สมศักดิ์ ชฎารัตน์

เรื่อง/ภาพ

ธรรมชาติของคนใช้รถใช้ถนน เมื่อทำผิดกฎจราจรถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับ ก็มักหาข้ออ้างหาเหตุผลต่างๆ นานา เพื่อให้เห็นว่า ไม่ได้ตั้งใจบ้าง ลืมไปบ้าง หรือหากข้ออ้างข้างต้นใช้ไม่ได้ ก็เริ่มพาล หาว่าตร.หาเรื่อง บ้างล่ะ จ้องจับแต่ตนเองบ้าง ทำไมคนทำผิดเหมือนกันไม่ถูกจับบ้าง แล้วแต่จะคิดเข้าข้างตัวเอง

เมื่อคนทำผิดไม่คิดว่าตนเองผิด กรรมก็มาตกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ต้องมาคอยรองรับอารมณ์ ไอ้ครั้นจะใช้ความรุนแรงตอบโต้ก็จะกลายเป็นฝ่ายผิด ถูกมองว่าไม่รู้จักระงับอารมณ์

เช่นเหตุการณ์เมื่อวันที่ 18 ก.ย. เมื่อโลกโซเชี่ยลได้เผยแพร่คลิปเหตุการณ์ ที่ถูกระบุว่า เกิดขึ้นที่พื้นที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ โดยในวิดีโอเป็นภาพหนุ่มรายหนึ่งและผู้หญิงที่คาดว่าเป็นมารดาของหนุ่มรายนี้ ซึ่งอยู่ในอารมณ์โมโหอย่างหนัก และกำลังต่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ที่จับกุมและยึดรถจยย.ของตน เนื่องจากไม่มีใบขับขี่และไม่สวมหมวกกันน็อก

ซึ่งผู้ถูกจับกุมอ้างว่า ใครๆ ก็ทำกันไม่เห็นเป็นอะไรทำไมจ้องจับแต่รถตน และให้ตร.เขียนใบสั่งมาเพราะจะรีบไปขายของ ซึ่งหนุ่มรายดังกล่าวตะโกนโวยวายระเบิดอารมณ์ด่าทอเจ้าหน้าที่ด้วยถ้อยคำหยาบคายตลอดเวลา

เจ้าตัวไม่ได้แค่ด่า ยังท้าเจ้าหน้าที่มาต่อยกันให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่เมื่อตำรวจไม่แสดงอาการโกรธตามที่ตนต้องการ ก็ถ่มน้ำลายใส่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนที่คลิปดังกล่าวจะจบลง

พลันที่คลิปถูกแพร่ออกไป ผู้คนต่างเข้ามาแสดงความชื่นชม เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อดทนต่อความโกรธได้เป็นอย่างดี ก่อนจะถล่ม 2 แม่ลูกจนไม่เหลือดี

ทั้งยังขุดคุ้ยว่าที่หนุ่มรายนี้กร่างได้ เพราะเป็นหลานชายรองผกก.คนหนึ่ง ที่เคยอยู่ที่สน.ทุ่งมหาเมฆ แต่ปัจจุบันย้ายไปรับตำแหน่งที่สน.อื่นแล้ว

กระแสไม่พอใจลุกลามอย่างรวดเร็ว พ.ต.อ.อัครวุฒ ธานีรัตน์ ผกก.สน.ทุ่งมหาเมฆ รีบออกมาชี้แจงผ่านเพจ ศูนย์โซเชี่ยล ศปก.ตร. ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 08.00 น. ของวันที่ 18 ก.ย. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรของ สน.ทุ่งมหาเมฆได้ตั้งด่านตรวจเพื่อกวดขันวินัยจราจรในพื้นที่ตามปกติ บริเวณปากซอยสุวรรณสวัสดิ์ ถนนพระรามที่ 4

บุคคลในคลิปวิดีโอได้ขับขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกกันน็อกทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายอีกทั้งไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เรียกให้หยุดรถ และดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาตาม พ.ร.บ.จราจรฯ ขณะปฏิบัติหน้าที่บุคคลในคลิปได้ต่อว่า ด่าทอ และถ่มน้ำลายใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามที่ปรากฏในคลิปวิดีโอดังกล่าว

ซึ่งความคืบหน้าล่าสุดได้ดำเนินการให้ร.ต.ท.สุขสันต์ กันยาสนธิ์ รอง สว.จร. ที่อยู่ในเหตุการณ์ ลงบันทึกประจำวัน และเข้าร้องทุกข์เพื่อกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนแล้ว

18.00 น. วันเดียวกัน ที่สน.ทุ่งมหาเมฆ นายพายุ(ขอสงวนนามสกุล)อายุ 19 ปี น.ส.สราวรรณ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี มารดาพร้อมด้วยบิดา ก็เดินทางเข้ามอบตัวต่อ พ.ต.อ.อัครวุฒ ธานีรัตน์ ผกก.สน.ทุ่งมหาเมฆ และร.ต.อ.อภิชัย ศรีสังข์ รองสารวัตร (สอบสวน) สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา

นายพายุกล่าวว่า ตนและมารดายอมรับสารภาพตามข้อกล่าวหา และอยากชี้แจงว่า ตนไปส่งน้องชายไปโรงเรียนโดยขนข้าวกล่องไปด้วย หลังส่งเสร็จตนจะนำข้าวกล่องที่แม่ทำไว้ประมาณ 80 กล่อง ไปส่งหน้าร้านย่านสาทร

ระหว่างทางติดไฟแดง ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร 2 นาย เรียกตนชิดขอบทาง เพื่อจะแจ้งข้อหาไม่สวมหมวกนิรภัย แต่ตนเห็นว่า มีคนอื่นๆ ไม่ใส่หมวกจอดติดไฟแดงด้วย แต่ไม่มีการเรียกตรวจ คนอื่นๆ ก่อนจะมีปากเสียงกันเกิดขึ้นตามคลิป

ตนทำไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ก้าวร้าว ใช้กิริยาวาจาไม่สุภาพและฝากขอโทษ ร.ต.ท.สุขสันต์ กันยาสนธิ์ ด้วย ทั้งนี้ไม่เคยแอบอ้างว่าเป็นน้องหรือหลานรองผกก. ตามที่มีข่าวลือในโซเชี่ยลแต่อย่างใด

พ.ต.อ.อัครวุฒเปิดเผยว่า จริงๆ แล้วไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่โต ลุกลามไปขนาดนี้ เพราะความโมโห จนทำให้บานปลายประกอบกับไม่เข้าใจกระบวนการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ กับน.ส.สราวรรณ ส่วนนายพายุ ลูกชาย เจ้าหน้าที่ตั้งข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่เหตุ ที่ถ่มน้ำลายใส่ รวมทั้งความผิดตามพ.ร.บ.จราจรทางบก โดยทั้งสองต่างยอมรับและสำนึกในการกระทำ

วันรุ่งขึ้นตร.นำตัว 2 แม่ลูกส่งฟ้องศาลแขวงพระนครใต้ ก่อนน.ส.สราวรรณ ถูกจำคุก 1 เดือน ปรับ 5,000 บาท ส่วนนายพายุ ลูกชาย ถูกตัดสินจำคุก 1 เดือน ปรับ 9,200 บาท แต่ศาลยังปรานีด้วยทั้งคู่ไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน