คอลัมน์ แฟ้มคดี

เป็นการพลิกคำให้การอีกครั้ง สำหรับกรณีพ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรมช.พาณิชย์ ที่ตกเป็นจำเลยในคดีอุกฉกรรจ์หลายต่อหลายคดี

ทั้งการสังหาร เสี่ยชูวงษ์ แซ่ตั๊ง การทำเอกสารปลอมโอนหุ้นมูลค่ากว่า 300 ล้านของเสี่ยชูวงษ์ให้กับพริตตี้คนสนิท

ครั้งถูกจับกุม

ตลอดจนการอุ้มฆ่าผู้พิพากษาที่กำลังจะตัดสินในเรื่องคดีหุ้น

สุดท้ายก็ถูกจับกุมดำเนินคดี แถมยังฟุ้งวางแผนแหกคุก ใช้เฮลิคอปเตอร์พาหนี

แต่แล้วก็ไม่รอดถูกจับพิรุธได้ก่อน

มาในการสืบพยานการอุ้มฆ่าพี่ผู้พิพากษา จากเดิมที่พ.ต.ท.บรรยิน ปฏิเสธมาตลอดก็กลับรับสารภาพ
เล่าถึงนาทีโหดอย่างละเอียดยิบ

ที่เหลือก็แค่การพิจารณาของศาล ว่าจะมีผลอย่างไร

บรรยินพลิก-รับ อุ้มฆ่าพี่ผู้พิพากษา

สำหรับการกลับคำมาเป็นรับสารภาพของพ.ต.ท.บรรยิน เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติ มิชอบกลาง นัดสืบพยานคดีอุ้มฆ่านายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ พี่ชายผู้พิพากษา ซึ่งมีจำเลยประกอบด้วย พ.ต.ท.บรรยิน อายุ 56 ปี อดีตรมช.พาณิชย์ นายมานัส ทับทิม อายุ 67 ปี นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ อายุ 48 ปี นายชาติชาย เมณฑ์กูล อายุ 31 ปี นายประชาวิทย์ หรือตูน ศรีทองสุข อายุ 33 ปี และด.ต.ธงชัย วจีสัจจะ หรือส.จ.อ๊อด อายุ 63 ปี เป็นจำเลยที่ 1-6

สำหรับคดีนี้ อัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 3 ยื่นฟ้องจำเลยทั้งหกเมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2563 จำเลยที่ 2-6 ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ สำหรับ นายณรงค์ศักดิ์จำเลยที่ 3 แถลงให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยทนายความจำเลยที่ 3 ขอยื่นคำให้การในวันนัดตรวจหลักฐาน ส่วนพ.ต.ท.บรรยิน จำเลยที่ 1 ขณะนี้ถูกแยกไปขังยังเรือนจำกลางบางขวาง หลังมีข่าววางแผนเพื่อหลบหนีออกจากเรือนจำและจับตัวประกัน

ทำแผนหน้าศาล

ซึ่งการนัดครั้งนี้เพื่อตรวจพยานหลักฐานและกำหนดวันนัดพิจารณา
โดยจำเลยที่ 1, 2, 4, 5 ยื่นคำให้การใหม่ พ.ต.ท.บรรยินยื่นคำร้องขอถอนคำให้การเดิมที่ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เป็นให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุในคดีนี้จริง โดยร่วมกับนายณรงค์ศักดิ์ จัดเตรียมอุปกรณ์ เช่น น้ำมัน ยางรถยนต์ สังกะสี อิฐบล็อก เพื่อไปใช้เผาทำลายศพนายวีรชัย โดยนำอุปกรณ์ดังกล่าวไปไว้ยังจุดเกิดเหตุที่เผาศพนายวีรชัย ที่บริเวณเขาใบไม้ อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2563

พร้อมให้การถึงรายละเอียดว่า เตรียมการจับตัวนายวีรชัยมาเพื่อบังคับ ขู่เข็ญและต่อรองคดีกับน.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาในคดีโอนหุ้น 300 ล้านบาทที่กำลังจะตัดสิน
ตั้งใจจะนำตัวนายวีรชัยไปกักขังไว้ที่บ้านพักที่ใช้สำหรับหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.ตาคลี และตั้งใจว่าหากน.ส.พนิดาไม่ตกลงยินยอม ก็พร้อมจะฆ่าและทำลายศพ ตามที่ได้เตรียมอุปกรณ์ไว้ก่อนหน้านี้

จากนั้นวันที่ 4 ก.พ. 2563 พ.ต.ท.บรรยินแต่งชุดตำรวจไปดักรอนายวีรชัยที่หน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ แล้วล็อกตัวนายวีรชัย จากหน้าศาลขึ้นรถโตโยต้า สปอร์ตไรเดอร์ เพื่อนำตัวไปยังจ.นครสวรรค์ ระหว่างทางนายวีรชัยดิ้นรนขัดขืนการควบคุมตัว นายณรงศักดิ์ที่นั่งอยู่เบาะหน้าคู่กับพ.ต.ท.บรรยินจึงหันไปต่อยนายวีรชัยให้หยุดการดิ้นรน แต่เป็นเหตุให้การวีรชัยถึงแก่ความตาย

สังหารตั้งแต่ยังไม่เจรจา!!

อ้างศาลทำหน้าที่ลำเอียง
จากนั้นน.ส.พนิดา โทรศัพท์มายังมือถือของนาย วีรชัยรวม 3 ครั้ง โดยมีนายณรงค์ศักดิ์เป็นคนพูดคุย โดยน.ส.พนิดายอมทำตามที่ถูกข่มขู่ แต่ขอคุยกับพี่ชายก่อน เมื่อนำโทรศัพท์มาให้นายวีรชัย พบว่านายวีรชัยเสียชีวิตแล้ว จึงไม่สามารถพูดสายได้ ทำให้การเจรจาไม่เป็นผล

พ.ต.ท.บรรยินและพวกจึงปิดโทรศัพท์ และนำศพ นายวีรชัยไปเผาเพื่อทำลายที่บริเวณเขาใบไม้ อ.ตาคลี ก่อนขับรถนำเถ้ากระดูก สังกะสี เศษยางรถยนต์ อิฐบล็อก ไปทิ้งตามจุดต่างๆ คือ ริมถนนข้างทางใกล้หมู่บ้านนิคมเขาบ่อแก้ว บริเวณใกล้สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา หมู่บ้านกลางแดด อ.เมือง จ.นครสวรรค์ จริง

ส่วนนายณรงค์ศักดิ์เป็นผู้นำโทรศัพท์ กระเป๋าสตางค์ของนายวีรชัย และแผ่นป้ายทะเบียนรถไปทิ้งที่แม่น้ำปิง แต่ผู้เดียว

เก็บหลักฐาน

นอกจากนี้พ.ต.ท.บรรยินยังระบุว่า ไม่มีเจตนาจะก่อเหตุดังกล่าวเพื่อกระทบกระทั่งต่อองค์กรศาล หรือก้าวล่วง หรือดูหมิ่นเหยียดหยามองค์กรศาล แต่เป็นเรื่องเฉพาะตัวด้วยเห็นว่า น.ส.พนิดาผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนในคดีอาญาของศาลอาญากรุงเทพใต้ ทำหน้าที่อย่างลำเอียง ขาดความเที่ยงธรรม และมีอคติ กับตน ในระหว่างการพิจารณาคดีดังกล่าวโดยตลอด ทำให้เกิดความกดดันและขาดสติยั้งคิดจึงได้กระทำความผิดในคดีนี้

นอกจากนี้ผู้ต้องหาที่เหลือก็เปลี่ยนคำให้การจากปฏิเสธเป็นรับสารภาพเช่นกัน
ที่น่าสนใจก็คือนายมานัส จำเลยที่ 2 ที่ให้การว่าร่วมขบวนการ ดังกล่าวด้วยการเป็นคนขับรถฟอร์ด เอเวอร์เรสต์ รับส่งพ.ต.ท.บรรยินและพวก รวมทั้งเป็นคนไปเฝ้าติดตามนายวีรชัย และน.ส.พนิดา ที่หน้าศาล และเป็นผู้ขับรถนำขบวนดูลาดเลาตามแยกต่างๆ มุ่งหน้าไปอ.ตาคลี ก่อนขับรถสปอร์ตไรเดอร์ ที่อุ้มผู้เสียหายไปจอดเก็บ แต่ไม่เกี่ยวข้องกับการเผาและทำลายหลักฐาน

จากการเปลี่ยนคำให้การดังกล่าวทำให้ศาลยกเลิกวันนัดสืบพยานหลักฐานตามที่กำหนดไว้เดิม และกำหนดวันนัดสืบพยานหลักฐานใหม่ นัดสืบพยานโจทก์ตั้งแต่วันที่ 12 ต.ค. 2563 และสืบพยานจำเลยวันที่ 26 และ 29 ต.ค. 63
ก่อนจะพิพากษาต่อไป

เปิดชนวนสังหารเสี่ยชูวงษ์

สำหรับชนวนเหตุจากคดีนี้ เริ่มต้นมาจากการที่พ.ต.ท.บรรยิน เข้ามามีส่วนพัวพันกับการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง กรรมการผู้จัดการบริษัทแสตนดาร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ จำกัด เสี่ยรับเหมาพันล้าน โดยเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2558 นายบรรยินขับรถเลกซัส ทะเบียน 1889 กทม. ของนายชูวงษ์ โดยมีนายชูวงษ์นั่งมาด้วย พุ่งชนต้นไม้ ที่ฝั่งตรงข้ามซอย 61 ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 แขวงและเขตสวนหลวง กทม.
โดยนายชูวงษ์เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ตรงเบาะข้างคนขับในสภาพหัวมุดเข้าไปในคอนโซล แต่พ.ต.ท.บรรยิน ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
เมื่อต้นคิดว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่เมื่อญาติผู้ตายยื่นเรื่องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนเพราะเชื่อว่าเป็นฆาตกรรมอำพราง เพราะผลชันสูตรของนิติเวชพบว่ามีอาการสมองบวม ซี่โครงหักหลายซี่ ไม่ใช่คอหักตายเหมือนที่โรงพยาบาลระบุ

พริตตี้คดีโอนหุ้น

อีกทั้งมีประเด็นว่าก่อนตายมีการโอนหุ้นแบบผิดปกติให้กับ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล พริตตี้สาว และน.ส.ศรีธรา พรหมา แม่ของน.ส.อุรชา วชิรกุลฑล อายุ 26 ปี มูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาท
ขณะที่พ.ต.ท.บรรยินระบุว่า วันเกิดเหตุไปตีกอล์ฟร่วมกับเพื่อนที่เรียนวิทยาลัยตลาดทุน ขากลับนายชูวงษ์ เมามาก เลยขับรถมาส่ง ยืนยันว่าเป็นอุบัติเหตุ ส่วนที่โอนหุ้นให้น.ส.กัญฐณา ก็เพราะมีลูกด้วยกัน จึงโอนหุ้นให้ด้วยสเน่หา ส่วนน.ส.อุรชา ก็เพราะเป็นแฟนสาวอีกคน

ต่อมาครอบครัวนายชูวงษ์ยื่นฟ้องคดีฆาตกรรมซึ่งอยู่ในการพิจารณาของของศาลพระโขนง ขณะที่มีหลักฐานชัดเจนเมื่อไล่กล้องวงจรปิด พบว่ามีช่วงเวลาที่หายไปตั้งแต่ออกจากสนามกอล์ฟ ไปจนถึงที่เกิดเหตุประมาณ 1 ชั่วโมง

เป็นช่วงเวลาก่อเหตุฆาตกรรม

ขณะที่คดีโอนหุ้นอยู่ในความรับผิดชอบของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่กำลังจะนัดอ่านคำพิพากษา ก่อนเกิดเหตุอุกอาจ

ไม่เพียงแค่นั้น ในช่วงมิ.ย.ที่ผ่านมา มีรายงานระบุว่าพ.ต.ท. บรรยิน วางแผนจะแหกคุกเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ขนาดวางแผนจะอุ้มภรรยาผบ.เรือนจำ เพื่อข่มขู่ ไม่เช่นนั้นจะมีการชิงตัวขณะไปศาล และเตรียมแผนใช้เฮลิคอปเตอร์ วางระเบิด และสร้างความปั่นป่วน ในเรือนจำ

ใช้วิธีให้ลูกน้องที่เจอกันในเรือนจำที่ถูกปล่อยตัวออกมาก่อนไปขอความช่วยเหลือจากอดีตส.ส.นครสวรรค์คนสนิท นำมาซึ่งการย้ายตัวด่วนไปอยู่เรือนจำบางขวาง ขณะผู้ที่ถูกพาดพิงปฏิเสธพัลวัน

ในชีวิตที่โชกโชน วันนี้มาสารภาพคดีอุ้มฆ่า

ยังเหลืออีกหลายคดีรอการพิจารณา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน