คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

อุ้มฆ่า‘เสี่ยโคนม’ – คนบ้านใกล้เรือนเคียงหนักนิดเบาหน่อย อภัยให้กันได้ก็ควรหยวนๆ กันไป เพราะเมื่ออยู่บ้านใกล้กันแล้วก็ ต้องอยู่กันไปอีกนาน ใช่จะย้ายบ้านหนีกันได้ง่ายๆ เสียเมื่อไหร่

แต่หากมาเจอบางคนที่เคมีไม่ตรงกันชนิดที่ว่าแค่เห็นก็รู้สึกเกลียดขี้หน้ากัน แล้วล่ะก็คงเป็นเรื่องยากที่จะอยู่กันอย่างสงบสุข ดีไม่ดีอาจกลายเป็นเรื่องราวสยองเอาง่ายๆ

เช่นคดีที่เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่สภ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี เมื่อ พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภาค 1 เดินทางมา สอบปากคำนายมนูญ หลัดดี อายุ 44 ปี และนายณรงค์ฤทธิ์ รักสระน้อย ผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมนายอดุลย์ มีทองขาว อายุ 39 ปี อาชีพเลี้ยงโคนม เมื่อวันที่ 5 ต.ค. หลังทั้งคู่ถูกจับกุมพร้อมอาวุธปืนคาร์บิน 1 กระบอก ที่ใช้ก่อเหตุ

อุ้มฆ่า‘เสี่ยโคนม’ ศพทิ้งป่ายูคามวกเหล็ก จับคู่อริกับหลานคนตาย : สดจากสนามข่าว

สภาพศพกลางป่า

 

ต้นสายปลายเหตุของคดีสยองนี้สืบเนื่องจาก เมื่อเช้าวันที่ 4 ต.ค. ร.ต.อ.วสันต์ ลำดวน รอง สว.(สอบสวน) สภ.มวกเหล็ก รับแจ้งเหตุจากนางหนูกร มีทองขาว อายุ 50 ปี ให้ช่วยติดตามตัวนายอดุลย์น้องชายที่หายตัวไปจากบ้านพักเลขที่ 2 หมู่ 9 ต.ซับสนุ่น อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี เกรงจะเกิดเหตุร้าย เนื่องจากบ้านพักของนายอดุลย์มีร่องรอยการต่อสู้และมีรอยเลือดกระจายอยู่จำนวนมาก

เบื้องต้นคนงานชาวต่างด้าวที่พักอยู่ ในฟาร์มให้เบาะแสว่า ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ และเห็นรถเก๋งสีดำแล่นออกจากบ้านพักของนายอดุลย์ไปตั้งแต่เวลา 04.00 น. เจ้าหน้าที่จึงรีบไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมกระจายกำลังออกติดตามตัวนายอดุลย์

อุ้มฆ่า‘เสี่ยโคนม’ ศพทิ้งป่ายูคามวกเหล็ก จับคู่อริกับหลานคนตาย : สดจากสนามข่าว

บ้านผู้เสียชีวิต

 

ต่อมาเวลา 17.00 น. วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากชาวบ้าน ม.8 ต.หนองย่างเสือ ว่าพบศพผู้ถูกยิงเสียชีวิตในสวนยูคาลิปตัสในพื้นที่ดังกล่าว จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบผู้ตายเป็นชาย สวมเพียงกางเกงขาสั้นสีเทา บริเวณขมับซ้ายตรวจพบมีรอยถูกกระสุนปืนยิงทะลุขมับขวา และศีรษะมีรอยแตกเป็นแผลฉกรรจ์ ตรวจในตัวไม่พบหลักฐาน จึงประสานนางหนูกรมาดูศพ กระทั่งยืนยันว่าคือนายอดุลย์ เจ้าหน้าที่พฐ.เก็บหลักฐานทั้งหมดในที่เกิดเหตุ ก่อนส่งศพให้แพทย์ผ่าชันสูตรการเสียชีวิตที่แท้จริง

หลังพบศพต่อมาเวลา 18.00 น. วันเกิดเหตุ พ.ต.ท.ครรชิต จันทเลิศ รอง ผกก.สส.สภ.มวกเหล็ก พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเชิญตัวผู้ต้องสงสัยคือ นายมนูญ หลัดดี อายุ 44 ปี ซึ่งประกอบอาชีพเลี้ยงโคนมอยู่ห่างจากบ้านผู้ตายประมาณ 800 เมตร มาซักถามที่ สภ.มวกเหล็ก เนื่องจากมีข้อมูลว่าทั้งคู่มีเรื่องขัดแย้งกันเคยถูกผู้ตายแจ้งจับมาแล้ว และที่สำคัญนายมนูญมีรถเก๋งสีดำซึ่งตรงกับที่พยานเห็นขับออกจากบ้านผู้ตาย เบื้องต้นนายมนูญให้การปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นเกี่ยวกับการตายของนายอดุลย์ แต่เจ้าหน้าที่เค้นสอบปากคำนานหลายชั่วโมงก่อนสารภาพว่า มีเรื่องขัดแย้งกับผู้ตายหลายเรื่อง ล่าสุดถูกกล่าวหาว่าขโมยไม้เก่าที่นายอดุลย์รื้อจากบ้านเดิมและแจ้งตำรวจให้ดำเนินคดีจนเกิดความโกรธแค้น

อุ้มฆ่า‘เสี่ยโคนม’ ศพทิ้งป่ายูคามวกเหล็ก จับคู่อริกับหลานคนตาย : สดจากสนามข่าว

ตำรวจเค้นความจริง

 

ก่อนก่อเหตุนั่งดื่มสุราเพียงลำพัง แล้วตัดสินใจขับรถยนต์โตโยต้า อัลติส สีดำ ทะเบียน สห 5953 กรุงเทพมหานคร ไปบ้านผู้ตาย อ้างว่าจะไปพูดจาทำความเข้าใจกัน แต่เมื่อไปถึงกลับงัดบานเกล็ดหน้าต่างแล้วปีนเข้าไปในบ้าน แต่ผู้ตายมาเห็นเข้าจนเกิดการต่อสู้กันขึ้น จึงฉวยท่อนไม้ที่อยู่ในบ้านที่เกิดเหตุฟาดจนผู้ตายหมดสติแล้วอุ้มขึ้นรถเก๋งนำไปทิ้งที่สวนยูคาลิปตัสใน ต.หนองย่างเสือ แต่เห็นว่าผู้ตายยังไม่เสียชีวิตจึงใช้อาวุธปืนคาร์บินที่ซื้อเก็บไว้นานยิงซ้ำจนเสียชีวิต ก่อนขับรถกลับบ้านพักทำเป็นไม่รู้เห็นอะไร กระทั่งตำรวจตามไปจับกุมดังกล่าว

แม้จะได้คำสารภาพแล้ว แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหาที่ว่าก่อเหตุเพียงคนเดียว เนื่องจากผู้ตายมีรูปร่างใหญ่กว่าไม่มีทางที่จะลงมือก่อเหตุตามลำพัง แม้ผู้ต้องหาจะยืนยันว่าเป็นคนทำงานหนักมาตลอดสามารถแบกกระสอบข้าวสารหรือถังนมได้ด้วยตัวเอง จึงเค้นสอบสวนเพิ่มเติมจนยอมเปิดปากอีกครั้งว่ามีนายณรงค์ฤทธิ์ซึ่งสนิทกันและมีศักดิ์เป็นหลานชายผู้ตายร่วมอยู่ในเหตุการณ์ด้วย

คราวนี้นายมนูญยอมให้การตามจริงว่า ก่อนเกิดเหตุตนกับนายณรงค์ฤทธิ์ขับรถไปที่บ้านของนายอดุลย์เพื่อจาพูดปรับความเข้าใจกันโดยนายณรงค์ฤทธิ์อาสามาเป็นกาวใจให้

แต่การปรับความเข้าใจไม่เป็นผลจนเกิดวิวาทกันขึ้นอีก ด้วยความโมโหและอารมณ์ชั่ววูบตนจึงใช้ค้อนยางในบ้านหลังดังกล่าวฟาดนายอดุลย์จนหมดสติ แล้วพาตัวขึ้นรถไปทิ้งที่สวนยูคาลิปตัสและยิงจนเสียชีวิตเพียงลำพังเท่านั้น ส่วนนายณรงค์ฤทธิ์ไม่ได้ให้ความช่วยเหลืออะไร และยังต่อว่าที่ทำร้ายและฆ่าญาติต่อหน้าต่อตาก่อนแยกย้ายกันกลับ ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุตนฝากไว้ที่นายณรงค์ฤทธิ์

หลังสอบสวนเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวนายมนูญไปตรวจยึดอาวุธปืนซึ่งซุกซ่อนในรถกระบะมิตซูบิชิ สีเทา ทะเบียน บม 4796 กาญจนบุรี พร้อมนำตัวนายณรงค์ฤทธิ์มาสอบสวนซึ่งให้การสอดคล้องกัน โดยนายณรงค์ฤทธิ์ยืนยันว่า ตั้งใจเข้าไปคุยคิดว่าปรับความเข้าใจกัน ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุรุนแรงขึ้น พยายามห้ามนายมนูญแต่ไม่ทัน ตอนนายมนูญนำร่างนายอดุลย์ไปทิ้งในป่า ตนนั่งรถมาด้วยแต่ไม่ลงจากรถเพราะไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวด้วย

ความรุนแรงไม่เคยแก้ปัญหาอะไรได้ มีแต่จะสร้างปัญหาเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น

เสรี สุพรรณ์นอก/ชาญวิทย์ คำนวนวุฒิ

เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน