ผ่าชนวนฆ่าโหดพ่อเฒ่า
ทะเลาะเดือดปมค่าเช่าที่
จอบจามหัวแบะคาไร่มัน
คอลัมน์ สดจากสนามข่าว – ผ่าชนวนฆ่าโหดพ่อเฒ่า ทะเลาะเดือดปมค่าเช่าที่ จอบจามหัวแบะคาไร่มัน- หลายคนคงเคยตั้งคำถามว่า เกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทย ทำไมคนเราเดี๋ยวนี้ฆ่ากันง่ายดาย คดีฆาตกรรมหลายคดีเกิดขึ้นโดยมีสาเหตุเพียงเล็กน้อย แต่สุดท้ายบานปลายจนจบลงด้วยความตาย!

ย้อนไปเมื่อสายวันที่ 17 ก.ย. ร.ต.อ.สุเทพ มรกตจักษุพันธุ์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.สำรอง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกทำร้ายเสียชีวิต บริเวณภายในไร่มันสำปะหลัง บ้านรางเข้ หมู่ 6 ต.พังตรุ หลังรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่มูลนิธิขุนรัตนาวุธ พร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 19 เดินทางเข้าตรวจสอบ

ทำแผนฯ นาทีฆ่า

ที่เกิดเหตุเป็นที่ดินอยู่ลึกเข้าไปจากถนนประมาณ 100 เมตร ที่ปรับสภาพพื้นที่สำหรับเตรียมทำไร่มันสำปะหลัง พบศพนายโปรย มั่นคง อายุ 63 ปี นอนเสียชีวิต สภาพศพสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีส้ม กางเกงยีนส์ มีร่องรอยการถูกตีด้วยของแข็งมีคม เข้าที่ด้านหลังศีรษะและท้ายทอยรวม 2 แผล

ตร.ตรวจที่เกิดเหตุ

แพทย์ชันสูตรเบื้องต้นสันนิษฐานว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ห่างจากจุดที่พบศพประมาณ 10 เมตร พบจอบปักอยู่กับพื้นดิน คาดว่าน่าจะเป็นอาวุธที่คนร้ายใช้ในการทำร้ายนายโปรย เนื่องจากพบรอยเลือดและเศษเส้นผมติดอยู่ที่จอบ

จากการสอบถามชาวบ้านทราบว่า ช่วงเช้ามืดมีคนได้ยินเสียงคนทะเลาะกัน ก่อนจะเงียบหายไป กระทั่งช่วงสาย จึงมีผู้มาพบศพนายโปรยอยู่ภายในไร่มัน

จอบอาวุธสังหาร

ด้าน น.ส.เบญจวรรณ อายุ 52 ปี น้องสาวผู้เสียชีวิต กล่าวว่า นายโปรยมาเช่าที่ดินบริเวณจุดเกิดเหตุ เพื่อทำไร่ข้าวโพดและไร่มันสำปะหลัง มาได้ประมาณ 6 เดือนเศษ เมื่อคืนที่ผ่านมาออกจากบ้านและบอกว่าจะมานอนค้างที่กระท่อมในไร่มัน เพื่อจะได้เตรียมปลูกมันตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่

กระทั่งช่วงสาย ตนได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนบ้านใกล้เคียงไร่มันสำปะหลัง ว่า นายโปรยถูกทำร้ายนอนเสียชีวิตอยู่ภายในไร่มัน จึงรีบขับรถมาดูและโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจมุ่งปมการสังหารไปที่เรื่องของความขัดแย้งเกี่ยวกับการเช่าที่ดินแปลงเกิดเหตุ เนื่องจากนายโปรยเป็น ผู้เช่ารายใหม่ มีปัญหาทะเลาะและมีปากเสียงกับนายพงษ์พันธ์ หรือ เตย บุตรพิมพ์ อายุ 38 ปี ที่เป็นอดีตเจ้าของที่ดินแปลงเกิดเหตุ

พาค้นหาหลักฐาน

หลังได้ข้อมูลตำรวจติดตามไปที่บ้านของนายเตย ซึ่งอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่งมาสอบปากคำ เพื่อสืบสวนว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุหรือไม่ แต่ยังไม่พบตัวจึงรวบรวมพยานหลักฐานไปขอศาลจังหวัดกาญจนบุรีอนุมัติหมายจับนายเตยในข้อหาฆ่า “ผู้อื่นโดยเจตนา” ในวันที่เกิดเหตุนั้นเองตำรวจพยายามติดตามกดดันอย่างหนักแต่ก็ยังไม่สามารถจับกุมตัวนายเตยได้ ขณะที่ญาติๆ ของผู้ตายต่างหวาดผวาอยากให้รีบจับกุมให้ได้โดยเร็ว ต่างเชื่อกันว่านายเตยยังคงหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ โดยมีคนคอยส่งข้าวส่งน้ำให้
ขณะที่ลูกสาวของผู้ตายเผยถึงสาเหตุที่นายเตยลงมือสังหารโหดพ่อของตนว่า น่าจะมาจากปัญหา

 

เรื่องการเช่าที่ดินแปลงที่เกิดเหตุในการทำไร่มันสำปะหลัง เนื่องจากที่ดินแปลงดังกล่าว แต่เดิมเป็นที่ดินของบ้านนายเตย แต่ได้ขายให้กับเจ้าของที่คนปัจจุบันซึ่งเป็นชาวอำเภอท่าม่วงไปนานแล้ว ต่อมาพ่อของตนได้ไปติดต่อขอเช่าที่เพื่อทำการเกษตร และได้จ่ายเงินค่าเช่าให้กับนายเตย

พ่อมารู้ทีหลังว่าที่ดินแปลงดังกล่าวได้เปลี่ยนเจ้าของไปแล้ว จึงเลิกจ่ายค่าเช่าให้นายเตยและตัดสินใจไปติดต่อเช่ากับเจ้าของที่ดินโดยตรง ทำให้นายเตยเกิดความไม่พอใจ จนนำมาสู่การลงมือสังหารโหดพ่อของตนในครั้งนี้ ซึ่งหลังจากลงมือก่อเหตุ นายเตยก็ยังกลับไปกินข้าวที่บ้านของตัวเอง เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กระทั่งทราบข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอศาลอนุมัติออกหมายจับแล้ว จึงหลบหนีไปซ่อนตัว

โผล่มอบตัว

นายพงษ์พันธ์ หรือเตย ถูกชุดสืบสวนไล่ล่ากดดันอย่างหนัก ทั้งส่งกำลังเฝ้าติดตามสะกดรอยญาติพี่น้อง คนรู้จัก จนไม่สามารถให้ความช่วยเหลือได้ จนผ่านมาหลายวันความพยายามของตำรวจก็ประสบผล เมื่อวันที่ 24 ก.ย. นายเตยที่ทนแรงกดดันของเจ้าหน้าที่ไม่ไหว ตัดสินใจออกจากที่หลบซ่อนได้เดินทางเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำรอง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี โดยมีผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้นำตัวมา

จากการสอบสวนเบื้องต้นเจ้าตัวให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุสังหารนายโปรยจริง โดยสาเหตุมาจากปัญหาค่าเช่าที่ดิน ที่นายโปรยมาเช่าไว้ทำไร่มันสำปะหลัง จนมีปากเสียงกันหลายครั้ง กระทั่งวันเกิดเหตุทั้งคู่มีปากเสียงกระทบกระทั่งกัน ก่อนที่นายโปรยซึ่งกำลังขุดดินอยู่จะใช้จอบทุบตีตน ทำให้ตนเกิดความโมโหและยื้อแย่งจอบกัน แต่ด้วยความที่นายโปรยมีอายุมากจึงสู้แรงของตนไม่ได้ ถูกตนเหวี่ยงจนล้มลงกับพื้น จากนั้นจึงใช้จอบที่แย่งมาได้ฟันเข้าที่ศีรษะของนายโปรยซึ่งล้มกองอยู่กับพื้น 2 ครั้งจนเสียชีวิต

หลังจากทำการสอบปากคำเสร็จเป็น ที่เรียบร้อย ตำรวจควบคุมตัวนายพงษ์พันธ์ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุ ก่อนส่งตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 19 เนื่องจากระหว่างหลบหนีการจับกุม นายพงษ์พันธ์ซ่อนตัวอยู่ภายในป่าอ้อยเป็นเวลาหลายวัน มีอาการขาดน้ำและสารอาหารจนร่างกายอ่อนเพลียอย่างหนัก หลังจากนี้ตำรวจ จะได้นำตัวส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรีต่อไป

เกตุแก้ว จงเจริญ

เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน