คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

เมื่อมีหลานชายตัวน้อยวัยซุกซนมาอยู่ใกล้ๆ ไม่แคล้วที่คนรุ่นปู่ย่าตายายจะให้ความเอ็นดูรักใคร่ แต่ใครจะคาดคิดบ้างว่าการเล่นสนุกสนานกับหลานรักจะทำให้เกิดเรื่องน่าเศร้าขึ้นในครอบครัว

เรื่องราวความสูญเสียครั้งใหญ่ของชาวบางสะพานน้อยครอบครัวหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อ 2 ทุ่มเศษวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา พ.ต.ท.สมปอง เกลียวสัมพันธ์ใจ สว.สอบสวน สภ. บาง สะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์รับแจ้งจาก ร.พ.บางสะพานน้อยว่ามีเด็กชายวัย 4 ขวบ ถูกยิงภายในบ้านเลขที่ 93 ม.9 ต.บางสะพาน อ.บางสะพานน้อย มารักษา แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในที่สุด

ตร.ตรวจบ้านที่เกิดเหตุ

หลังรับแจ้งเหตุรีบประสานเจ้าหน้าที่สายตรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนนำกำลังไปตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายหรือหลบหนี เนื่องจากในช่วงแรกยังไม่รู้ว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไรแน่

ก่อนที่ พ.ต.ท.สมปองจะไปร่วมชันสูตรพลิกศพกับแพทย์ที่โรงพยาบาล

จำลองเหตุนาทีสลด

 

ภายในห้องฉุกเฉินพบศพ ด.ช.นันท์มนัส หรือน้องกาย ทิพย์คีรี อายุ 4 ขวบ มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซอง บริเวณหัวไหล่ด้านขวาเหนือราวนม ลักษณะถูกจ่อยิง กระสุนปืนทะลุออกแผ่นหลัง 6 รู เสียเลือดมากจนช็อกหมดสติขณะไปถึงที่โรงพยาบาล แพทย์ปั๊มหัวใจอยู่นานประมาณ 30 นาที แต่เสียชีวิตในที่สุด

เมื่อตามไปตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุ พร้อม พ.ต.อ.พสิษฐ์ ก้อนสิน ผกก.สภ.บางสะพานน้อย พบเป็นบ้านปูนชั้นเดียวปลูกอยู่กลางสวนยางพารา

ภายในบ้านหลังดังกล่าวพบรอยเลือด กองโต และอาวุธปืนลูกซองสั้น 1 กระบอก เจ้าหน้าที่จึงอายัดไว้ตรวจสอบ พร้อมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุทั้งหมด

สอบปากคำจนรับสารภาพ

เจ้าหน้าที่สอบสวนนายพะนอ หรือ ไข่ ทิพย์คีรี อายุ 53 ปี และนางเพ็ญศรี ทิพย์คีรี อายุ 45 ปี ตาและยายของน้องกายที่อยู่ด้วยขณะเกิดเหตุ ซึ่งให้การสับสนวกไปวนมา

พอสรุปได้ว่า อยู่บ้านหลังดังกล่าวกับนายพะนอ นางเพ็ญศรี และน้องกายหลานชาย อาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวด้วยกันเพียง 3 คน โดยนายพะนอและนางเพ็ญศรีนำน้องกายมาเลี้ยงดูตั้งแต่อายุประมาณ 1 ขวบ เนื่องจากลูกสาวเลิกกับพ่อเด็กจึงเลือกใช้นามสกุลเดียวกัน

ก่อนเกิดเหตุทั้ง 3 คนนอนพักผ่อนอยู่ในบ้านพักเป็นจังหวะที่เกิดไฟฟ้าดับ ขณะนั้นได้ยิงเสียงรถจักรยานยนต์แล่นผ่านหน้าบ้าน พร้อมได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด เมื่อเงียบเสียงปืนออกจากห้องนอนไปดู พบว่าหลานชายถูกยิงนอนจมกองเลือดแล้ว รีบเรียกญาติที่อยู่ใกล้เคียงช่วยเหลือพาส่งโรงพยาบาล แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา

 

แพทย์พยายามปั๊มหัวใจแต่ไม่เป็นผล

แต่คำให้การที่มีพิรุธ ประกอบกับพฤติกรรมผิดสังเกตที่เมื่อ เจ้าหน้าที่ไปถึงบ้านครั้งแรก ทั้งคู่พยายามปิดกั้นไม่ให้เข้าไปในบ้านที่เกิดเหตุต้องหว่านล้อมอยู่นานกว่าจะยอมในที่สุด เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวนายพะนอ และนางเพ็ญศรีไปสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้งที่ สภ.บางสะพานน้อย

นอกจากนั้นยังทำเรื่องส่งศพน้องกายให้แพทย์ให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ร.พ.ตำรวจ เพื่อผ่าพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้ง และตรวจสอบอาวุธปืนลูกซองสั้นที่ตรวจพบ

หลังถูกตำรวจใช้หลักจิตวิทยาสอบปากคำอย่างเคร่งเครียดนานกว่า 8 ชั่วโมง ในที่สุดนายพะนอก็ยอมเปิดปากรับสารภาพด้วยน้ำตานองหน้าว่าเป็นผู้พลั้งมือทำปืนลั่นใส่หลานชายวัยน่ารักจนเสียชีวิตเอง

อาวุธปืนของกลาง

ตาวัย 53 ปีให้การด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ก่อนเกิดเหตุ ขณะนอนเล่นบนที่นอนกับหลานชาย น้องกายได้เอื้อมมือไปหยิบปืนลูกซองที่วางไว้บนหัวนอนมาเล่น โดยหนูน้อยมักจะหยิบปืนกระบอกดังกล่าวมาเล่นเป็นประจำ

นายพะนอเล่าว่า ขณะเล่นส่งปืนกับหลานชายกันไปมา โดยไม่คิดว่าจะมีลูกกระสุนค้างอยู่ในลำกล้อง จู่ๆ ปืนเกิดลั่นเข้าน้องกายระยะกระชั้นชิดจนร่างกระเด็นล้มลงจมกองเลือด

หลังจากตกตะลึงจึงตะโกนเรียกให้ญาติที่อยู่บ้านใกล้กันพาน้องกายส่งโรงพยาบาล แต่สุดท้ายหมอก็ไม่อาจยื้อชีวิตหลานชายไว้ได้

ญาติๆปลอบใจตาพะนอ

เมื่อได้คำสารภาพทั้งหมด เจ้าหน้าที่จึงยกเลิกส่งศพตรวจพิสูจน์ที่สถาบันนิติ วิทยาศาสตร์ ร.พ.ตำรวจ พร้อมเก็บหลักฐานเป็นคราบเขม่าดินปืนที่หน้าอกของน้องกายและตรวจบาดแผลอื่นในร่างกายแล้ว ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายอื่นใด สามารถส่งศพคืนให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีศาสนา

ส่วนนายพะนอแม้ญาติๆ จะไม่ติดใจแต่เมื่อเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน เจ้าหน้าที่จึงต้องแจ้งข้อกล่าวหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมควบคุมตัวไว้ดำเนินคดี

อีกอุทาหรณ์เตือนใจผู้ใหญ่ให้เก็บรักษาอาวุธร้ายแรงไว้ในที่ปลอดภัยห่างจากมือ ของเด็ก

พิมพร อยู่รุ่ง

เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน