สดจากสนามข่าว – ย้อนปมสลดรักสามเส้า สาวใบ้ลวงฆ่าสาวใบ้! แทงพรุนสยองบางพลี

สดจากสนามข่าว – ย้อนปมสลดรักสามเส้า – “มีความเชื่อว่าความหึงหวงคือสัญญาณของความรัก แต่อันที่จริงเป็นความหลง ความรักที่แท้จริง คือความเข้าใจและเชื่อใจกัน ยกย่องและสร้างสรรค์สิ่งดีงามร่วมกัน ฯลฯ นำมาซึ่งความสุขสงบในหัวใจ แต่ความหึงหวงนั้นเป็นความรู้สึกทางลบ มีอำนาจทำลายล้าง สร้างทุกข์ให้ทั้งตนเองและผู้อื่น…”

 

บางส่วนบางตอนบทความ ‘เพราะรักจึงต้องหึงและหวงจริงหรือ?’ โดย พญ.ชัญวลี ศรีสุโข คุณหมอนักเขียนในเว็บไซต์ https://thaipsychiatry.wordpress.com/ เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553

บ่งบอกถึงความแตกต่างระหว่างคำว่า ‘ความรัก’ และ ‘หึงหวง’ ไว้อย่างชัดเจนแต่ผู้คนจำนวนมากต่างมองข้ามข้อเท็จจริงนี้ไป

พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภาค 1 สอบปากคำ

 

เช่นเดียวกับหญิงสาวรายหนึ่งที่ต้องกลายเป็นอาชญากรจากความหึงหวง

เหตุนี้มีจุดเริ่มในช่วงบ่ายสามโมงเย็นวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา เมื่อ ร.ต.อ.ปัญญาพล บุญศรี รองสว.สอบสวน สภ.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ รับแจ้งเหตุพบผู้เสียชีวิตในร่องน้ำ ข้างทางเดินปูนเลาะคลองสวน หมู่ที่ 13 ซอยมหาชัย ต.บางพลีใหญ่

สภาพศพผู้เสียชีวิต

หลังรับแจ้งรีบรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ก่อนนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พร้อม พ.ต.อ.ประสาทพร ศรีสุขโข ผกก.สภ.บางแก้ว เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่พฐ. แพทย์ ร.พ.บางพลี และ เจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

 

ที่เกิดเหตุพบศพหญิงสาวอายุระหว่าง 30-35 ปี สภาพศพสวมเสื้อยืดนุ่งกางเกงยีนส์ขาสั้น นอนตะแคงในร่องน้ำทางเดินปูนข้างคลองเมื่อเจ้าหน้าที่นำร่างขึ้นมาพบบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธมีคม ที่หน้าท้อง ต้นขาซ้าย และที่มือขวา รวม 5 แผล เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง

นำศพส่งชันสูตร

 

สอบถามชาวบ้านข้างเคียงไม่มีใครรู้จักผู้ตาย แต่เมื่อประมาณ 1 ทุ่มคืนวันที่ 17 ต.ค. มีชาวบ้านได้ยินเสียงผู้หญิงร้อง แต่เมื่อออกไปดูกลับไม่พบสิ่งผิดปกติ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นจุดมืดไม่มีแสงไฟ กระทั่งวันรุ่งขึ้นมีชาวบ้านเดินผ่านมาพบศพผู้เสียชีวิตจมน้ำในจุดที่เกิดเหตุ

 

เบื้องต้นให้มูลนิธินำศพส่งชันสูตรที่ ร.พ.รามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ หรือที่ชาวบ้านเรียกติดปากว่า ร.พ.รามาบางพลี และกระจายกำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริเวณใกล้จุดเกิดเหตุ รวมถึงสืบหาเบาะแสผู้เสียชีวิต

 

ผ่านไปแค่วันเดียวเท่านั้น เช้าวันที่ 19 ต.ค. ก็สืบทราบว่าผู้ตายคือ น.ส.วรรษุมน หรือ กุ้ง บัวอ่อน อายุ 36 ปี ชาว จ.พิษณุโลก และพิการทางการพูดหรือเป็นใบ้ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนก็ไปเชิญตัว นายจักรกริช หรือ ฮ๊อด อายุ 24 ปี ชาว อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด และ น.ส.บัว หรือ ตั๊ก ทองวิเศษ อายุ 36 ปี ชาว อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต จากบ้านพักย่านอุดมสุข เขตบางนา กทม. มาสอบปากคำ

อาวุธสังหาร

 

เนื่องจากพบภาพจากกล้องวงจรปิดว่าในวันที่ 17 ต.ค. ทั้งคู่เดินเข้าไปในจุดเกิดเหตุพร้อม น.ส.วรรษุมน แล้วกลับออกมาเพียง 2 คนเท่านั้น

แต่เจ้าหน้าที่ไม่อาจสอบปากคำได้ เนื่องจากทั้งคู่เป็นผู้พิการทางการพูดเช่นเดียวกับผู้ตายต้องประสานสมาคมคนหูหนวกแห่งประเทศไทย ช่วยส่งล่ามภาษามือมาช่วยพูดคุยซักถามแทน

วงจรปิดมัดชัดเจน

หลังสอบปากคำไม่นานความจริงทั้งหมดก็เปิดเผยออกมาในที่สุดวันที่ 20 ต.ค. พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภาค 1 พร้อม พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.วิชิต บุญชินวุฒิกุล รองผบก. พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี ผกก.สส.ภ.จว.สมุทรปราการ ก็ไปร่วมสอบปากคำทั้งคู่อีกครั้ง ก่อนจัดแถลงการจับกุมที่หน้า สภ.บางแก้ว

 

ทั้งคู่รับสารภาพว่าร่วมกันก่อเหตุฆาตกรรม น.ส.วรรษุมน สาเหตุมาจากเรื่องหึงหวงสืบเนื่องจาก น.ส.บัวไม่พอใจ น.ส.วรรษุมนผู้ตายที่เป็นอดีตภรรยาของสามีที่เป็นหนุ่มผู้พิการทางการพูดเช่นเดียวกันยังแอบติดต่อกันอยู่ ถึงขนาดเคยส่งข้อความไปให้ผู้ตายลบรูปสามีออกจากเฟซบุ๊กส่วนตัว

ล่ามภาษามือร่วมสอบปากคำ

ก่อนเกิดเหตุได้นัดผู้ตายไปบริเวณที่เกิดเหตุ เพื่อพูดคุยเจรจาเคลียร์ปัญหารักสามเส้า โดยที่ น.ส.บัวชวนนายจักรกริชที่อาศัยอยู่ด้วยกันเดินทางไปเป็นเพื่อนด้วย ขณะที่ผู้ตายไปตามนัดเพียงลำพัง

นายจักรกริชสารภาพว่า หลังหญิงสาวทั้งคู่พูดคุยตกลงกันไม่เป็นผล น.ส.บัวที่หลอกให้มาด้วยก็สั่งให้ใช้มีดพับที่พกมาแทงน.ส.วรรษุมน ซึ่งนายจักรกริชอ้างว่าลงมือแทงไปเพียง 1 ครั้งจากนั้นไม่ยอมทำต่อ

น.ส.บัวจึงคว้ามีดจากมือไปแทง น.ส.วรรษุมนซ้ำหลายครั้ง จนเหยื่อมีดล้มลงแน่นิ่ง ก่อนร่างจะกลิ้งร่วงจากสะพานลงในคลอง จากนั้นทั้งคู่รีบหลบหนีกลับบ้านพักกระทั่งตำรวจตามไปจับกุม ส่วน น.ส.บัวให้การภาคเสธ อ้างว่านายจักรกริชลงมือเพียงคนเดียวเท่านั้น ตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

แต่ไม่ว่าผู้ต้องหาจะสารภาพหรือปฏิเสธ ตำรวจก็มีหลักฐานแน่นหนามากพอที่พิสูจน์ต่อศาลสถิตยุติธรรม พิพากษาลงโทษตามอาญาบ้านเมือง

อนุวัสส์ ศิวราศักดิ์ / เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน