ย้อนคดีแก๊งโจ๋เพชรบุรี เปิดศึกซ้ำ-ตีกันในร.พ. หมอ-คนไข้เผ่นกระเจิง

คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

“กัดกันอีกแล้วเหรอวะ ไอ้พวกนี้” หลายคนคงสบถออกมาเหมือนๆ กัน พลันเห็นคลิปวิดีโอที่แก๊งวัยรุ่นกว่า 10 คนในจ.เพชรบุรี บุกเข้าไปทำร้ายคู่อริภายในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเพชรบุรี อ.เมือง จ.เพชรบุรี

เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อกลางดึกวันที่ 9 ก.ย. ศูนย์วิทยุ 191 เพชรบุรี รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเพชรบุรี ว่ามีกลุ่ม วัยรุ่นกว่า 10 คน บุกเข้าทำร้ายร่างกาย ภายในอาคารห้องฉุกเฉินจนเกิดความวุ่นวาย จึงประสานตำรวจสายตรวจรถจักรยานยนต์ สายตรวจรถยนต์ สภ.เมืองเพชรบุรี กว่า 10 นายเข้าระงับเหตุ

นาทีก่อเหตุ

เมื่อตำรวจไปถึงพบบริเวณหน้าตึกฉุกเฉิน มีกลุ่มวัยรุ่นชาย-หญิง กว่า 10 คน รวมตัวกันอยู่ส่งเสียงดังโวยวาย มีกลุ่ม วัยรุ่น 2-3 คนวิ่งเข้าไปทำร้ายร่างกายผู้ป่วยบริเวณหน้าห้องอุบัติเหตุฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่จึงเข้าไประงับเหตุควบคุมตัว พูดคุยและขอให้วัยรุ่นที่เหลือออกไปนอกโรงพยาบาล เพราะเกรงจะเกิดเหตุทะเลาะวิวาทซ้ำซาก ซึ่งวัยรุ่นกลุ่มนี้เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่เอาจริงก็ลดความห้าวลง ยอมขับรถออกจากโรงพยาบาลทันที จึงทำให้เหตุการณ์สงบลง

ร.ต.ท.หญิงศุภนิจ มีพันธ์ ร้อยเวร สภ.เมืองเพชรบุรี สอบสวนทราบว่ากรณีดังกล่าวเป็นเหตุต่อเนื่องจากก่อนหน้านี้ มีวัยรุ่นชาย 1 คน ทราบชื่อนายประกายฟ้า โมราวงศ์ อายุ 20 ปี เข้ามารับการรักษา หลังถูกแทงเข้าชายโครงซ้ายทะลุปอดอาการสาหัส หลังทะเลาะวิวาทกับกลุ่มวัยรุ่นคู่อริที่ร้านหมูกระทะ ต.ท่าราบ อ.เมืองเพชรบุรี ขณะวัยรุ่นที่เป็นคู่กรณี เป็นผู้ใช้มีดแทงนายประกายฟ้า ซึ่งทราบชื่อต่อมาคือนายวัต ท่าหิน (สงวนชื่อนามสกุล) อายุ 17 ปี เข้ามารับการรักษาในเวลาใกล้เคียงกัน เพราะถูกตีศีรษะแตก

ตร.คุมสถานการณ์

ต่อมากลุ่มเพื่อนและญาตินายประกายฟ้ากว่า 10 คน เข้ามาเยี่ยมอาการและพบเห็นกลุ่มของนายวัตอยู่ด้านหน้าตึกฉุกเฉินจำนวนมาก จึงเกิดการโมโหพากันวิ่งกรูเข้าไปรุมชกต่อย ก่อเหตุทะเลาะวิวาทซ้ำ และลุกลามเข้ามาที่หน้าห้องฉุกเฉินจนเกิดความชุลมุนวุ่นวาย ผู้ป่วยรายอื่นต้องรีบอุ้มลูกและญาติหลบหนีกันจ้าละหวั่น เจ้าหน้าที่ร.พ.พระจอมเกล้าเพชรบุรี จึงโทรศัพท์ขอกำลังช่วยเหลือ กระทั่งตำรวจเข้าระงับเหตุ

รีบย้ายคนไข้

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่า เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ขอประณามการกระทำในลักษณะดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการก่อเหตุในโรงพยาบาล สถานที่ราชการ สถานศึกษา ภายในชุมชน หรือสถานที่อื่นใดๆ ก็ตาม ถือเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้เเก่ผู้อื่น หรือประชาชนใกล้เคียง โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้ฝากเหตุการณ์นี้ยกเป็นอุทาหรณ์ในการยกระดับมาตรการในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและการระงับเหตุ เพิ่มความเข้มข้นในการตรวจตราร.พ. สถานพยาบาล วงรอบความถี่ในสถานที่ล่อแหลมต่างๆ

วันรุ่งขึ้นวันที่ 10 ก.ย. พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เขตสุขภาพที่ 5 พร้อม นพ.ชุมพล เดชะอำไพ ผอ.ร.พ.พระจอมเกล้า เข้าแจ้งความกับแก๊งวัยรุ่นที่ก่อเหตุโดยยืนยันต้องเอาเรื่องจนถึงที่สุด

นพ.ชุมพล เดชะอำไพ ผอ.ร.พ.พระจอมเกล้า

“ต้องชื่นชมพยาบาลเวรหัวหน้าห้องฉุกเฉิน ที่ประสานสั่งการได้อย่างรวดเร็ว เป็นระบบ ทำให้ ผู้บาดเจ็บ ผู้ป่วยอื่นๆ ปลอดภัย อุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ รวมถึงเครื่องมือแพทย์ไม่ได้รับความเสียหาย ที่สำคัญระหว่างเกิดเหตุยังสามารถบริการผู้ป่วยได้ตามระบบ ทั้งนี้ได้สั่งการให้ทางโรงพยาบาลแจ้งความดำเนินการทางกฎหมายกับกลุ่มผู้ก่อเหตุทะเลาะวิวาทให้ถึงที่สุด” พญ.อัมพรกล่าว

ขณะที่พ.ต.ต.ศราวุธ มาลัย สว. สอบสวน สภ.เมืองเพชรบุรี เรียกตัวนายวัต ที่ตกเป็นผู้ต้องหาที่ใช้มีดแทง นายประกายฟ้า มาสอบปากคำเพิ่มเติม เบื้องต้นเปิดเผยว่า ตนไม่ได้ตั้งใจจะไปหาเรื่องอีกฝ่าย ตนเป็นฝ่ายถูกกระทำก่อนที่ ร้านหมูกระทะ ขณะนั้นตนกำลังขี่รถจักรยานยนต์ไปกับเพื่อน 2 คน ระหว่างทางเจอกับนายประกายฟ้า ท้าทายและพูดจาหยาบคายใส่อยู่ข้างทาง

เมื่อไปถึงร้านหมูกระทะก็เจอกับอีกฝ่ายกินอยู่ก่อนหน้าแล้ว จังหวะที่ตนกำลังตั้งขาตั้งรถจักรยานยนต์ นายประกายฟ้าได้ขว้างแก้วมาใส่ที่หัวทันที ตนก็ขี่รถหนีไปกับเพื่อน และนำมีดจากใต้สะพานข้ามคลองชลประทานที่อยู่ใกล้เคียงย้อนกลับมาที่ร้านอีกครั้งและเกิดการชุลมุนกัน ตนได้แทงนายประกายฟ้าจริงแต่เป็นเพียงการป้องกันตัวเท่านั้น หลังจากนี้จะไม่ไปมีเรื่องกับใครแล้ว เพราะเข็ดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

คุมแก๊งโจ๋ส่งฝากขัง

ขณะเดียวกันเมื่อสอบปากคำฝ่ายคู่กรณีก็อ้างว่าฝ่ายนายวัตเป็นฝ่ายเริ่มท้าทายหาเรื่องก่อน

ด้านพ.ต.อ.รณกร ประคองศรี ผกก.สภ.เมืองเพชรบุรี เปิดเผยว่า สำหรับคดีตำรวจแยกเป็น 3 คดี ทางสภ.เมืองติดตามผู้ต้องหามาได้ทั้งหมดแล้ว ซึ่งได้สอบสวนและฝากขังไปบางส่วนแล้ว ส่วนข้อหาแยกเป็น 3 ข้อหา โดย ข้อหาที่ 1 ที่เกิดเหตุหมูกระทะข้อหาร่วมกันพยายามฆ่า มีผู้ต้องหา 3 ราย ข้อหาที่ 2 ร่วมกันทำร้ายร่างกายในสถานที่ราชการ มีผู้ต้องหา 12 ราย ข้อหาที่ 3 ร่วมกันบุกรุกสถานที่ราชการในเวลากลางคืน มีผู้ต้องหาทั้งหมด 13 ราย

สั่งเสียเพื่อน

ปัญหาไม่ใช่อยู่ที่ว่าใครจะเริ่มก่อน เริ่มหลัง แต่เพราะสถานที่นั้นเป็นโรงพยาบาล เมื่อไม่เคารพกฎกติกามรรยาทของสังคม ก็ต้องให้กฎหมายเป็นเครื่องมือกำราบแทน

กัมปนาท ขันตระกูล
กิตติศักดิ์ รื่นรวย
เรื่อง/ภาพ