บทสรุปคดีล่อซื้อกระทงศาลโคราชจำคุกแก๊งรีดจับลิขสิทธิ์ดญ.15ปี62 : สดจากสนามข่าว
ภาพเด็กหญิงวัย 15 ปีคนหนึ่ง ถูกตัวแทนลิขสิทธิ์ดำเนินการล่อซื้อจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ เนื่องจากเด็กหญิงคนดังกล่าวได้ประดิษฐ์กระทงขายโดยติดรูปตัวการ์ตูนดัง นับเป็นข่าวสะเทือนใจเมื่อก่อนวันลอยกระทงปี 2562 ที่ผ่านมา
นาทีจับนายภูมิภากร หรือ นัน ถิ่นสุวรรณ
ผ่านมาเกือบครบ 1 ปี ในที่สุดเด็กหญิงก็ได้รับความยุติธรรม
ย้อนไปเมื่อวันที่ 4 พ.ย. 62 ที่บ้านเลขที่ 166 บ้านบึงรี หมู่ที่ 2 ต.หนองไข่น้ำ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ครอบครัวของน้องอ้อม (นามสมมติ) เด็กหญิงวัย 15 ปี ที่ถูกจับละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งอยู่กันพร้อมหน้าทั้งพ่อ แม่ และยาย ร่วมกันเปิดเผยเรื่องราว โดยทั้งหมดยังอยู่ในอาการตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
พ่อของน้องอ้อมเปิดเผยว่า เหตุการณ์ ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงเมื่อช่วงเย็นวันที่ 1 พ.ย. 62 ที่ผ่านมา โดยมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งติดต่อสั่งให้ลูกสาวของตนทำกระทงจำนวน 136 ชิ้น โดยให้กระทงแต่ละอันติดรูปภาพการ์ตูนดัง ซึ่งเมื่อถึงเวลานัดลูกสาวของตนได้นำกระทงจำนวน 30 ชิ้นไปส่งให้กับลูกค้าคนดังกล่าวที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในตัวเมืองนครราชสีมา และทราบว่าลูกค้าคนดังกล่าวเป็นตัวแทนลิขสิทธิ์ของบริษัทการ์ตูน ลูกสาวของตนจึงถูกล่อซื้อจับกุม และถูกนำตัวมาดำเนินคดีที่สถานีตำรวจ
ตัวแทนลิขสิทธิ์ได้พูดข่มขู่ให้ลูกสาวของตนหาเงินมาเสียค่าปรับเป็นเงินจำนวน 50,000 บาท ลูกสาวของตนจึงแจ้งให้พ่อตาของตนซึ่งมีศักดิ์เป็นคุณตาของลูกสาวตน และเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้เจรจาให้ สุดท้ายจึงเจรจาค่าเสียหายจบลงเป็นเงินจำนวน 5,000 บาท ทั้งนี้ ตนเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เพราะถึงแม้ลูกตนจะทำผิดจริงแต่ก็ควรดูที่เจตนา เพราะเด็กเพียงแค่ต้องการหารายได้ เสริมเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น และตัวแทนลิขสิทธิ์ก็ไม่ควรหากินกับเด็กแบบนี้
ด.ญ.ได้รับการช่วยเหลือ
น้องอ้อม (นามสมมติ) เผยว่า ตนเองมีความตั้งใจมากที่จะหารายได้พิเศษด้วยตัวเองเพื่อเป็นค่าเล่าเรียน เพราะขณะนี้เพิ่งเรียนปวช.ปี 1 สาขาการบัญชี ในวิทยาลัยเทคนิคแห่งหนึ่ง จะได้ไม่ต้องรบกวนเงินของพ่อ แม่ เพราะพ่อก็ทำงานโรงงานมีรายได้ไม่มาก ช่วงนี้ใกล้จะลอยกระทงจึงมีไอเดียที่จะนำขนมปังมาทำกระทงไปขาย และโพสต์ลงในเฟซบุ๊กขาย ปรากฏว่ามีคนสั่งซื้อมาจำนวนมาก โดยจะเน้นไปที่ลายดอกไม้ แต่มีคนหนึ่งที่มาสั่งเจาะจงให้ทำเป็นลายการ์ตูนที่มีลิขสิทธิ์ เช่น ริลัคคุมะ และแมวการ์ฟีลด์ ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ จึงได้ทำให้ตามออร์เดอร์
ในวันดังกล่าวได้เร่งทำกระทงตั้งแต่เช้า เวลา 08.00 น.ถึงเวลา 01.30 น. เพื่อให้ทันนำไปส่งให้ลูกค้า แต่กลับมาถูกกลั่นแกล้งด้วยการล่อซื้อจับลิขสิทธิ์ ทั้งที่ปกติตนเองก็ไม่ได้ทำลายลิขสิทธิ์อยู่แล้ว เพียงแต่ลูกค้ารายนี้เจาะจงให้ทำลายลิขสิทธิ์เพื่อที่จะล่อซื้อและจับตนเพื่อเรียกค่าลิขสิทธิ์แสนแพง หลังจากที่ตนเองถูกจับแล้วกลับบ้านมาก็ร้องไห้ตลอดทั้งคืน เพราะไม่เคยโดนคดีอะไรที่ร้ายแรงแบบนี้มาก่อน อยากถามว่าทำไมถึงทำกับตนแบบนี้
นายประจักษ์ โพธิผล
ด้าน พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมาเปิดเผยว่า ทางพนักงานสอบสวนได้ช่วยเจรจาไกล่เกลี่ย จนสุดท้ายตกลงค่าเสียหายกันที่ 5,000 บาท ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปฏิบัติหน้าที่ไปตามกฎหมาย เพราะหากไม่ดำเนินการก็จะเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ถือเป็นช่องโหว่ของกฎหมาย ซึ่งอยากฝากเตือนนักเรียนนักศึกษาหากจะกระทำการใดๆ ควรคิดไตร่ตรองให้รอบคอบเสียก่อน เพราะอาจจะเกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวขึ้นได้
หลังจากเรื่องราวถูกโพสต์ลงโลกโซเชี่ยลก็มีความช่วยเหลือยื่นมือเข้ามาช่วย ทั้งมีการแฉว่าแก๊งจับลิขสิทธิ์ดังกล่าวมีการทำกันเป็นขบวนการ อีกทั้งพล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผบ.ตร.ในขณะนั้นได้สั่งการให้มีการสืบสวนข้อมูลในเชิงลึกจนนำมาสู่การจับกุมนายประจักษ์ โพธิผล, นายภูมิภากร หรือ นัน ถิ่นสุวรรณ และ นางจอย (นามสมมติ) บุตรสาวของนายภูมิภากร หรือ นัน ทั้งหมดถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ ทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับและแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวน” ก่อนทำเรื่องส่งฟ้องไปตามขั้นตอน
ภาพตอนถูกจับ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 ต.ค. 63 นายพรเทพ เจริญพงศ์อนันต์ ประธานสภาทนายความนครราชสีมา เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (28 ต.ค.) ศาลจังหวัดนครราชสีมาได้อ่านคำพิพากษาจำคุกนายประจักษ์ จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 2 ปี 6 เดือน และนายภูมิภากร หรือ นัน จำเลยที่ 2 เป็นเวลา 3 ปี โดยไม่รอการลงโทษ ส่วนนางจอย (นามสมมติ) จำเลยที่ 3 ให้ยกฟ้อง
เหยื่อแก๊งรีดโผล่อื้อ
ขณะนี้จำเลยทั้ง 2 คนอยู่ระหว่างถูกคุมขังที่ชั้นล่างศาลจังหวัดนครราชสีมา อยู่ระหว่างยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวและดำเนินการอุทธรณ์ต่อไป ส่วนการพูดคุยกับครอบครัวผู้เสียหาย รู้สึกพอใจที่ได้รับความเป็นธรรมและขอให้เป็นตัวอย่างสุดท้ายกับการล่อจับสินค้าลิขสิทธิ์
คดีนี้คงเป็นบทเรียนให้แก๊งจับ-รีดลิขสิทธิ์ได้ตระหนักได้บ้างว่า กฎหมายไม่ได้มีไว้หากิน
ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ
เกษม ชนาธินาถ
เรื่อง/ภาพ
