ผ่าแผนจับ-โจรจี้ร้านทอง ออโรร่าบิ๊กซีรัตนาธิเบศร์ วงจรปิดมัดจนมุมโรงแรม

คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

ผ่าแผนจับ-โจรจี้ร้านทอง – เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 17 ต.ค. พล.ต.อ. สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผบ.ตร. พล.ต.ท. อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.สุภธีร์ บุญครอง รอง ผบช.ภ.1 พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รองผบก.จ.นนทบุรี พ.ต.อ.ดิเรก ยศนันท์ ผกก.สส.จ.นนทบุรี

ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายสมเกียรติ หรือ โก๊ะ ช่อผะกา อายุ 52 ปี ชาว จ.ฉะเชิงเทรา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 500/2563 ลงวันที่ 26 ต.ค.2563 ข้อหา “ชิงทรัพย์โดยมีอาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิดหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม”

นาทีลงมือ

นายสมเกียรติถูกจับพร้อมด้วยของกลางเป็นแหวนทองคำหนัก 1 สลึง 5 วง เงินสด 6,050 บาท โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง อาวุธปืนปลอม 1 กระบอก รถจยย. ฮอนด้าคลิก สีดำแดง ทะเบียน 1 กข-5656 พระนครศรีอยุธยา โดยจับกุมได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ก่อนจะนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพภายในร้านทองที่เกิดเหตุ

ที่มาของคดีดังกล่าวเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 14 ต.ค. เมื่อ พ.ต.ต.พิเศษศักดิ์ ขำทอง สว. (สอบสวน) สภ.รัตนาธิเบศร์ รับแจ้งเหตุคนร้ายจี้ชิงทรัพย์ร้านห้างเพชรทองออโรร่า ชั้น 2 ภายในห้าง บิ๊กซี สาขารัตนาธิเบศร์ ถ.รัตนาธิเบศร์ อ.เมือง จ.นนทบุรี จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จ.นนทบุรี และชุดสืบสวน

คุมทำแผนฯ

ที่เกิดเหตุอยู่ติดกับบันไดเลื่อนทางขึ้นภายในร้านพบ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 25 ปี พนักงานของร้านยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยความตกใจว่า เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ผ่านมา ขณะที่ตนกับเพื่อนพนักงานอีก 3 คนกำลังประชุมอยู่ในร้าน โดยเปิดประตูร้านประตูหน้าร้านไว้เพียงครึ่งบาน จู่ๆ ก็มีคนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 30-35 ปี ใช้ผ้าเช็ดหน้า ผืนใหญ่มัดปิดบังใบหน้า สวมเสื้อแจ๊กเกตแขนยาวสีกรมท่า กางเกงยีนส์ขายาว รองเท้าแตะแบบสวม ใส่ถุงมือสีขาวเข้ามาใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดจี้บังคับบอกให้ตนยกถาดที่บรรจุทองอยู่ในตู้โชว์ส่งให้ แต่ด้วยความตกใจตนจึงหยิบแค่แหวนทองวงละ 1 สลึงทยอยส่งให้รวม 11 วง ราคาประมาณ 90,000 บาท โดย ใช้เวลาก่อเหตุไม่ถึง 1 นาทีก็หลบหนีไป

ต่อมาเมื่อเวลา 16.00 น. วันเดียวกัน ที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี พ.ต.อ. โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รองผบก.จ.นนทบุรี สั่งการให้ตำรวจสืบสวนจังหวัดนนทบุรี สืบสวนสภ.รัตนาธิเบศร์ แบ่งหน้าที่กันเร่งติดตามคนร้าย ที่ก่อเหตุ โดยไล่ภาพจากกล้องวงจรปิด จนพบว่าคนร้ายขับขี่รถจยย.ฮอนด้า คลิก สีดำแดง ติดแผ่นป้ายทะเบียน แต่อยู่ระหว่างตรวจสอบชื่อผู้ครอบครองมาจากเขต อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี วิ่งมาตามถนนติวานนท์ เลี้ยวขวาผ่านแยกแคราย เข้าถนนรัตนาธิเบศร์ ผ่านหน้า สภ.รัตนาธิเบศร์ ก่อนเข้าไปก่อเหตุชิงทอง

หลังจากก่อเหตุคนร้ายได้หลบหนีไปตามถนนรัตนาธิเบศร์ ขาออกมุ่งหน้าสะพานพระนั่งเกล้า ไป ต.ลำโพ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี

เจ้าหน้าที่ยังพบอีกว่าคนร้ายได้หลบหนีเข้าไปภายในเมืองทองธานี ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยคนร้ายได้เปลี่ยนเสื้อผ้า เปลี่ยนหมวกกันน็อกจากสีแดงเป็น สีเหลือง เพื่อหวังตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจ

พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผบ.ตร. แถลงจับ

กระทั่งค่ำวันที่ 16 ต.ค. พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รองผบก.จ.นนทบุรี พ.ต.อ.ดิเรก ยศนันท์ ผกก.สส.จ.นนทบุรี พ.ต.อ.ศานติ กรเกษม ผกก.กก.1 สส.ภ.1 พ.ต.ท.พูนสุข เตชะประเสริฐพร รองผกก.กก.1 ภ.1 พ.ต.ท. ศุภชัย ศรีศักดิ์ สว.สส.สภ.รัตนาธิเบศร์ พร้อมกำลังสืบสวน ภ.1 สืบสวน จ.นนทบุรี สืบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ ร่วมกันจับกุมตัวนายสมเกียรติ ช่อผะกา อายุ 52 ปี ชาว ต.บางคล้า อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมด้วยของกลาง แหวนทองคำหนัก 1 สลึง 3 วง เงินสด 6,050 บาท โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่โรงแรมเลิฟอิน ต.บางคล้า อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา

การจับกุมดังกล่าวมาจากที่เจ้าหน้าที่พบว่าคนร้ายใช้รถจยย.ฮอนด้า คลิก สีแดง หมายเลขทะเบียน 1 กข 5656 พระนครศรีอยุธยา ได้นำรถจยย.ไปจอดทิ้งไว้ย่านเมืองทองธานี จึงนำรถจยย.มาตรวจสอบและเชิญตัวผู้ครอบครองรถ ซึ่งเป็นเจ้าของร้านทำเต็นท์ผ้าใบ มาสอบสวน ทราบว่านายสมเกียรติเป็นลูกน้องได้ขโมยรถจยย.ไปก่อนเกิดเหตุประมาณ 2 วัน จนมาทราบว่านำรถไปก่อเหตุชิงทอง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางไปบ้านญาติเพื่อติดตามตัวและทราบว่านายสมเกียรติ คนร้าย มาเช่าโรงแรมนอนพักอาศัย ส่วนแหวนทองบางส่วนได้นำไปขาย เหลือแค่ 3 วง

จนมุมคาโรงแรม

ขณะที่นายสมเกียรติรับสารภาพอ้างสาเหตุเพราะตนไปขโมยยาบ้าจากนายหรั่งมาเสพ แต่นายหรั่งจับเลยถูกจับได้ไปขังแล้วซ้อมทำร้ายร่างกายให้หาเงินมาจ่ายค่ายาเสพติด 50,000 บาท แม่ตนได้ไปกู้เงิน 30,000 บาทมาใช้หนี้ นายหรั่งถึงได้ยอมปล่อย แต่ข่มขู่ให้หาเงินที่เหลือมาคืนจึงตัดสินใจลงมือก่อเหตุดังกล่าว

เริ่มจากขโมยรถจักรยานยนต์มาจากนายจ้างร้านทำเต็นท์ผ้าใบ หลังก่อเหตุได้นำไปจอดทิ้งไว้ที่เมืองทองธานี แล้วหลบหนีกลับบ้านเกิดที่ จ.ฉะเชิงเทรา ส่วนแหวนทอง 11 วง ที่ได้มานำไปใช้หนี้นายหรั่ง 2 วง และให้เพื่อน 3 วง เหลือ 6 วง นำไปขายร้านทองก่อนจะไปเช่าโรงแรมนอนพักจนมาถูกตำรวจตามจับกุมตัวได้

ส่วนที่เลือกก่อเหตุร้านเพชรทองออโรร่า เนื่องจากเคยถูกก่อเหตุมาหลายครั้ง เพราะไม่มีลูกกรงเหล็ก จึงสามารถก่อเหตุได้ง่ายนั่นเอง

สันติ ประหร่ำภากรณ์
ศุภชัย สินธ์ประเสริฐ
เรื่อง/ภาพ