คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

ตาม ตร.ไขคดี 3 ขวบดับ – เหตุความรุนแรงในครอบครัว ร้อยละ 99 เหยื่อหากไม่ใช่เด็กก็เป็น ผู้หญิง เช่นเรื่องราวสลดที่เกิดขึ้นล่าสุดในเมืองน้ำดำ

ย้อนไปเมื่อวันที่ 17 ต.ค. พ.ต.อ. สมชาย ภูกองชนะ ผกก.สภ.กุฉินารายณ์ พร้อมชุดสืบสวน นำหมายจับจากศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ จ 220/63 ลงวันที่ 17 ตุลาคม 2563 เข้าจับกุมตัวนายคณากรณ์ มูลมั่ง อายุ 30 ปี พ่อเลี้ยงของเด็กชายวัย 3 ขวบที่เสียชีวิต ในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุถึงแก่ความตาย

ที่มาของคดีดังกล่าวเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 12 ต.ค. ทางตำรวจสภ.เมืองกาฬสินธุ์ รับแจ้งจากโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ ให้อายัดศพ ด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุ 3 ขวบ หลังพบว่าเสียชีวิตอย่างมีพิรุธ โดยด.ช.เอเป็นผู้ป่วยอาการหนักถูก ส่งต่อมาจากโรงพยาบาลสมเด็จ พระยุพราชกุฉินารายณ์ อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ เข้ามารักษาที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ กระทั่งเสียชีวิตเมื่อช่วงเวลา 20.00 น. วันที่ 10 ต.ค.

แต่แพทย์พบว่าลักษณะของบาดแผลขัดแย้งกับญาติที่แจ้งไว้ ขณะนำตัวเด็กส่งมาโรงพยาบาล โดยเฉพาะหน้าผากบวมปูด ขอบตาบวมมีรอยเขียวช้ำ กระดูกข้อต่อที่ศอกข้างซ้ายหลุดออกจากกัน สงสัยว่าเด็กอาจถูกทำร้ายร่างกาย ก่อนส่งต่อร.พ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น เพื่อให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญชันสูตรหาสาเหตุอย่างละเอียด

ต่อมาทางสภ.เมืองกาฬสินธุ์ ได้ประสานมายังสภ.กุฉินารายณ์ ซึ่งเป็นพื้นที่บ้านของด.ช.เอ โดยมารดาของเด็กชายให้การว่า ปกติลูกชายมักจะวิ่งเล่นซนตามประสาเด็กวัย 3 ขวบ และมีหลายครั้งที่วิ่งเล่นแล้วหกล้ม เกิดบาดแผล แต่ก็ไม่ได้พาไปรักษาที่ โรงพยาบาล เนื่องจากซื้อยามากินก็หาย กระทั่งวันเกิดเหตุนั้น ออกไปซื้อกับข้าวเพื่อนำมาให้ลูก ก่อนไปก็ยังพูดคุยหยอกล้อกันตามปกติ

กระทั่งกลับมาทราบจากสามี ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงของเด็กว่าน้องอุจจาระใส่ที่นอน ได้พาไปล้างแล้วเกิดลื่นล้มในห้องน้ำ ส่วนสาเหตุที่เจ็บแขนนั้นน้องเป็นมานานแล้ว เนื่องจากน้องหกล้มบ่อย และมีก้อนเนื้อบริเวณดังกล่าว อยู่ระหว่างนัดกับหมอไปผ่าตัด ซึ่งทางมารดาไม่ติดใจในการเสียชีวิตครั้งนี้ เพราะเชื่อว่าน้องลื่นล้มในห้องน้ำ อีกทั้งที่ผ่านมาสามี แม้จะไม่ใช่พ่อแท้ๆ แต่ก็รักเอ็นดูลูกไม่เคยทำร้ายร่างกายเลย ยังได้จุดธูปบอกน้องว่า ยังรักเหมือนเดิมและอยากให้กลับมาเกิดเป็นลูกตนอีก

ขณะที่ นายคณากรณ์ พ่อเลี้ยงของ ด.ช.เอ ให้การว่า คบหาและอยู่กับแม่เด็กมาประมาณปีเศษ โดยที่ผ่านมาก็ได้เลี้ยงดู ด.ช.เอ มาตลอด ซึ่งระยะเวลาที่ผ่านมาทั้งรัก เอ็นดู และเลี้ยงน้องเหมือนกับลูกแท้ๆ อาบน้ำ ป้อนข้าว ป้อนน้ำ ไม่เคยทำร้าย ส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยู่ด้วยกันสองคนกับน้อง ซึ่งวันเกิดเหตุน้องไม่สบาย มีอาการเนื้อตัวบวมเขียวช้ำมาก่อนแล้ว จึงทายาให้ไปรับมาพักที่ห้องด้วยในช่วงเช้า กระทั่งเวลาประมาณ 6 โมง แม่เด็กออกไปซื้อกับข้าวมาให้ลูก ส่วนตนอยู่ดูแลที่ห้อง กำลังจะเปิดโทรทัศน์ให้ดู แต่น้องอุจจาระเปื้อนที่นอนและเสื้อผ้า จึงพาเข้าไปในห้องน้ำแล้วบอกว่าให้ล้างเนื้อล้างตัวรอ ก่อนที่ตนจะเดินมาเช็ดอุจจาระที่เปื้อนที่นอน

จังหวะนั้นก็ได้ยินเสียงดังตุ้บ จึงรีบวิ่งเข้าไปดูก็พบว่าด.ช.เอ ล้มฟุบสลบอยู่ที่พื้นห้องน้ำ คาดว่าศีรษะบริเวณหน้าผากจะกระแทกกับพื้นใกล้กับชักโครก จึงรวบรวมสติโทรศัพท์เรียกยายของน้อง และเรียกเจ้าหน้าที่มารับตัวไปส่งโรงพยาบาล แต่สุดท้ายเด็กก็เสียชีวิตดังกล่าว

“ผมยืนยันว่าไม่เคยทำร้ายหรือคิดจะทำร้าย เพราะผมรักและเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กวัยขวบเศษ ซึ่งด.ช.เอ ก็รักผมจนเรียกว่าปะป๋าตลอด ผมพร้อมที่จะให้การและให้ความร่วมมือกับตำรวจ ทุกอย่าง” นายคณากรณ์กล่าว

แม้จะยืนยันหนักแน่นแต่ผลการชันสูตรเบื้องต้นกลับเผยความจริงอีกด้านออกมา โดยแพทย์โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น พบว่าบาดแผลตามร่างกายของหนูน้อยโดยเฉพาะศีรษะด้านขวา และบริเวณหน้าผากที่มีร่องรอยปูดบวมนั้น เกิดจากการถูกของแข็งกระแทกอย่างแรง ทำให้เลือดออกในเยื่อสมองหรือเลือดคั่งในสมองจนเป็นสาเหตุให้เสียชีวิต ส่วนบาดแผลที่พบกระดูกแขนซ้ายบริเวณข้อต่อนั้นพบว่าเกิดจากการถูกของแข็งกระแทกอย่างแรงเช่นกัน จนกระดูกหักและหลุดออก ซึ่งหากเปรียบเทียบบาดแผลดังกล่าวจะต้องตกจากที่สูงอย่างน้อย 3 เมตร ซึ่งขัดแย้งชัดเจนกับคำให้การที่ว่าเด็กลื่นล้มในห้องน้ำ

หลังทราบผลชันสูตรเบื้องต้น พ.ต.อ.สมชายสั่งการให้พนักงานสอบสวนเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ไปขอศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ออกหมายจับ ก่อนติดตามจับกุมตัวมา สอบสวนปากคำ โดยนายคณากรณ์ยังคงให้การภาคเสธ แบ่งรับแบ่งสู้ โดยปฏิเสธว่าไม่ได้ทำร้ายร่างกายเด็กในวันเกิดเหตุจนบาดเจ็บและเสียชีวิต แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมาเคยทำร้ายร่างกายลูกเลี้ยงมาหลายครั้ง ทั้งใช้กำปั้นชก และทุบตามร่างกายและศีรษะ

ขณะที่ พล.ต.ต.สมนึก มิควาฬ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ สั่งให้สืบสวนเพิ่มว่ามีคนใกล้ชิดหรือบุคคลอื่นร่วมกันทำร้ายร่างกายเด็กและรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ ซึ่งหากพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงก็จะดำเนินการตามกฎหมายทันที สงสัยว่าคดีนี้อาจไม่จบแค่พ่อเลี้ยงโหดคนเดียวซะแล้ว

เพราะความก้าวหน้าที่นิติเวชวิทยาทำให้คำที่ว่า “คนตายพูดอะไรไม่ได้” ไม่เป็นความจริงเสมอไป

ยุทธนา เกียรติดำเนินงาม
เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน