ตามตร.กรุงจับผัวเมียแสบตุ๋นขายหม้อทอดไร้น้ำมันเหยื่อ3พันราย-สูญ7ล้าน! : สดจากสนามข่าว
สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 สร้างความเสียหายให้ธุรกิจมากมาย บริษัทห้างร้านจำนวนมากต้องปิดกิจการลง มาตรการป้องกันต่างๆ ถูกนำออกมาใช้ทั้งปิดห้าง ร้านค้าหรือแม้แต่ล็อกดาวน์เมือง แต่กลายเป็นว่าโรคระบาดโควิด ส่งผลให้ตลาดอีคอมเมิร์ซโตไม่หยุดกลายเป็นตลาดใหญ่ให้เหล่ามิจฉาชีพใช้กอบโกยเงินทองอย่างเป็นล่ำเป็นสัน

ตามตร.กรุงจับผัวเมียแสบตุ๋นขายหม้อทอดไร้น้ำมันเหยื่อ3พันราย-สูญ7ล้าน! : สดจากสนามข่าว

ค้นรถหาหลักฐาน

ตามตร.กรุงจับผัวเมียแสบตุ๋นขายหม้อทอดไร้น้ำมันเหยื่อ3พันราย-สูญ7ล้าน! : สดจากสนามข่าว

แสดงหมายจับ

ย้อนไปเมื่อวันที่ 5 ก.ย. พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย ผบก.สส.บช.น. สั่งการให้พ.ต.ต.พฤฒ ศุภจิตตากร สว.กก.สส.4 บก.สส.บช.น. นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 2 กก.สส.4 บก.สส.บช.น. จับกุมนายพลณธี ภักดีพงศ์พานิชย์ อายุ 38 ปี และ น.ส.ธนิวรรณ ธัญวิวัฒธนากูล อายุ 28 ปี ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” หลังสืบทราบว่าได้หลบหนีมาซ่อนอยู่ที่โรงแรมที่พักแห่งหนึ่งย่าน ถ.พิบูลสงคราม ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี
สืบเนื่องจากนายพลณธี และน.ส.ธนิวรรณ ซึ่งเป็นสามี-ภรรยากัน ได้ร่วมกันเปิดเพจเฟซบุ๊กขายสินค้า ที่มีชื่อว่า “บริษัทนำเข้า 110 จำกัด” โดยมีนายพลณธีเป็นแอดมินเพจ และประกาศจำหน่ายสินค้าในเพจดังกล่าวหลายประเภท เช่น เฟอร์นิเจอร์, นม, น้ำมันพืช และหม้อทอดไร้น้ำมัน เป็นต้น

น.ส.ธนิวรรณ ได้ติดต่อว่าจ้างให้นายสายชล เกตุหอม ผู้ต้องหาในคดีเดียวกัน ซึ่งถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ เปิดบัญชีธนาคารใช้ชื่อของนายสายชล จากนั้นผู้ต้องหาทั้งสองได้นำบัญชีดังกล่าวมาโพสต์ประกาศในเพจ เพื่อใช้เป็นบัญชีรับการโอนเงินจากลูกค้าที่สนใจสั่งซื้อสินค้า แต่เมื่อตกลงซื้อขายกับผู้เสียหายและผู้เสียหายโอนเงินค่าสินค้าไปแล้วก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับ และสินค้าที่สั่งซื้อไปก็ไม่ได้รับ โดยสินค้าที่สร้างความเสียหายมากที่สุดขณะนี้คือ หม้อทอดไร้น้ำมัน

ตามตร.กรุงจับผัวเมียแสบตุ๋นขายหม้อทอดไร้น้ำมันเหยื่อ3พันราย-สูญ7ล้าน! : สดจากสนามข่าว

จนมุมสืบนครบาล

จากการตรวจสอบพบว่ามีผู้เสียหายหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อของเพจดังกล่าวจำนวนกว่า 3,000 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 7 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีการรวมตัวกันของผู้เสียหาย ตั้งกลุ่มเฟซบุ๊กชื่อ “โดนโกงจากบริษัทนำเข้าสินค้า 110 จำกัด” มีสมาชิกในกลุ่มกว่า 3,000 คนเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล และร่วมมือกันในการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด โดยกลุ่มผู้เสียหายได้เคยรวมตัวกันไปร้องเรียนและแจ้งความเพื่อดำเนินคดีที่ บก.ปคบ.มาแล้ว เมื่อช่วงต้นเดือนก.ย.ที่ผ่านมา
ผู้เสียหายบางส่วนเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของเพจ “บริษัทนำเข้า 110 จำกัด” ที่ สภ.หนองปลิง จ.นครสวรรค์ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหาทั้งสองเป็นผู้กระทำผิด และเป็นเจ้าของเพจดังกล่าว ต่อมาศาลจังหวัดนครสวรรค์ได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองเมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา

ตามตร.กรุงจับผัวเมียแสบตุ๋นขายหม้อทอดไร้น้ำมันเหยื่อ3พันราย-สูญ7ล้าน! : สดจากสนามข่าว

หลักฐานวงจรปิด

ต่อมาฝ่ายสืบสวน สภ.หนองปลิง ติดตามตัวผู้ต้องหาทั้งสอง และคาดว่าผู้ต้องหาทั้งสองน่าจะพักอาศัยอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ จึงประสานกก.สส.4 บก.สส.บช.น.ให้ช่วยดำเนินการสืบสวนติดตาม จากการสืบสวนติดตามผู้ต้องหาทั้งสองมีพฤติกรรมไม่อยู่อาศัยที่ใดเป็นหลักแหล่ง มีการย้ายที่อยู่บ่อย 3-4 วันต่อครั้ง และมีการตระเวนกดเงินที่ได้จากการหลอกลวงผู้เสียหายตามตู้เอทีเอ็มสถานที่ต่างๆ และเป็นเงินจำนวนมาก

กระทั่งสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาทั้งสองมาพักอาศัยอยู่ที่โรงแรมที่พักแห่งหนึ่งย่าน อ.เมือง จ.นนทบุรี จึงนำกำลังไปเฝ้าสังเกตการณ์ และพบผู้ต้องหาทั้งสองเดินทางเข้ามาในโรงแรมที่พัก จึงแสดงตัวจับกุมและตรวจยึดทรัพย์สิน เช่น เงินสดจำนวนหนึ่ง, รถยนต์ยี่ห้อเอ็มจี ทะเบียนป้ายแดง 1 คัน และโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.หนองปลิง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ตามตร.กรุงจับผัวเมียแสบตุ๋นขายหม้อทอดไร้น้ำมันเหยื่อ3พันราย-สูญ7ล้าน! : สดจากสนามข่าว

ตามตร.กรุงจับผัวเมียแสบตุ๋นขายหม้อทอดไร้น้ำมันเหยื่อ3พันราย-สูญ7ล้าน! : สดจากสนามข่าว

โพสต์หลอกเหยื่อ

ขณะที่จากการสอบปากคำเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งสองคนยังให้การภาคเสธโดยยอมรับว่าเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นแอดมินเพจเฟซบุ๊กชื่อ “บริษัทนำเข้า 110 จำกัด” จริง แต่มีเจตนาที่จะจำหน่ายสินค้าจริงๆ โดยอาศัยเงินจากผู้เสียหายที่สนใจสินค้า และโอนมานำไปสั่งซื้อสินค้าผ่านดีลเลอร์นำเข้ามาจากต่างประเทศ แต่ต่อมาปรากฏว่าไม่มีสินค้าส่งตามกำหนด ประกอบกับเริ่มมีผู้เสียหายทวงถามเข้ามาจำนวนมาก ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงตัดสินใจหลบหนีไปตั้งหลักสักระยะหนึ่ง ส่วนเงินที่ได้มาบางส่วนก็ได้นำไปเล่นการพนันออนไลน์ และใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน คำอ้างของผู้ต้องหาขัดกับพฤติกรรมที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง เพราะเมื่อตรวจสอบประวัติก็เจอว่าทั้งคู่มีหมายจับคดีฉ้อโกงติดตัวกันคนละหลายหมายจับในหลายพื้นที่ ซึ่งทางตำรวจจะได้รวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์การกระทำ ความผิดของผู้ต้องหา และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีฉ้อโกงทางโลกโซเชี่ยลนับวันมีแต่จะเพิ่มมากขึ้น ลุกลามไปทุกวงการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรรีบหามาตรการจัดการ ก่อนจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ กระทบไปทั้งตลาดอีคอมเมิร์ซ

สราวุฒิ ศรีเพ็ชรสัย
เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน