มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับกลุ่มวัยรุ่นบ้านป่าคาย ม.2 ต.บ้านยาง กระทั่งเมื่อช่วงค่ำของวันเกิดเหตุนายปริญญากับพวก ได้ขับรถจักรยานยนต์มา 4 คัน จำนวน 7 คน ไปภายในหมู่บ้านป่าคายเพื่อจะตามเคลียร์กับคู่อริ

ทำแผนฯนาทีลั่นไก

 

ขณะขับรถจักรยานยนต์ผ่านหน้าร้านเจ๊แมวขนส่งภายในหมู่บ้าน ป่าคาย เพื่อนในกลุ่มได้ใช้อาวุธปืนที่เตรียมมายิงใส่เข้าไปภายในบ้าน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่นายปริญญาที่ขับรถจักรยานยนต์เลยไป วกรถกลับมาพอดี ทำให้ถูกกระสุนปืนล้มเสียชีวิตคารถจักรยานยนต์ ส่วนเพื่อนๆ ที่มาด้วยกันรวมทั้งมือปืนต่างพากันหลบหนีไปหมด

ขณะที่ นางสายหยุด (ขอสงวนนามสกุล) ลูกสาวบ้านหลังที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุไม่มีกลุ่มวัยรุ่นที่เป็นคู่อรินั่งอยู่เลย มีแต่ชาวบ้าน และคนท้องกำลังนั่งคุยกันอยู่หน้าบ้านเท่านั้น หากลูกกระสุนไม่ถูกพวกเดียวกันอาจจะทำให้คนบริสุทธิ์ภายในบ้านบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้

“ไม่ทราบว่ากลุ่มวัยรุ่นที่มายิงใส่บ้านทำไม อาจจะโกรธแค้นที่สามีดิฉันไปห้ามปราม เพราะก่อนหน้ามีกลุ่มวัยรุ่นทะเลาะกัน สามีได้เข้าไปห้ามปรามไม่ให้วัยรุ่น 2 กลุ่มทะเลาะกัน คิดว่าเรื่องจะจบไปหมดแล้ว ไม่คิดว่าจะไปตามพรรคพวกมาและยิงใส่บ้าน อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด” นางสายหยุดกล่าว

สภาพศพ

วันรุ่งขึ้น พ.ต.ท.สุเทพ มาดิษฐ์ สารวัตร (สอบสวน) สภ.วัดโบสถ์ เชิญตัว น.ส.วงค์ภักดิ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี แม่ของนายปริญญา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี มาสอบปากคำ พร้อมกับญาติและพยานในที่เกิดเหตุ โดยมี พ.ต.อ.วัฒนากร อู่นาท ผกก.สภ.วัดโบสถ์ และ พ.ต.อ.ทัพเศรษฐ์ เขื่อนแก้ว ผกก.สส.ภ.จว.พิษณุโลก ร่วมสอบปากคำ

ขณะเดียวกันพ.ต.อ.วัฒนากร เผยความคืบหน้าของคดีว่า พนักงานสอบสวนได้ร่วมกับชุดสืบสวน จ.พิษณุโลก รวบรวมหลักฐานทั้งกล้องวงจรปิด และการสอบปากคำญาติในที่เกิดเหตุ และทราบตัวมือปืน เป็นวัยรุ่นในพื้นที่ ต.บ้านป่า และ ต.ดอนทอง อ.เมืองพิษณุโลก พร้อมขอหมายจับที่ศาลจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งยังคงหลบหนีอยู่ในพื้นที่ เชื่อว่าจะสามารถจับกุมได้แน่นอน

คดีนี้ตำรวจไม่ต้องตามหาให้เหนื่อย เพราะถัดมาในวันที่ 8 ก.ย. นางกาญจนา ทิพย์โรจน์ อายุ 57 ปี พร้อมญาติ ได้พานายราเมษ ทิพย์โรจน์ อายุ 24 ปี ลูกชายไปมอบตัวกับพนักงานสอบสวน สภ.วัดโบสถ์ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้สอบสวน และดำเนินคดีในข้อหาฆ่า ผู้อื่นโดยเจตนา และพกพาอาวุธไปในสถานที่สาธารณะ ในเมือง ชุมชน โดยไม่ได้รับอนุญาต

นายราเมษให้การรับสารภาพว่า รุ่นน้องในกลุ่มของตนไปมีเรื่องกับวัยรุ่นคู่อริต่างหมู่บ้านในพื้นที่ ต.บ้านยาง อ.วัดโบสถ์ และมาบอกกับตนให้ช่วยไปเคลียร์ปัญหาให้ ด้วยความที่ต้องไปเผชิญหน้ากับกลุ่มคู่อริจึงพกอาวุธปืนติดตัวไปด้วย

ตอนแรกตั้งใจไปเคลียร์ปัญหาส่วนตัวเฉยๆ โดยไปกันทั้งหมด 7 คน แต่เมื่อไปถึงแล้วพบว่ามีชายวัยรุ่นเดินออกมาอย่างไม่เกรงกลัว พวกตนเลยคิดว่าวัยรุ่นคนนั้นน่าจะมีอาวุธปืนด้วยถึงกล้าเดินมาหา จึงตัดสินใจชักอาวุธปืนยิงสวนออกไปก่อน แต่ไม่ทันสังเกตเห็นนายปริญญาที่ขี่รถจักรยานยนต์วนกลับมาในแนวกระสุนปืนพอดี ตนไม่ได้ตั้งใจที่จะคิดฆ่าน้อง เพราะรู้จักกันมานานแล้ว ตอนนี้ก็เสียใจและยอมรับกับสิ่งที่ทำลงไปทั้งหมด ขอให้เป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการกฎหมาย

นางกาญจนาเผยว่า ลูกชายตนเองเป็นคนที่รักเพื่อนมาก แต่หลัง เกิดเหตุวัยรุ่นกลุ่มเดียวกัน กลับบอกไม่รู้จักลูกชายตน แต่ก็ไม่เป็นไร ก็ยอมรับว่าลูกชายตนเองเป็นคนลงมือยิงใส่กลุ่มอริจริงและพลาดไปโดนกลุ่มเดียวกัน ซึ่งตนก็รู้สึกเสียใจ แต่ก็ยังเคลือบแคลงใจถึงวิถีกระสุนปืน ที่มี 3-4 นัดนั้น อาจไม่ใช่ของลูกชายตนเองทั้งหมด อาจมีกระสุนปืนมาจากกลุ่มอริและยิงออกมาด้วย

อยากให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้ง ครอบครัวตัวเอง มีฐานะยากจนไม่มีเงินที่จะไปจ้างทนายสู้คดีแต่อย่างใด แต่ก็พาลูกชายมามอบตัว เพื่อสู้คดีดังกล่าว

เมื่อยังมีข้อสงสัย ก็เป็นหน้าที่ตำรวจต้องคลี่คลายให้ได้ความจริง อันเป็นข้อยุติ

อนุชา แก้วคำมา – เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน