สดจากสนามข่าว

ขวัญเพชร โชคบรรดาลสุข เรื่อง/ภาพ

“ข้างหน้าก็มีไฟแดง มีรถสิบล้อจอดอยู่ ถ้าเกิดรถโดนยิงอาจเสียหลักและตายทั้งคันได้ ผมยอมที่จะประสบอุบัติเหตุดีกว่า”

ส่วนหนึ่งในคำให้การของนายจตุรภัทร วงษ์วรนุช อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 95/1 หมู่ 2 ต.วังเย็น อ.บางแพ จ.ราชบุรี เล่านาทีเฉียดตายที่เจ้าตัวและครอบครัวรวม 6 ชีวิต ถูกคนเมาขับรถไล่ยิงจนตัดสินใจหักรถพุ่งลงข้างทาง จนสามารถเอาชีวิตรอดมาได้

เรื่องราวถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 19 ก.ย. หลังผู้ใช้ชื่อ Ammy Preamtip นำคลิปวิดีโอที่มีผู้เสียหายขับรถเสียหลักตกถนนและ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 ราย เหตุเกิดที่บริเวณสามแยกเจ็ดเสมียน ม.6 ต.เจ็ดเสมียน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เมื่อช่วงเย็นวันที่ 18 ก.ย. โดยใช้ชื่อคลิปว่า #ไล่ยิงกันยิ่งกว่าหนัง และมีเสียงของผู้เสียหายที่บอกว่า รถของตนเองนั้นถูกไล่ยิงมาจนเสียหลักตกถนนทำให้ตนเอง ลูกเมีย และญาติๆ ได้รับบาดเจ็บรวม 6 ราย เผยแพร่สู่โลกออนไลน์

นายจตุรภัทร เล่าถึงวินาทีชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. ตนและครอบครัวทั้งหมด 6 คน ขับรถกระบะฟอร์ด 4 ประตู สีขาว ทะเบียน 5 กว 5307 กทม. ออกจากบริษัท ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับจัดหาแรงงานต่างด้าวในอำเภอเมืองจังหวัดราชบุรี เพื่อกลับบ้านใน ต.วังเย็น อ.บางแพ จ.ราชบุรี

เมื่อขับเข้าถนนเพชรเกษมสายหลัก ช่วงสะพานยกระดับแยกโคกหม้อ เห็นรถยนต์อเนกประสงค์ยี่ห้อ ฟอร์ด รุ่นเอเวอเรสต์ สีดำ ทะเบียนป้ายแดง 8-5555 กรุงเทพมหานคร ขับอยู่ในช่องทางเดินรถด้านขวา และพยายามไล่จี้และเปิดไฟสูงไล่รถคันที่อยู่ด้านหน้า เพื่อให้หลบเข้าทางเดินรถด้านซ้ายมาตลอดทาง

ตนก็ยังไม่ได้เอะใจอะไร จนวิ่งผ่านสำนักงานขนส่งจังหวัดราชบุรี เริ่มสังเกตถึงความผิดปกติเหมือนรถยนต์คันดังกล่าววิ่งรถด้วยความเร็วและพยายามที่จะไล่ให้คันที่อยู่ข้างหน้าของตัวเองหลบไป พ้นทางเสมือนไม่ให้ใครวิ่งนำหน้าตนเอง

เมื่อมาถึงช่วงบริเวณหน้าศูนย์บริการรถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเลต ตนตัดสินใจขับแซงขึ้นไป ปรากฏว่าชายคนที่ขับรถฟอร์ด เอเวอเรสต์ พยายามขับไล่ เปิดไฟสูงใส่และบีบแตรใส่ ตนก็คิดแล้วว่าต้องหาเรื่องเป็นแน่ ในตอนนั้นก็พยายามหลบหลีกให้เพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่ง แต่พอหลบเข้าเลนซ้ายก็เปลี่ยนเลนจี้ตามมา จนได้ยินเสียงปืนดังขึ้น

ตนเหลือบไปเห็นชายคนดังกล่าวหันอาวุธปืนมาทางรถตน วินาทีนั้นตนเองพยายามควบคุมสติและคิดอย่างเดียวต้องหาวิธีเอาชีวิตรอด จึงได้ตะโกนบอกให้คนในรถก้มหมอบลง จากนั้นได้รีบเหยียบเร่งกำลังรถขึ้นด้วยความเร็ว 130-140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อที่จะหลบหนีให้พ้นจากวิถีกระสุนปืน แต่เนื่องจากบนถนนมีรถจำนวนมากเพราะเป็นช่วงเวลาเดินทางกลับบ้านของประชาชน

แม้ตนจะพยายามหลบหนีแล้ว แต่ชายคนดังกล่าวก็พยายามขับรถตามมาและใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง จนมาถึงช่วงที่เกิดเหตุเป็นทางแยกเข้าตำบลเจ็ดเสมียน และมีสัญญาณไฟจราจรซึ่งมีรถจอดติดไฟแดงอยู่หลายคัน ในวินาทีนั้นตนคิดว่าถ้าวิ่งตรงต่อไปจะต้องเกิดโศกนาถกรรมแน่นอนเพราะรถวิ่งมาด้วยความเร็วสูง

“มีรถสิบล้อจอดอยู่ ถ้าเกิดรถโดนยิงอาจเสียหลักและตายทั้งคันได้ ผมยอมที่จะประสบอุบัติเหตุดีกว่า จึงตัดสินใจเอาชีวิตรอดด้วยการพุ่งตรงแหกโค้งชนเข้ากับเสาปักกั้นถนนก่อนรถจะลอยพุ่งตกไปชนเข้ากับ ป่าหญ้าปอข้างทางและมีแอ่งน้ำช่วยลดแรงกระแทกจนทุกคนที่นั่งมาในรถรอดชีวิตทั้งหมด 6 คน แต่ได้รับบาดเจ็บจากแรงกระแทกและแรงยึดจากเข็มขัดรินิภัย”นายจตุรภัทรกล่าว

นายจตุรภัทรเผยต่อว่า ชายในรถคู่กรณีพยายามขับรถตามมา แต่โชคดีที่รถยนต์ของคู่กรณีชนติดกับเสาปักกันถนนจนรถได้รับความเสียหาย และเจ้าตัวไม่ยอมลงมาจากรถคันดังกล่าว ประกอบกับมีพลเมืองดีจะเข้ามาช่วยเหลือ ตนก็ได้ตะโกนเตือนไปว่าอย่าเพิ่งเข้าไป ในรถยนต์คันนั้นมีปืน ทำให้ทุกคนเกิดความหวาดกลัวและระวังตัวกัน ก่อนจะโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาช่วยเหลือ

เบื้องต้นตำรวจ สภ.โพธาราม ควบคุมตัวชายคนดังกล่าว ทราบชื่อเพียงแค่ว่า “อาร์ท” เป็นสารวัตรกำนันในจังหวัดนครปฐม ซึ่งอยู่ในอาการมึนเมา วัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดสูงถึง 175 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งตนและครอบครัวจะดำเนินคดีตามกฎหมาย จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

ด้าน พ.ต.อ.นภดล รุ่งสาคร ผกก.สภ.โพธาราม กล่าวว่า เบื้องต้น ได้ควบคุมตัวนายอรรถกฤต แก้วคำ อายุ 41 ปี ต.สนามจันทร์ อ.เมือง จ.นครปฐม สารวัตรกำนันในพื้นที่ จ.นครปฐม ซึ่งสารภาพว่าใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าไป 1 นัด และขับรถปาดหน้ากันไปมา ประกอบกับมีอาการเมาสุราด้วย จากการตรวจพบอาวุธปืนซึ่งผู้ต้องหาก็อ้างว่ามีทะเบียน ก็ต้องรอให้มีการนำเอกสารมาแสดง

นายอรรถกฤตถูกแจ้งข้อหาพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต, ยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร, ขับรถประมาท และเมาสุราแล้วขับรถ ส่วนข้อหาพยายามฆ่า ยังรอให้นายจตุรภัทร ผู้เสียหายมาร้องทุกข์กล่าวโทษอีกครั้ง

ตำรวจไม่ให้ประกันตัวสารวัตรกำนันปืนดุ โดยถูกสอบสวนก่อนส่งตัวฝากขังต่อศาลจังหวัดราชบุรีในวันต่อมา ก่อนจะได้รับการประกันตัวในชั้นศาล ส่วนผลการตัดสินความผิดจะออกมาเช่นไร ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน