คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

ผ่าแผนฌาปนกิจมรณะ – บ่ายวันที่ 5 ต.ค. พ.ต.อ.มาโนช สุดสวาท ผกก.แม่ริม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ นำกำลังเข้าคลี่คลายคดีคนร้ายฆ่าโหด นายอนันต์ ทองมารย์ อายุ 58 ปี ชาว อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ บริเวณที่พักใต้สะพานข้ามแม่น้ำปิง ต.ขี้เหล็ก อ.แม่ริม หลังเจ้าตัวถูกคนร้ายใช้มีดฟันตั้งแต่ท้ายทอยจนถึงศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์จนคอเกือบขาด

ทำแผนฯนาทีฆ่าโหด

ตำรวจตรวจสอบประวัติพบว่านายอนันต์แต่งงานและย้ายมาอยู่บ้านกับภรรยาที่หมู่บ้านซางได้ประมาณ 10 ปี ก่อนจะหย่าร้างกันเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา จากนั้นภรรยาย้ายบ้านไปอยู่ที่อื่น เจ้าตัวไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง จึงมาอาศัยอยู่ใต้สะพานข้ามแม่น้ำปิง

คุมนางบัวลอย ทะลา สอบสวน

ก่อนเสียชีวิตนายอนันต์นั่งดื่มสุรากับนายปั๋นแก้ว ขันแก้ว ชาว ต.ขี้เหล็ก อ.แม่ริม จึงคุมตัวไปสอบปากคำจนยอมรับสารภาพว่า เป็นคนฆ่านายอนันต์จริง และให้การซัดทอดว่า นางบัวลอย ทะลา อายุ 61 ปี เป็นคนจ้างวานให้เขาฆ่า นายอนันต์ โดยได้รับค่าจ้างจำนวน 40,000 บาท

ตำรวจคุมตัวนางบัวลอยไปสอบปากคำ เบื้องต้นเธอยังปฏิเสธว่าไม่ได้จ้างให้นายปั๋นแก้วไปฆ่านายอนันต์ เพียงแต่บอกให้ไปทำร้ายสั่งสอนนายอนันต์เท่านั้น เพราะไม่พอใจที่นายอนันต์มีเรื่องทะเลาะกับเธอที่ร้านเหล้า และไปบอกชาวบ้านว่าเธอคบชู้กับเขา

คดีที่น่าจะปิดลงได้หลังจับได้ทั้งคนบงการและมือสังหาร กลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนขึ้นไปอีก เมื่อตำรวจพบว่านายอนันต์ผู้ตาย มีเงินฌาปนกิจจำนวนหนึ่งที่ทายาทจะได้รับหลังเจ้าตัวเสียชีวิต แต่ผู้รับผลประโยชน์กลับเป็นชื่อนางบัวลอย ยิ่งกว่านั้นเมื่อตรวจสอบย้อนหลังไปยังพบว่าเป็นผู้ที่นำชื่อนายอนันต์ไปสมัครเป็นสมาชิกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ของหมู่บ้าน แถมยังเป็นผู้ส่งเงินเข้าสมทบด้วยตัวเอง

ชาวบ้านมุงดู

เมื่อมีกลิ่นทะแม่งๆ พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ สั่งการให้ พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รองผบก.สส.ภ.5 สืบสวนเรื่องราวทั้งหมดให้กระจ่าง แต่ยิ่งสาวลึกลงไปกลับพบข้อพิรุธมากมาย โดยตำรวจพบว่าก่อนหน้านี้มีผู้เสียชีวิตในหมู่บ้าน 5 ราย ที่สำคัญมีชื่อนางบัวลอยเป็นผู้รับผลประโยชน์เงินฌาปนกิจทั้งหมด

สภาพที่เกิดเหตุ

ขณะที่นายกุศล คำใส ผู้ใหญ่บ้านบ้านซาง เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้มีผู้เสียชีวิตในหมู่บ้าน 5 รายมีชื่อนางบัวลอยเป็นผู้รับผลประโยชน์เงินฌาปนกิจ จนชาวบ้านต่างพูดกันว่าถูกวางยา 2 ใน 5 รายตนไปตรวจสภาพศพพบความผิดปกติ โดยทั้งสองเหมือนกันก็คือ หนึ่งวันก่อนตายยังแข็งแรงปกติ แต่มาพบเป็นศพตอนรุ่งเช้าในสภาพผิวดำคล้ำและมีน้ำลายฟูมปากเล็กน้อย ยอมรับว่าสงสัยอยู่ในใจ แต่ทางญาติผู้ตายไม่ติดใจ จึงต้องให้ทางญาติประกอบพิธีศพไปตามความประสงค์

นอกจากทั้ง 5 รายนี้ ยังมีอดีตสามีของนางบัวลอยที่เสียชีวิตไป 2 คน คือ อดีตสามีคนแรก (จำชื่อไม่ได้) เสียชีวิตประมาณ 10 ปีก่อน และนายคำ ไม่ทราบนามสกุล อาชีพคนขับรถสี่ล้อแดงรับจ้าง เสียชีวิตขณะอายุประมาณ 70 ปี โดยพบเป็นศพนั่งเสียชีวิตในรถ ใกล้กับตลาดต้นพะยอม อ.เมืองเชียงใหม่ เมื่อประมาณ 7 ปีก่อน ซึ่งสองรายนี้ไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิต

ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นกับนายอนันต์รายล่าสุด ก่อนเสียชีวิตผู้ตายเคยเล่าให้เพื่อนในวงเหล้าฟังว่าถูกวางยามาแล้ว 4 ครั้ง แต่ตนก็ไม่เชื่ออะไรมาก เพราะนายอนันต์เป็นคนขี้เมา ล่าสุดปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา นายอนันต์มาเล่าให้ตนเองฟังว่าถูกวางยาอีก เรื่องนี้ตนเองก็ไม่ได้เชื่ออะไรมาก จนกระทั่งมาถูกฆ่าเสียชีวิต

ผู้ใหญ่บ้านยอมรับว่าการขอชื่อชาวบ้านไปเข้าสมาชิกฌาปนกิจ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านมานาน และการนำชื่อไปเข้าโดยที่ผู้รับผลประโยชน์ไม่ใช่ญาติก็ทำได้ง่าย แค่มาขอกันแล้วมอบหลักฐานให้ไปสมัครก็ได้เป็นสมาชิก ทราบว่านางบัวลอยทำแบบนี้มานานตั้งแต่อายุ 40 กว่าปี โดยอ้างว่าต้องการแบ่งเบาภาระการจัดงานศพให้กับครอบครัว และจะแบ่งเงินสงเคราะห์ให้กับครอบครัวเพื่อเป็นทุนต่อชีวิต

เหยื่อเล่าเหตุการณ์

ด้านนายจำรัส อายุ 64 ปี หนึ่งในชาวบ้านที่ถูกนางบัวลอยนำชื่อเข้าฌาปนกิจสงเคราะห์และรอดตายจากการถูกวางยา เปิดเผยว่า หลายปีก่อนนางบัวลอยมาขอกับลูกสาว เอาชื่อตนเข้าเป็นสมาชิกฌาปนกิจสงเคราะห์ ตนก็ไม่ขัดข้องแต่ไม่รู้ว่าไปสมัครไว้กี่ที่ จนกระทั่งกลางปี 61 นางบัวลอยมาหาที่บ้านเอายาแคปซูลมาให้ 2 ซอง อ้างว่าหลานเอามาจากญี่ปุ่นกินแล้วจะทำให้ร่างกายแข็งแรงและหายจากอาการอัมพฤกษ์ที่เป็นอยู่ ตนก็กินยาไป 3 เม็ดจากนั้นไม่ถึง 10 นาที นางบัวลอยย้อนกลับมาถามว่ากินยาหรือยัง พอบอกว่ากินแล้วก็อ้างว่าเอายาให้ผิด แล้วเก็บยาอีกซองที่เหลือออกไป

จากนั้นไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็เริ่มมีอาการกระวนกระวาย คลื่นไส้ อาเจียน คัน และเหงื่อออกทั่วตัว ดื่มน้ำไปเท่าไหร่ก็ไม่หาย จนหมดสติไปหลายชั่วโมง มารู้ตัวอีกที ก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว และแพทย์ได้ล้างท้องจนอาการปลอดภัย พอลูกสาวสอบ ถามนางบัวลอยกลับอ้างว่าไม่ได้เอายาอะไรให้

ด้านพ.ต.อ.ธวัชชัยเปิดเผยว่า แม้นางบัวลอยจะปฏิเสธ แต่หลักฐานพยานเราแน่นหนาจึงดำเนินการจับกุม นอกจากนี้จากข้อมูลเดิมเคยมีศพที่ตายปริศนา จำนวน 2 คดีในพื้นที่ใกล้กัน ที่มีนางบัวลอยรับผลประโยชน์จากเงินฌาปนกิจทั้งหมด ซึ่งชุดสืบสวนภาค 5 กำลังจะเข้าไปเร่งคลี่ปมว่าคดีที่เกิดขึ้นเสียชีวิตยังไง และทำไมนางบัวลอยจึงได้รับผลประโยชน์จากเงินเหล่านั้น

จากคดีฆ่ากันตายธรรมดา กลายเป็นคดีฆาตกรรมซับซ้อนซ่อนเงื่อน แต่ก็ไม่เกินความสามารถของตำรวจไทย เพราะเมื่อจับจุดได้ว่าสาเหตุมาจากเงิน ทุกอย่างก็คลี่คลาย

กฤษณะ เชิญธงไชย
วิชัย ทาเปรียว
เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน