คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

ไม่มีใครล่วงรู้ได้เลยว่าตลอด 6 วันที่ผ่านมา นายเอ (นามสมมติ) อายุ 45 ปี เจ้าของร้านกิฟต์ช็อปแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ รู้สึกเช่นไรทุกครั้งที่มองหน้าลูกสาวคนที่สาม ที่เพิ่งคลอดได้เพียง 6 วัน ความจริงมาปรากฏเอาก็ต่อเมื่อเจ้าตัวมาร่ำไห้ต่อหน้าภรรยา ก่อนสารภาพว่าได้ลงมือก่อเหตุสยองขึ้นแล้ว

ย้อนไปเมื่อวันที่ 24 ก.ย. พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เพ็ชรมุณี ผกก.สภ.ช้างเผือก พ.ต.ท.จักรี วงศ์คำ รอง ผกก.สส.สภ.ช้างเผือก ร.ต.อ. นพดล เอกจิตร รอง สว.สอบสวน สภ.ช้างเผือก พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ช้างเผือก ควบคุมตัว นายอนุภาพ โจปัญญา อายุ 45 ปี เจ้าของร้านกิฟต์ช็อปแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ไปทำแผนประทุษกรรมประกอบคำรับสารภาพ หลังจากเมื่อวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้ก่อเหตุฆ่า ด.ญ.บี (นามสมมติ) อายุ 6 วัน ลูกสาวคนที่ 3 ของตัวเอง

นายอนุภาพแสดงท่าทางขณะการทำแผนฯ เริ่มด้วยการนำตัวลูกสาวตัวน้อยที่กำลังหลับสนิทจากที่นอน พาขึ้นรถขับออกจากบ้านไปจอดที่ร้านขนมจีนชื่อดัง แห่งหนึ่งย่านเจ็ดยอด ในตัวเมืองเชียงใหม่ ก่อนใช้น้ำยา ล้างห้องน้ำกรอกปากลูกสาวจนหมดขวด ลูกสาวร้อง จนขาดใจตายคาอ้อมอกของตนเอง จากนั้นก็นำศพลูก ห่อผ้าแล้วนำไปขุดหลุมฝังเพื่ออำพรางคดีที่สุสานคริสต์ หมู่ 9 บ้านใหม่ริมคลอง ต.ลวงเหนือ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่

จุดเริ่มต้นของคดีสยองถูกเปิดเผยขึ้นสืบเนื่องจากเมื่อช่วงเย็นวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา ภรรยาของนายอนุภาพเข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.ช้างเผือก ว่า ลูกสาวอายุ 6 วันหายตัวไป หลังสามีอุ้มพาไปเยี่ยมญาติในช่วงเช้าและยังไม่สามารถติดต่อได้ สงสัยว่าจะเกิดเหตุร้าย

เมื่อตำรวจสอบถามข้อมูลลึกๆ เจ้าตัวก็เผยว่า ที่มาแจ้งความเพราะสงสัยในตัวสามี เนื่องจากรู้อยู่ลึกๆ ว่าสามีคาดหวังว่าลูกคนที่สามจะต้องเป็นผู้ชายจะได้ไว้สืบสกุล แต่พอเป็นลูกสาว สามีจึงผิดหวังมากและยังดูเหินห่างกับลูกอย่างผิดสังเกต

ภรรยาของนายอนุภาพให้การว่า แต่งงานอยู่กินกับนายอนุภาพจนมีพยานรักด้วยกัน 2 คนก่อนหน้านี้ เป็นเด็กหญิงอายุ 9 ขวบ และ 7 ขวบ ซึ่งตลอดมาสามีอยากได้ลูกผู้ชายมาสืบสกุล เพราะมีเชื้อสายจีน กระทั่งตนเองตั้งท้องได้ 4 เดือนก็ไปอัลตราซาวด์ดู ก็พบว่าทารกในท้องเป็นเพศหญิง

ตอนนั้นสามีก็ไม่พอใจอยากให้ทำแท้ง แต่ตนเองและญาติก็อยากเอาลูกไว้ จนเด็กคลอดออกมาเป็นทารกเพศหญิง ออก โรงพยาบาลมาได้ 2 วันจนลูกอายุได้ 7 วัน ตอนเช้าวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา นายอนุภาพก็มาขอพาลูกไปพบญาติ และหายไปทั้งวันติดต่อไม่ได้ จึงได้แจ้งความที่ สภ.ช้างเผือก

สุดท้ายสิ่งที่กลัวก็เป็นจริง เมื่อเย็นวันนั้นเองนายอนุภาพกลับมาบ้านแล้วมากอดภรรยา บอกว่า “ลูกไม่อยู่กับเราแล้ว” แต่ก็ไม่ยอมบอกความจริง โดยอ้างว่าลูกถูกแก๊งลักเด็กลักพาตัวไป

ตํารวจนำตัวนายอนุภาพมาสอบสวนปากคำ ซึ่งตลอดเวลาที่มีการซักถาม พูดคุยเจ้าตัวมีอาการตื่นตระหนกและมี ข้อพิรุธหลายอย่าง จึงนำตัวมาสอบปากคำอย่างละเอียดที่ สภ.ช้างเผือก ไม่นานนัก นายอนุภาพก็เปิดปากให้การรับสารภาพด้วยน้ำตานองหน้าว่าเป็นคนฆ่า ด.ญ.บี ลูกสาว โดยใช้น้ำยาล้างห้องน้ำกรอกปากจนถึงเสียชีวิต ก่อนนำศพไปฝังที่สุสานดังกล่าว

เจ้าตัวรู้สึกผิดและร้องไห้กับสารภาพ กับภรรยาว่าได้ฆ่าลูกสาวตัวน้อยของตนเอง จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงประสานหน่วยกู้ภัยไปตรวจสอบและขุดนำศพเด็กหญิงขึ้นมาและส่งชันสูตรที่แผนกนิติเวช โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ดำเนินการชันสูตรพลิกศพเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง

ส่วนสาเหตุที่ลงมือก่อเหตุนั้น นายอนุภาพพ่อโหดระบุว่า เนื่องมาจากความผิดหวังอย่างหนักที่ได้ลูกสาวอีกเป็นคนที่สาม หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีลูกสองคนแรกเป็นลูกสาวทั้งหมด แต่อยากได้ลูกชายสืบสกุล

นายอนุภาพบอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เพิ่งมาเริ่มคิดเรื่องการลงมือก่อเหตุหลังจากที่ลูกสาวเกิดมาแล้ว แต่พอเห็นลูกร้องจนสิ้นใจตายในอ้อมกอดของตนก็รู้สึกสงสารลูกและเสียใจอย่างมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น จึงยอมรับสารภาพ

ด้าน พ.ต.ท.จักรี วงศ์คำ รองผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรช้างเผือก เปิดเผยว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุเนื่องจากผิดหวังที่ลูกสาวคนที่สามคลอด ออกมาเป็นผู้หญิงอีก เพราะมีลูกสองคนแรกเป็นลูกสาวแล้ว และอยากได้ลูกชายไว้สืบสกุล ทั้งนี้จากการสอบปากคำไม่พบว่ามีปัญหาในครอบครัวและปัญหาการเงิน โดยพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและซ่อนเร้นอำพรางศพ” ก่อนส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เพราะยึดถือค่านิยมคร่ำครึ ที่กดขี่ เพศหญิงให้ต่ำต้อยกว่าเพศชาย สุดท้ายแม้แต่ความเป็นมนุษย์ก็ถูกพรากไปจาก ตัวเอง

กฤษณะ เชิญธงไชย
เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน