คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
ย้อนวีรกรรมป่วนสาว 18 – เพราะความจริงมีได้เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น อะไรที่ปั้นแต่งขึ้นมาแม้จะพยายามเช่นไรก็ย่อมมีช่องโหว่ให้จับได้เสมอ
เช่นกรณีที่มีหญิงสาวแจ้งตำรวจว่า ถูก 2 โจรสุดเถื่อนใช้มีดจี้บังคับเข้าป่าข้างทางหวังขืนใจกลางวันแสกๆ แม้จะฮึดสู้จนหนีมาได้ แต่ก็ถูกตบตีบีบคอก่อนกระชากสร้อยทองหลบหนีไป
ย้อนไปเมื่อวันที่ 20 ต.ค.63 นางหลิน พินิจพันธ์ อายุ 46 ปี ชาวตำบลละลวด อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ ได้พา น.ส.ณัฐยา หรือ น้องนิ่ม อายุ 18 ปี ลูกสะใภ้ เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.การุณ แสงอรุณ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ชำนิ ให้ช่วยติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี
หลังจากลูกสะใภ้ได้ถูกคนร้ายเป็นชาย 2 คนขับขี่รถจักรยานยนต์ สวมหมวกกันน็อกและหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า ตามประกบแล้วใช้มีดจี้บังคับให้เข้าไปในป่าข้างทาง เพื่อหวังจะข่มขืนกระทำชำเรา
แต่ลูกสาวต่อสู้ขัดขืนจึงโดนคนร้ายตบหน้าบีบคอ กระชากเสื้อจนขาด ลูกสาวก็พยายามร้องตะโกนให้คนช่วย คนร้ายจึงกระชากสร้อยทองน้ำหนัก 50 สตางค์ที่ลูกสะใภ้สวมใส่อยู่แล้วขับรถหลบหนีไป เหตุเกิดเวลาประมาณ 15.30 น. วันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา
น.ส.ณัฐยา หรือ น้องนิ่ม ผู้เสียหาย เล่าให้ฟังว่าขณะขับรถจักรยานยนต์กลับจากไปสมัครงานที่ อ.ชำนิ เพียงลำพัง โดยขับมาตามถนนสายบ้านโคกไม้แดง-ละลวด ซึ่งตอนนั้นก็มีฝนตกปรอยๆ จึงไม่ค่อยมีรถวิ่งมากนัก
จู่ๆ ก็มีชาย 2 คนสวมหมวกกันน็อกและหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้าขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน สวนผ่านไป ไม่นานรถคันดังกล่าวก็วนกลับมาแล้วขับประกบรถของตนเอง จากนั้นผู้ชายคนที่นั่งซ้อนท้ายก็กระโดดขึ้นมาซ้อนท้ายรถของตนเอง พร้อมกับใช้มีดที่ติดกับกรรไกรตัดเล็บจี้ที่หลัง บังคับให้ขับลงไปตามถนนดินข้างทุ่งนาห่างจากถนนสายหลัก 300-400 เมตรสองข้างทางเป็นป่า และมีกระท่อมอยู่ 1 หลัง
จากนั้นคนร้ายทั้งสองฉุดกระชากตนลงจากรถ พยายามจะถอดเสื้อและกางเกง แต่ตนใช้มือปัดออกและพยายามขัดขืนหนึ่งในคนร้ายจึงใช้มือตบหน้า บีบคอ ตนก็พยายามร้องตะโกนให้คนช่วย คนร้ายจึงกระชากสร้อยทองน้ำหนัก 50 สตางค์ที่ตนเองสวมใส่อยู่ แล้วขับรถหลบหนีไป น.ส.ณัฐยาเล่าอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คิดว่าคนร้ายน่าจะหวังข่มขืนมากกว่าที่จะชิงทรัพย์ เพราะถ้าจะชิงทรัพย์ คนร้ายน่าจะกระชากตั้งแต่อยู่บนถนนใหญ่แล้ว ไม่น่าจะจี้บังคับให้เข้ามาในป่าก็ได้ แต่ยังเคราะห์ดีที่สามารถรอดมาได้ จึงได้ไปเล่าให้แม่ฟังและเข้าแจ้งความ
หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ เพื่อหาหลักฐานพร้อมทั้งสอบปากคำพยานแวดล้อมต่างๆ และกระจายกำลังออกติดตามตัวคนร้ายตลอดทั้งคืน กระทั่งล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ก็ได้ร่วมกับชุดสืบสวน สภ.ชำนิ ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุอีกรอบ เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมในการติดตามตัวคนร้าย แต่กลับพบพิรุธหลายอย่าง ทั้งร่องรอยบาดแผลที่ผู้เสียหายอ้างว่าถูกทำร้าย และข้อมูลต่างๆ ที่ค่อนข้างขัดแย้งกัน
เมื่อพบความไม่สมเหตุสมผล ตำรวจจึงกลับมาเค้นสอบหญิงสาวผู้เสียหายจนในที่สุดก็ยอมรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเป็นเรื่องโอละพ่อ ไม่ได้เกิดเหตุการณ์ขึ้นจริง เป็นการสร้างเรื่องขึ้น
ส่วนสาเหตุเนื่องมาจากติดการพนันออนไลน์ 8,000 บาท แล้วหาเงินใช้หนี้พนันไม่ทัน จึงตัดสินใจนำสร้อยทองหนัก 50 สตางค์ไปขายที่ร้านทองแห่งหนึ่งใน อ.นางรอง ในราคา 12,800 บาท เพื่อนำไปใช้หนี้พนันออนไลน์
แต่กลัวสามีและทางครอบครัวจะต่อว่า จึงปั้นเรื่องขึ้นว่าตัวเองถูกคนร้ายจี้เพื่อหวังข่มขืนและชิงสร้อยทองไป ไม่คิดว่ามารดาจะพามาแจ้งความจนกลายเป็นเรื่องใหญ่
ขณะที่นางหลิน แม่สามีของ น.ส.นิ่ม บอกว่า ที่ผ่านมาไม่เคยรู้ว่าลูกสะใภ้ติดการพนันออนไลน์หรือมีปัญหาทางการเงินเลย เพราะไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง ส่วนลูกชายซึ่งเป็นสามีของน้องก็ไปทำงานต่างจังหวัด ก็ส่งเงินมาให้ใช้จ่ายตลอด รู้สึกผิดหวังในตัวลูกสะใภ้ไม่คิดว่าจะสร้างเรื่องหลอกกันแบบนี้ เพราะตนเองก็รักและดูแลเหมือนลูกตัวเอง แต่ที่สงสารคือหลานยังเล็กหากแม่มาถูกจับใครจะดูแล
ต่อมาชุดสืบสวนภูธรจังหวัด ก็ได้พาตัว น.ส.นิ่ม ไปชี้จุดร้านทองแห่งหนึ่งใน อ.นางรอง ที่ได้นำสร้อยทองไปขาย ก่อนจะส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.ชำนิ โดยเบื้องต้น ถูกแจ้งข้อหา “แจ้งข้อความอันเป็นเท็จให้เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจจะทำให้ผู้หรือประชาชนได้รับความเสียหาย”
คดีนี้ตำรวจฝากเตือนมาว่า แจ้งความเท็จมีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 2 ปี จึงไม่ควรหาทำ เพราะจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
โดย…สุรชัย พิรักษา /เรืองรุจ วังแจ่ม
เรื่อง/ภาพ